Untold Story “The Cartiers” Part XII
ตอนนี้ทุกคนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นผลงานของ René ดังนั้น Devaux จึงตัดสินใจทำการทดสอบอีกครั้งหนึ่ง โดยบอกกับ René ว่าพบสร้อยคอแล้ว และโชคดีที่ตำรวจสามารถเก็บลายนิ้วมือจากสร้อยคอได้ Devaux บอก Jacques ในภายหลังว่าท่าทางของ René ไม่น่าเหมือนผู้บริสุทธิ์ แม้จะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดซึ่ง René ก็ยังคงบอกว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์ แต่ Louis รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงเชื่อมั่นว่าเป็นฝีมือของ René มีแต่เพียง Glaenzer ซึ่งเป็นผู้อาวุโส รวมทั้งคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดการโจรกรรมเท่านั้นที่ยังคงสนับสนุน René ซึ่งด้วยความโกรธ Louis จึงไปหาลูกสาวของเขา และเรียกร้องให้เธอหย่ากับ René ทันที แต่ Anne – Marie ก็ยังคงยืนเคียงข้างสามี และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของเขา ซึ่งท้ายที่สุด Jacques ก็เข้ามาไกล่เกลี่ยโดยประกาศว่าพวกเขาต้องหาหลักฐานก่อนการตัดสินลงโทษ
โดย Jacques ไปที่สาขาปารีสและฟังหลักฐานทั้งหมดที่กล่าวหา René พร้อมข้อสงสัยเกี่ยวกับการโจรกรรมสองครั้งก่อนหน้านี้ รวมถึงไพลินที่ถูกขโมยไปเมื่อสามปีก่อน ซึ่งเมื่อขุดลึกลงไป Jacques พบว่าการโจรกรรมเหล่านี้ล้วนถูกสอบสวนโดย Collin ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทคนหนึ่ง โดยแม้กระทั่งการสัมภาษณ์กับ Collin ยังต้องมีกระบวนการพอสมควร ที่ทำให้เห็นรูปแบบการทำงานของสาขานี้ ส่วน René ก็ต้องพักงานไปในช่วงการพิจารณาคดี ซึ่งหลังจากนั้น René ก็ล้มป่วยด้วยความเครียดและแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลฝรั่งเศสในแมนฮัตตันเพื่อเข้ารับการผ่าตัด น่าเศร้าที่คำอธิษฐานของภรรยาเขาไม่ได้ช่วยชีวิตเขา การผ่าตัดแผลในกระเพาะอาหารกลับทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน และเขาก็เสียชีวิตในอีกสามสัปดาห์ต่อมา ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ปี 1937
ส่วนทางด้านอังกฤษก็มีจุดสนใจที่แตกต่างออกไป ในปี 1936 ความสัมพันธ์อันอื้อฉาวระหว่างกษัตริย์และ Wallis Simson ถูกกันออกจากหน้าสื่อ ซึ่งอย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคมพระมหากษัตริย์ก็ได้พบกับนายกรัฐมนตรี Stanley Baldwin เพื่อประกาศความตั้งใจที่จะอภิเษกสมรส โดย Baldwin ตอบว่าประชาชนชาวอังกฤษจะไม่ยอมรับผู้หญิงที่หย่าร้างเป็นราชินีของพวกเขา แต่ทางด้านกษัตริย์กลับกล่าวว่า “ฉันคิดว่าฉันรู้จักคนของเรา และพวกเขาจะเข้าใจได้ในเรื่องชีวิตส่วนตัว” ในขณะที่ Baldwin ยังคงเชื่อมั่นว่า “แต่พวกเขาจะไม่ยอมยืนหยัดเพื่อเรื่องนี้” ซึ่งในการประชุมหลายครั้งเขาได้เอ่ยถึงทางเลือกไว้อย่างชัดเจนว่า กษัตริย์จะต้องเลือกที่จะสละ Wallis Simson หรือสละราชสมบัติ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความเห็นที่ไม่ตรงกันของทั้งสองอย่างชัดเจน
และในเดือนธันวาคมข่าวที่ว่า Edward VIII ได้เลือก Wallis Simson แทนการขึ้นครองบัลลังก์ ก็กลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการออกอากาศทางวิทยุที่สะเทือนอารมณ์จากปราสาทวินด์เซอร์ เขาได้ประกาศสละราชสมบัติและออกอังกฤษ โดยเพื่อไม่ให้ทุกอย่างที่เตรียมมาสูญเปล่า George VI น้องชายของ Edward ก็จะสวมมงกุฎในเดือนพฤษภาคมแทนในแบบ “วันเดียวกัน ต่างกษัตริย์” ซึ่ง CARTIER สาขาลอนดอนรับหน้าที่ทำมงกุฎและเครื่องประดับศีรษะ 27 ชิ้น ให้กับทั้งราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงศักดิ์ชั้นยศต่างๆ ที่ซึ่งเป็นลูกค้าชั้นดีของ CARTIER มาโดยตลอด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Halo Tiara ที่ซึ่งสวมใส่โดยราชวงศ์มาโดยตลอดกว่าสี่ชั่วอายุคน และยิ่งมีลักษณะพิเศษเพิ่มขึ้นในปี 2011 เมื่อ Catherine Middleton ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ สวมสำหรับงานแต่งงานของเธอกับเจ้าชาย William
ในขณะที่ Louis วัย 62 ปีแทบจะไม่ได้อยู่ในประเทศอีกต่อไป และทิ้งธุรกิจให้คนอื่นเป็นส่วนใหญ่ ในขณะเดียวกันกับ Pierre ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการไปช่วยทำงานที่สาขาปารีสมากขึ้นโดย Pierre ได้ส่งข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจจากอเมริกาไปยังยุโรปเป็นประจำ และ Pierre นั้นนับถือ Roosevelt เป็นเพื่อน เพราะได้ทำความคุ้นเคยกับวุฒิสมาชิกนิวยอร์กผู้นี้มานาน ก่อนที่เขาจะได้รับการเลือกเป็นประธานาธิบดี ซึ่งในขณะที่กำลังดำเนินธุรกิจอยู่นี้ Louis ก็ล้มป่วยหนักเนื่องจากปัญหาความดันโลหิตต่ำผิดปกติ พร้อมกับที่ Pierre ในวัย 61 ปีพยายามจะกลับไปทำงานกับสาขาปารีสมากขึ้นโดยตั้งรกรากอยู่ในโมนาโค โดยเขาศึกษาโครงสร้างด้านต่างๆ อย่างลึกซึ้ง ทั้งด้านการขนส่ง การขาย รวมไปถึงงานบุคคลด้านต่างๆ เพื่อให้เขาสามารถวางรากฐานการทำงานที่สาขาปารีสได้เป็นอย่างดีที่สุด
ซึ่งในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 CARTIER ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องประดับ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก โดย L'Illustration รายงานในปี 1939 ว่าตำแหน่งที่ตั้งร้าน CARTIER ทั้งสามแห่งถือเป็นแหล่งที่มีอารยธรรมและวัฒนธรรมสมัยใหม่ พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางของความหรูหราและมีรสนิยม ซึ่งนั่นก็คือ Rue de la Paix สำหรับสาขาปารีส, 5th Avenue สำหรับสาขานิวยอร์ก และบอนด์สตรีทสำหรับสาขาลอนดอน ในขณะเดียวกันกับที่ Pierre ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำทางธุรกิจ ที่ได้รับความนับถือมากที่สุดในช่วงเวลานี้ โดยปี 1945 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง Claude Cartier ลูกชายของ Louis Cartier วัย 20 ปีถือเป็นผู้ได้ได้รับมรดกจากบิดาของเขาทั้งหมด และถือเป็นผู้นำในอนาคตของ CARTIER สาขาปารีส แต่ในไม่ช้าความจริงก็ปรากฏชัดว่า Claude ไม่ได้มีความกระตือรือร้นกับ CARTIER เอาเสียเลย
ตั้งแต่แรกที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะเริ่มต้นฝึกงานที่ CARTIER ซึ่งอันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่ปารีสเลยด้วยซ้ำ Devaux ซึ่งดูแล CARTIER สาขาปารีสก็รู้สึกผิดหวัง เพราะเขาเองสนิทสนมกับ Louis และหวังว่าจะสร้างความสัมพันธ์ที่คล้ายคลึงกันกับลูกชายของเขา โดยเขายังมีเสียงสนับสนุนจากสมาชิกในครอบครัว CARTIER อยู่ และยังช่วยระงับความตึงเครียดในสาขาปารีสอีกด้วย เนื่องจากการเสียชีวิตของ Louis ทำให้เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ และความบาดหมางด้านต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้น แม้ Louis จะได้เขียนพินัยกรรมไว้หลายฉบับ และได้ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้มากมายทั่วโลก มีทั้งทรัพย์สินและบัญชีธนาคารในหลายประเทศ รวมทั้งในหลายสกุลเงิน มีทั้งอัญมณี รายการเครื่องเรือน และภาพวาดที่ประเมินค่าไม่ได้ โดยในพินัยกรรมของเขาเมื่อปี 1935 Louis ได้ยกมรดกทั้งหมดของเขาใน CARTIER สาขาปารีสให้กับ Claude
แต่กลับไม่ได้กล่าวถึงการถือหุ้นใหญ่ของเขาในสาขาอื่นๆ จากพินัยกรรมที่เขียนขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1941 ไม่นานก่อนอาการหัวใจวายของเขา ที่ได้ตั้งให้ Claude เป็นทายาทหลักของCARTIER สาขาปารีส โดย Pierre เชื่อว่า Claude เป็นผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายรวมถึงหุ้นสาขานิวยอร์กของ Louis เองด้วย แต่ทางด้านการทำงานก็รู้สึกว่าหลานชายของเขา ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของ CARTIER สาขานิวยอร์ก ในขณะเดียวกันที่ Jacqueline ภรรยาหม้ายของ Louis กลับยืนยันว่าลูกชายของเธอควรได้รับมรดกจากบิดาของเขาในทุกสาขา ซึ่งสำหรับครอบครัวแล้วถือเป็นช่วงเวลาที่ไม่สงบ และเต็มไปด้วยความแตกแยก ในขณะที่ Pierre ก็เริ่มให้ความสนใจไปที่หลานชายอีกคนของเขา Jean-Jacques ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของ Jacques ซึ่งหลายเสียงให้คำยืนยันว่า หลานชายคนนี้มีความตั้งใจอย่างจริงจังต่องานของCARTIER
Untold Story “THE CARTIERS” Part I
Untold Story “THE CARTIERS” Part ll
Untold Story “THE CARTIERS” Part llI
Untold Story “THE CARTIERS” Part lV
Untold Story “THE CARTIERS” Part V
Untold Story “THE CARTIERS” Part Vl
Untold Story “THE CARTIERS” Part VlI
Untold Story “THE CARTIERS” Part VlIl
Untold Story “THE CARTIERS” Part lX