BREITLING เผยคอลเลคชั่นเต็มของ Navitimer 8 อันประกอบด้วยนาฬิกาทั้งหมดถึง 5 รุ่นด้วยกัน (Automatic / Day & Date / Chronograph / Unitime/ B01)
หลังจากปล่อยภาพและข้อมูลของนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ Navitimer 8 (ที่หน้าตาไม่เหมือน Navitimer ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย) แบบแรกที่เป็นโครโนกราฟกลไกอินเฮ้าส์ ซึ่งใช้ชื่อว่า Navitimer 8 B01 ออกมาไม่นาน BREITLING (ไบรท์ลิ่ง) ก็ปล่อยของต่อด้วย Navitimer 8 อีก 4 รุ่นตามออกมา โดยมีตั้งแต่รุ่น Automatic ฟังก์ชั่นแสดงวันที่, รุ่น Day & Date ที่เพิ่มฟังก์ชั่นแสดงวันของสัปดาห์มาให้, รุ่น Chronograph กลไกไม่อินเฮ้าส์ และรุ่น Unitime กลไกอินเฮ้าส์ ฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ เมื่อรวมเข้ากับรุ่น B01 กลไกอินเฮ้าส์โครโนกราฟ ที่เผยหน้าตาออกมาก่อนเพียงข้ามวัน ก็ทำให้คอลเลคชั่น Navitimer 8 นี้ เหมือนกับเป็นกองทัพชุดใหม่ที่ Georges Kern ซีอีโอ คนใหม่ตั้งใจสร้างขึ้นเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการทำตลาดของแบรนด์ BREITLING ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว การยกนาฬิกาฟังก์ชั่นต่างๆ ออกมาเป็นแพทั้งคอลเลคชั่นพร้อมๆ กันเช่นนี้ หากใครที่ติดตามวงการนาฬิกาก็คงพอจะคุ้นๆ ว่า นี่คือกลยุทธ์ลักษณะเดียวกับการอัพเดทนาฬิกาใหม่ยกคอลเลคชั่นเป็นรายปีที่เขาทำกับ IWC มาโดยตลอดนั่นเอง
ดีไซน์แฝงอารมณ์ย้อนยุค
ถ้าก่อนหน้านี้มีใครบอกว่า Navitimer เป็นนาฬิกาที่ดูเรียบง่าย ก็คงจะต้องถามเขากลับไปว่า ถ้างั้นนาฬิกาที่ดูเยอะๆ ของเขาจะเป็นขนาดไหน แต่วันนี้ คอลเลคชั่น Navitimer 8 ที่ออกมาใหม่ก็ได้ทำให้เกิดนาฬิกา Navitimer ที่ดูเรียบง่ายขึ้นมาจริงๆ แล้ว ทั้งในส่วนของหน้าปัด ตลอดจนรูปทรงของตัวเรือน และยังมาในดีไซน์สไตล์วินเทจอีกต่างหาก ทั้งหมดนี้ทำให้มันดูเหมือนกับนาฬิกานักบินวินเทจยุคสงครามโลกของ BREITLING ซึ่งก็ไม่แปลกใจเพราะนาฬิกาที่นำมาใช้อ้างอิงเป็นแรงบันดาลใจของคอลเลคชั่น Navitimer 8 นี้ ไม่ใช่นาฬิกาตระกูล Navitimer ที่เป็นนาฬิกาโครโนกราฟที่มีหน้าปัดอุดมไปด้วยสเกลคำนวณค่าต่างๆ สำหรับนักบินมาโดยตลอดนับตั้งแต่แรกกำเนิดเมื่อปี 1952 เป็นต้นมา หากแต่เป็นนาฬิกาแบบสองเข็มร่วมกับเข็มวินาทีขนาดเล็ก Ref. 768 ที่ BREITLING ผลิตขึ้นในยุคทศวรรษที่ 1940s ต่างหาก ด้วยคุณสมบัติและคุณลักษณะประจำคอลเลคชั่นเช่นนี้จึงไม่ได้หมายความว่ารุ่นต่างๆ ของคอลเลคชั่น Navitimer 8 จะมาแทนที่ Navitimer รุ่นอื่นๆ หากแต่เป็นคอลเลคชั่นใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมา
Breitling Reference 768
Navitimer 8 ทั้งสี่รุ่น ใช้ลักษณะดีไซน์หลักๆ ร่วมกัน ตั้งแต่รูปทรงของชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งตัวเรือน เม็ดมะยม เข็ม ไปจนถึงรายละเอียดบนหน้าปัด ทั้งหลักชั่วโมงเลขอารบิก ฟอนต์ตัวอักษร สเกลนาที และการเคลือบสารเรืองแสงบนหลักชั่วโมงและเข็มชั่วโมงกับเข็มนาที รวมไปถึงระดับการกันน้ำ 100 เมตรด้วย และลักษณะการขัดแต่งตัวเรือนกับขอบตัวเรือนที่เป็นแบบขัดลายบนพื้นที่ส่วนใหญ่ โดยมีการขัดเงาบนบริเวณขอบมุมส่วนขาตัวเรือนและที่ขอบตัวเรือนบริเวณวงนอกที่เซาะเป็นร่องแบบขอบเหรียญ ซึ่งขอบตัวเรือนชิ้นหนานี้ถูกออกแบบให้สามารถหมุนได้เพื่อใช้ในการปรับตั้งสำหรับจับเวลาโดยอ่านค่าจากการเทียบร่องสลักรูปสามเหลี่ยมบนขอบตัวเรือนกับสเกลนาทีบนขอบหน้าปัด ส่วนฝาหลังนั้นรุ่นกลไกไม่อินเฮ้าส์จะเป็นแบบแผ่นทึบ แต่รุ่นกลไกอินเฮ้าส์จะเป็นแบบผนึกกระจกแซฟไฟร์เพื่อแสดงความภาคภูมิในกลไกของแบรนด์
บอกกล่าวกันอีกครั้งหนึ่งว่า เลข 8 ที่อยู่ในชื่อรุ่นนั้น มีที่มาจากคำว่า Huit ซึ่งหมายถึง 8 ในภาษาฝรั่งเศส โดยนำมาจากชื่อของหน่วยงาน HUIT Aviation Department ที่ BREITLING ตั้งขึ้นในทศวรรษที่ 1930s เพื่อสร้างอุปกรณ์จับเวลาสำหรับนักบินโดยเฉพาะ ส่วนที่ใช้ชื่อหน่วยงานว่า 8 ก็เพราะต้องการสื่อถึงกำลังสำรองยาวนานถึง 8 วันของบรรดาอุปกรณ์โดยส่วนใหญ่ที่หน่วยงานนี้สร้างขึ้น
Navitimer 8 Automatic
นี่คือรุ่นเบสิกที่สุดของคอลเลคชั่น Navitimer 8 แล้ว เพราะเป็นแค่นาฬิกาฟังก์ชั่นพื้นฐานแสดงเวลาแบบสามเข็มพร้อมแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเท่านั้นเอง อีกทั้งตัวเรือนของมันยังมีขนาดแค่ 41 มม. และหนาเพียง 10.74 มม. เท่านั้น ส่วนกลไกที่ใช้กับรุ่นนี้เป็นแบบอัตโนมัติ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 40 ชั่วโมง รหัส คาลิเบอร์ 17 ซึ่งปรับแต่งมาจาก ETA 2824-2 โดยยังคงได้รับการรับรองความเที่ยงตรงตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ จาก COSC ตามธรรมเนียมปฏิบัติของ BREITLING เหมือนเคย
หน้าปัดของรุ่นนี้มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ กับสีน้ำเงิน ซึ่งฟินิชแบบซันเบิร์สท์ทั้งคู่ โดยจับคู่มากับตัวเรือนสตีล ซึ่งมีทั้งสายสตีลขัดลายที่มีรูปทรงสไตล์ Professinal (ซึ่งทำให้นาฬิกาดูไม่ค่อยวินเทจ) และสายหนังวัวสีดำให้เลือก แล้วก็มีเวอร์ชั่น “Black Steel” ที่ใช้ตัวเรือนสตีลเคลือบดีแอลซีเป็นสีดำ หน้าปัดสีดำ เข็มสีดำ จับคู่กับสายหนังวัวสีดำ อีกเวอร์ชั่นหนึ่งด้วย คุณลักษณะทั้งหมดนี้ทำให้ Navitimer 8 Automatic รุ่นนี้เป็นนาฬิกานักบินลุคสปอร์ตที่สามารถสวมใส่ใช้งานประจำวันได้อย่างคล่องตัวและไม่ขัดเขิน
Navitimer 8 Day & Date
ขยับจากรุ่น Automatic ขึ้นมาก็จะเป็น เดย์-เดท รุ่นนี้ ซึ่งยังคงใช้ตัวเรือนขนาด 41 มม. เท่ากัน แต่มีความหนาขึ้นเล็กน้อยเป็น 11.19 มม. โดยมีวัสดุสตีลเพียงอย่างเดียว แต่มีหน้าปัดฟินิชแบบซันเบิร์สท์ ให้เลือก 2 สี คือ สีดำ กับสีน้ำเงิน ซึ่งทั้ง 2 สีก็สามารถเลือกได้ว่าจะจับคู่กับสายสตีลแบบเดียวกับรุ่น Automatic หรือสายหนังวัวสีดำ ดังนั้นจุดเดียวที่ดูแตกต่างกับรุ่น Automatic ก็คือ การมีช่องหน้าต่างทรงเหลี่ยมโค้งยาวอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา สำหรับแสดงชื่อวันแบบเต็มๆ เท่านั้นเอง
กลไกที่ใช้กับรุ่นนี้เป็นแบบอัตโนมัติ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 40 ชั่วโมง รหัส คาลิเบอร์ 45 ซึ่งก็คือกลไก ETA 2834-2 ที่ทาง BREITLING นำมาปรับแต่งเพิ่มเติม และแน่นอนว่าผ่านการทดสอบโครโนมิเตอร์มาเป็นที่เรียบร้อยตามธรรมเนียมของแบรนด์
Navitimer Chronograph
สำหรับรุ่นนี้จะเป็นรุ่นโครโนกราฟที่ไม่ได้ใช้กลไกอินเฮ้าส์ แต่เป็นกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ จับเวลา 12 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันกับวันที่ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง คาลิเบอร์ 13 ที่ปรับแต่งมาจากเครื่องยอดนิยมที่หลายๆ แบรนด์นำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย นั่นก็คือ Valjoux 7750 นั่นเอง เลย์เอ้าท์ตำแหน่งของวงหน้าปัดขนาดเล็กทั้งสามกับช่องหน้าต่างแสดงวันกับวันที่จึงอยู่ในตำแหน่งที่แสนจะคุ้นตา แต่ข้อดีของมันก็คือ แน่นอนว่ามันทำให้ลูกค้ามีทางเลือกว่าจะจ่ายเงินเท่าไหร่สำหรับ Navitimer ฟังก์ชั่นโครโนกราฟ จ่ายมากหน่อยก็ได้อินเฮ้าส์เครื่อง B01 แต่ถ้าจ่ายน้อยหน่อยก็ได้เครื่อง 7750 ธรรมดาไป
ตัวเรือนของรุ่นนี้ใช้เป็นขนาด 43 มม. โดยมีความหนาอยู่ที่ 14.17 มม. สำหรับหน้าปัดก็ยังคงมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ กับสีน้ำเงิน โดยเป็นแบบขัดลายซันเบิร์สท์ทั้งคู่ เช่นเดียวกับสายที่เลือกจับคู่ได้ทั้งสายสตีลแบบเดียวกับพี่น้องร่วมคอลเลคชั่น และสายหนังวัวสีดำ แล้วก็มีเวอร์ชั่น “Black Steel” ที่ใช้ตัวเรือนสตีลเคลือบดีแอลซีเป็นสีดำ หน้าปัดสีดำ เข็มสีดำ จับคู่มากับสายหนังวัวสีดำให้เลือกอีกแบบหนึ่งด้วย
Navitimer 8 Unitime
อีกฟังก์ชั่นหนึ่งที่มักจะมีให้เลือกในนาฬิกาจาก BREITLING ก็คือ Unitime ซึ่งก็คือเวิลด์ไทม์นั่นเอง การแสดงเวลาเวิลด์ไทม์ของฟังก์ชั่นยูนิไทม์นี้อ่านค่าจากจานวงแหวนแสดงเวลา 24 ชั่วโมงที่แบ่งพื้นสีอ่อน-เข้มบอกกลางวัน/กลางคืนมาให้ ร่วมกับจานวงแหวนแสดงชื่อเมืองที่อยู่บริเวณขอบหน้าปัด ให้อ่านค่าตามเวลาที่ตรงกับชื่อเมืองนั้นๆ แล้วก็ยังมีฟังก์ชั่นวันที่มาให้ด้วยโดยแสดงผ่านช่องหน้าต่างที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไกอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ กำลังสำรอง 70 ชั่วโมง ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง รับรองความแม่นยำมาตรฐานโครโนมิเตอร์ คาลิเบอร์ B35 ซึ่งถือเป็นกลไกอินเฮ้าส์แบบแรกที่ไม่ใช่กลไกโครโนกราฟโดยทางแบรนด์เริ่มนำมาใช้เมื่อปี 2015 ซึ่งปัจจุบันก็มีใช้อยู่ในรุ่น Galactic Unitime การปรับตั้งเข็มชั่วโมงของกลไกเครื่องนี้เป็นการปรับเลื่อนจังหวะละ 1 ชั่วโมง ที่ออกแบบให้สามารถปรับได้ทั้ง 2 ทิศทาง เพื่อความสะดวกในการใช้งาน (แถมเกร็ดให้อีกนิดว่า Unitime นั้นเป็นชื่อและฟังก์ชั่นที่ทาง BREITLING เริ่มผลิตขึ้นมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950s แล้ว แต่ไม่ใช่กลไกอินเฮ้าส์)
ตัวเรือนของ Navitimer 8 Unitime ใช้เป็นวัสดุสตีล ขนาด 43 มม. เท่ากับรุ่นโครโนกราฟ แล้วก็มีความหนา 14.38 มม. ซึ่งใกล้เคียงกับตัวโครโนกราฟ ด้วย โดยมีให้เลือกทั้งแบบหน้าปัดสีเงิน และแบบหน้าปัดสีดำ ซึ่งฟินิชแบบซันเบิร์สท์ทั้งคู่ (พื้นวงแหวน 24 ชั่วโมงของหน้าปัดสีเงินจะใช้เป็นสีน้ำเงินกับสีเทา ส่วนของหน้าปัดสีดำจะใช้เป็นสีเทากับสีดำ) ทั้งยังเพิ่มความต่างจากรุ่นอื่นๆ ร่วมคอลเลคชั่นอีกนิดตรงที่บริเวณปลายเข็มวินาทีที่เป็นหัวลูกศรนั้นถูกเคลือบด้วยสีแดงแทนที่จะเป็นสีขาวเหมือนกับพี่น้อง ซึ่งสอดคล้องกับสีแดงของเส้นโยงบอกตำแหน่งอ่านค่าของชื่อเมือง แต่ด้วยการบังคับตำแหน่งการแสดงค่าเช่นนี้ ก็ทำให้การอ่านค่าจับเวลาที่ต้องใช้การหมุนขอบตัวเรือนอ่านค่าร่วมกับสเกลนาทีบนหน้าปัดนั้นยากขึ้นเพราะจำเป็นต้องเลื่อนสเกลนาทีมาไว้ทางด้านใน ถัดจากวงแหวน 24 ชั่วโมงเข้าไป ส่วนสายที่ใช้ก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอาที่คู่กับสายสตีลรูปทรงเดียวกับเพื่อนๆ หรือจะเป็นสายหนังจระเข้สีดำเส้นหรู
Navitimer 8 B01
นาฬิกากลไกอัตโนมัติ คอลัมน์วีล โครโนกราฟ อินเฮ้าส์ จับเวลา 12 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นวันที่ ความแม่นยำมาตรฐานโครโนมิเตอร์ กำลังสำรอง 70 ชั่วโมง คาลิเบอร์ B01 ในตัวเรือนสตีล ขนาด 43 มม. หนา 13.97 มม. Navitimer 8 B01 รุ่นนี้เราเคยนำเสนอไปครั้งหนึ่งแล้ว เพราะเป็นรุ่นแรกของคอลเลคชั่น Navitimer 8 ที่เผยโฉมนำร่องออกมาก่อน โดยเป็นแบบหน้าปัดสีดำลายซันเบิร์สท์ที่มีเคาน์เตอร์ย่อย 3 วงเป็นสีเงิน สไตล์ “รีเวิร์ส แพนด้า” จับคู่กับสายหนังจระเข้สีดำ คลิ๊กอ่านรายละเอียดได้ที่นี่
แต่เอาเข้าจริงๆ ก็มีเวอร์ชั่นอื่นออกมาให้เลือกด้วย อันได้แก่ แบบที่จับคู่กับสายสตีล และแบบหน้าปัดสีน้ำเงินลายซันเบิร์สท์ที่มีเคาน์เตอร์ย่อย 3 วงเป็นสีเงิน ซึ่งมีทั้งที่มากับสายหนังจระเข้สีดำ และที่มากับสายสตีล อีกทั้งยังมีแบบท้อปออฟเดอะไลน์ของตระกูล Navitimer 8 ทั้งหมด ซึ่งใช้ตัวเรือนเป็นวัสดุเร้ดโกลด์ หน้าปัดลายซันเบิร์สท์สีน้ำตาลบรอนซ์ พร้อมเคาน์เตอร์ย่อย 3 วงเป็นสีเงิน และใช้เข็มกับหลักชั่วโมงเป็นสีเร้ดโกลด์ จับคู่มากับสายหนังจระเข้สีน้ำตาล อีกแบบหนึ่งด้วย
สำหรับราคาของ Navitimer 8 ยังไม่มีการประกาศออกมาจากทาง BREITLING แต่แจ้งว่าจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ราวเดือน พฤษภาคม หรือมิถุนายน 2018 เป็นต้นไป
By: Viracharn T.
