MAURICE LACROIX, The Masterpiece, Part III

ซึ่งในปี 2014 MAURICE LACROIX ก็สร้างเซอร์ไพร้ส์ให้กับวงการโดยการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ เพื่อโอกาสการฉลองครบรอบ 40 ปีของแบรนด์ กับนาฬิกาใน 3 รูปแบบภายใต้ชื่อรุ่น Gravity ที่ถือเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์ในหลากหลายทิศทาง ไม่ว่าจะเรื่องของชุดกลไกที่มีความโดดเด่น หรือเรื่องของดีไซน์ที่มีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยยิ่งขึ้น รวมไปถึงเรื่องของวัสดุศาสตร์ที่มีการเลือกใช้วัสดุสร้างตัวเรือนแบบใหม่ ที่แบรนด์ไม่เคยใช้มาก่อนอย่างเพาเวอร์ไลท์ 

S 25878534

 

Masterpiece Gravity ในขณะนั้นมีนำเสนอในสามเวอร์ชั่นทั้งสตีล สตีลพีวีดีสีแอนทราไซต์ และเพาเวอร์ไลท์ ในขนาดตัวเรือน 43 มิลลิเมตรหนา 16.2 มิลลิเมตร พร้อมกระจกแซฟไรฟ์ทรงโดมสูง ที่ถือว่าแปลกตาและโดดเด่นมากในทันทีที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นจากหน้าปัดแบบเยื้องศูนย์ ชุดบาลานซ์วีลบนหน้าปัด เซลิเซียมเอสเคปเมนท์ที่ในขณะนั้น จะมีใช้เพียงกับแบรนด์ระดับสูงสุดเท่านั้น จากค่าการผลิตและการพัฒนาที่ยังคงสูงอยู่ รวมไปถึงตลาดที่ยังไม่ได้รู้จักกับวัสดุเซลิเซียมเหมือนปัจจุบัน

 

S 25878536

MAURICE LACROIX ในขณะนั้นจัดเป็นบริษัทนาฬิการุ่นใหม่ ที่ถือว่ามีความสามารถในการสร้างสรรค์งานที่น่าสนใจมาโดยตลอด และ Masterpiece Gravity ที่มีการใช้ตัวเรือนที่ผลิตจากเพาเวอร์ไลท์ ซึ่งเป็นโลหะผสมใหม่ที่ผสมผสาน องค์ประกอบของวัสดุที่แตกต่างกันทั้ง 5 ตั้งแต่ อลูมิเนียม แมกนีเซียม ไททาเนียม เซอร์โคเนียม และเซรามิค โดยแม้ว่าองค์ประกอบเหล่านี้จะมีจุดอ่อนแตกต่างกันไป แต่เมื่อนำมารวมกันก็ทำให้เกิดความพิเศษ อย่างมากขึ้นได้ในตัววัสดุชนิดคอมโพสิทนี้

 

09

 

โดยมีคุณสมบัติของน้ำหนักที่เบาเป็นสองเท่าของสตีล แต่กลับแข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน ทั้งยังสามารถผ่านกระบวนการขัดเงาได้ ซึ่งนับว่าในขณะนั้น MAURICE LACROIX นำเสนอเรือนเวลาที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของกลไก การออกแบบ และวัสดุอย่างครบถ้วน จนถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าจับตามองในตลาด และทุกการขยับของแบรนด์ ยังเป็นที่สนใจของกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงผู้ผลิตนาฬิกาจากแบรนด์อื่นๆ ไปพร้อมกันอีกด้วย

08

อย่างที่ Stéphan Waser, Managing Director ของแบรนด์นาฬิกา MAURICE LACROIX กล่าวถึงนาฬิการุ่นนี้ว่าเป็นอีกหนึ่งในความตั้งใจของแบรนด์ ในการพิสูจน์ให้เห็นถึงพัฒนาการของแบรนด์ รวมไปถึงความต่อเนื่องในการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ สู่ตลาดกับนาฬิกาที่มีอายุ 40ปี ซึ่งถือเป็นอายุที่เพิ่งเป็นการเริ่มต้นของชีวิต ที่จะมีการต่อยอดไปในอนาคต ซึ่งเกือบ 10 ปีมาถึง ณ ปัจจุบัน ชุดกลไกคาลิเบอร์ ML230 ก็ถูกปรับปรุงมาเป็นคาลิเบอร์ ML331 และมาปรากฏอยู่ในนาฬิการุ่น Aikon Grand Date ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน

07

นอกจากนี้ยังเรื่องของวัสดุศาสตร์ของแบรนด์ ที่เริ่มต้นจากช่วงนี้เป็นต้นมา จนเป็นอีกหนึ่งในแรงผลักดันให้เกิดการใช้วัสดุใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และเป็นที่มาของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Aikon #Tide ที่น่าจะต้องมีการผลักดันให้เกิดความพิเศษขึ้นต่อไปได้ในอนาคต โดยสำหรับเรื่องของกลไกด้านความเที่ยงตรงที่ MAURICE LACROIX พยายามจะนำเสนอสู่ตลาดแล้ว ยังมีกลไกที่นำเสนอภาพความอัศจรรย์บนหน้าปัดอีกด้วย ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จของแบรนด์ ในการคว้ารางวัล Red Dot Design Award ในหลายปี

 

 

กรุณาติดตามตอนต่อไปในครั้งหน้า และสามารถติดตามบทความก่อนหน้านี้ได้ที่ 

MAURICE LACROIX, The Masterpiece, Part I

MAURICE LACROIX, The Masterpiece, Part II

 

Screen Shot 2565 09 23 at 00.03.30