CHOPARD เผยโฉมนาฬิกาสปอร์ต Superfast เครื่องอินเฮ้าส์ พร้อมกัน 3 แบบ
เมื่อเอ่ยถึงนาฬิกาจาก CHOPARD หลายคนคงนึกไปถึงนาฬิกาประดับเพชรเลอค่าสำหรับผู้หญิงหรือหากเป็นนาฬิกาผู้ชายก็อาจเห็นภาพนาฬิกาเดรสทรงคลาสสิกลอยเข้ามาในมโนจิต แต่ที่จริงแล้ว CHOPARD ก็มีนาฬิกาแนวสปอร์ตจ๋าที่มีจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยมอยู่คอลเลคชั่นหนึ่งซึ่งนาฬิกา Mille Migia รุ่นดังที่ใช้ชื่อเดียวกับการแข่งขันรถยนต์คลาสสิกระยะไกล 1,000 ไมล์ในอิตาลีที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานซึ่งทาง CHOPARD เป็นผู้ให้การสนับสนุนมานาน ก็จัดอยู่ในคอลเลคชั่นนี้เช่นเดียวกัน นั่นก็คือคอลเลคชั่น Classic Racing ครับ CHOPARD ส่งท้ายปลายปี 2012 ด้วยการเผยโฉมนาฬิกาชุดใหม่ถอดด้ามของซีรี่ส์ Superfast เพื่อให้คอลเลคชั่น Classic Racing กลายมาเป็นทอล์กออฟเดอะเวิลด์กันอีกครา
เครื่องอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre 01.01-M ใน Superfast Automatic
การที่นาฬิกาคอลเลคชั่นหนึ่งจะกลายมาเป็นทอล์กออฟเดอะเวิลด์ได้จะต้องนำเสนออะไรที่ไม่ใช่นาฬิกาพื้นๆ ธรรมดาๆ เป็นแน่ CHOPARD จึงได้ทำการรีดีไซน์จากนาฬิกาโครโนกราฟซีรี่ส์ Superfast ที่เคยออกมาก่อนหน้าอีกครั้งโดยเพิ่มเส้นสายและการตกแต่งที่มีแรงบันดาลใจต่างๆ มาจากโลกการแข่งขันรถยนต์ให้มีความเด่นชัดยิ่งขึ้น ออกมาเป็นนาฬิกาซีรี่ส์ Superfast รุ่นใหม่ 3 แบบด้วยกัน คือ Superfast Automatic, Superfast Power Control และ Superfast Chrono ซึ่งทั้งหมดจะใช้เครื่องที่ CHOPARD พัฒนาและผลิตขึ้นแบบอินเฮ้าส์ในเวิร์คช็อป Fleurier Ebauches ของตนในเฟลอริเยร์ เนอชาแตล ที่ CHOPARD ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 และผ่านการทดสอบโครโนมิเตอร์จาก COSC เป็นที่เรียบร้อย นับเป็นครั้งแรกที่ CHOPARD นำเครื่องอินเฮ้าส์มาใช้ในนาฬิกาซีรี่ส์นี้
จิตวิญญาณแห่งรถแข่งที่ถูกถ่ายทอดผ่านทุกองค์ประกอบของ Superfast รุ่นใหม่ทั้ง 3 แบบ เริ่มตั้งแต่หน้าปัดสีแอนทราไซต์ขัดลายสลับแถบดำตามแนวตั้งซึ่งสะท้อนภาพมาจากครีบระบายความร้อนของเครื่องแบบระบายความร้อนด้วยอากาศของรถแข่งสุดเจ๋งในสมัยก่อน แผ่นขอบหน้าปัดวงนอกมีขนาดใหญ่วางเลขนาทีขนาดใหญ่และขีดสเกลคล้ายกับมาตรวัดบนหน้าปัดรถยนต์ต่อเนื่องกับหลักชั่วโมงสีทองแต้มสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าขนาดพอเหมาะทรงสวย และทุกแบบจะมีฟังก์ชั่นแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างในตำแหน่งต่างๆ กันในแต่ละแบบให้มาด้วย
Superfast Automatic
ตัวเรือนของนาฬิกาทั้งสามแบบจะมากับวัสดุโรสโกลด์ 18k สามารถกันน้ำได้ 100 เมตร พร้อมกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ลักษณะการตกแต่งตลอดจนชิ้นส่วนต่างๆ ถูกดีไซน์ขึ้นจากจิตวิญญาณแห่งรถแข่งวินเทจอย่างเนียนตา อย่างส่วนปลายของตัวเม็ดมะยมโรสโกลด์ 18k หุ้มยางสีดำก็จะมีก้านทองคำของพวงมาลัยรถยนต์คลาสสิกโผล่ลอยขึ้นมา ด้านข้างตัวเรือนก็จะถูกเซาะสลักเป็นร่องระบายอากาศของเครื่องต่อเนื่องจากเส้นสายบนหน้าปัด ในรุ่นโครโนก็จะมีปุ่มกดทรงกลมกลืนกับตัวเรือนเคลือบยางสีดำเพิ่มขึ้นมา และจุดที่โดดเด่นที่สุดอีกจุดหนึ่งก็คือสกรูว์สีดำทั้ง 8 ที่อยู่บนขอบตัวเรือนซึ่งมีรูปแบบเดียวกับสกรูว์บนขอบล้อรถยนต์ Superfast ทุกแบบจะมาคู่กับสายยางธรรมชาติพื้นเรียบเซาะร่องขนาดเล็กบางบนขอบสายซ้าย-ขวาโดยได้แนวทางมาจากยางสลิ้กที่รถแข่งใช้บนสนามแข่งพร้อมบานพับโรสโกลด์ 18k
ด้านหลังของ Superfast Chrono กับเครื่องอัตโนมัติโครโนกราฟอินเฮ้าส์พร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็ค Calibre 03.05-M
พลิกกลับมามองด้านหลังตัวเรือนกันบ้างซึ่งเมื่อมองทะลุผ่านกระจกใสที่กรุฝาหลังอยู่ จะมองเห็นรายละเอียดและความพิถีพิถันในการออกแบบและขัดแต่งชิ้นส่วนต่างๆ ของ CHOPARD ที่ตั้งใจฉลุทะลุบริดจ์ทุกชิ้นอย่างละเอียดให้เป็นร่องแนวขนานขนาดเล็กในลักษณะเดียวกับช่องระบายความร้อนของรถสปอร์ต
Superfast Power Control
Superfast Automatic จะใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติรหัส Calibre 01.01-M ทับทิม 31 ชิ้น กำลังสำรอง 60 ชั่วโมง บอกเวลาแบบ 3 เข็ม บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา บรรจุในตัวเรือนขนาด 41 มม. ส่วน Superfast Power Control จะมากับเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre 01.02-M ทับทิม 37 ชิ้น กำลังสำรอง 60 ชั่วโมง ที่มากับเข็มวินาทีขนาดเล็กสีแดงแสดงที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัด บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่างที่ 3 นาฬิกา และมีเข็มสีแดงแสดงกำลังสำรองบนมาตรทรงสามเหลี่ยมพื้นขาว ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ที่เห็นแล้วชวนให้นึกถึงมาตรแสดงระดับน้ำมันบนหน้าปัดรถยนต์ บรรจุในตัวเรือนขนาด 45 มม.
สำหรับรุ่น Superfast Chrono ที่มากับตัวเรือนขนาด 45 มม.เช่นกันนั้นจะใช้เครื่องอัตโนมัติโครโนกราฟพร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็ค Calibre 03.05-M ทับทิม 45 ชิ้น กำลังสำรอง 60 ชั่วโมง แสดงวินาทีด้วยเข็มสีทองขนาดเล็ก ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา วางเคาน์เตอร์จับเวลาชั่วโมงกับนาทีวงโตคู่กัน ณ ตำแหน่ง 9 กับ 3 นาฬิกา ชี้บอกด้วยเข็มสีแดงเช่นเดียวกับเข็มวินาทีจับเวลา โดยขีดกับสเกลตัวเลขต่างๆ นั้นจะใช้ฟอนท์และรูปแบบคล้ายกับบนมาตรวัดของหน้าปัดรถยนต์ อีกจุดที่แตกต่างก็คือบนขอบตัวเรือนของ Superfast Chrono จะสลักสเกลทาคีมิเตอร์เอาไว้ ต่างกับอีก 2 แบบที่จะสลักสเกลกับตัวเลขชั่วโมง ที่ต้องย้ำเลยก็คือ เป็นครั้งแรกของ CHOPARD ที่นำเอาเครื่องอินเฮ้าส์ซีรี่ส์นี้มาใช้กับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Classic Racing
Superfast Chrono
เครื่องอัตโนมัติโครโนกราฟอินเฮ้าส์ พร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็ค Calibre 03.05-M
จุดแตกต่างจาก Superfast รุ่นก่อนหน้าซึ่งมีด้วยกัน 2 รุ่น คือ Superfast Chrono กับ Superfast Split Second ถ้าไม่นับเรื่องเครื่องที่ Superfast Chrono รุ่นใหม่มากับเครื่องอินเฮ้าส์พร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็คแล้ว ที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คงจะเป็นเส้นสายบนหน้าปัดที่รุ่นใหม่จะมากับแถบสีแอนทราไซต์ทึบใหญ่พาดกลางต่างจากเดิมที่เป็นแถบริ้วเสมอกันตลอดแผ่นหน้าปัดและวงเคาน์เตอร์ย่อยที่ปรับดีไซน์ใหม่ ลวดลายบนสายยางก็ต่างกันโดยรุ่นก่อนหน้าจะเป็นลายดอกยางดันล็อปของรถแข่งวินเทจ ในด้านตัวเรือนของ Superfast Chrono รุ่นใหม่กับรุ่นก่อนหน้าจะมีขนาดเท่ากัน แต่รุ่นก่อนหน้าจะมีให้เลือกทั้งในวัสดุสเตนเลสสตีลหรือโรสโกลด์ 18k ขณะที่รุ่น Superfast Split Second ที่ออกมาก่อนนั้นจะเป็นตัวเรือนสตีลทำดีแอลซีดำซึ่งผลิตแบบจำนวนจำกัด 1,000 เรือน
By: Viracharn T.
