Pilot's watch Chronograph Edition Antoine de Saint-Exupéry เอดิชั่นพิเศษปี 2012 จาก IWC
การต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกโดยขึ้นไปโบยบินอยู่บนท้องฟ้าให้ได้นั้นเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของเหล่ามนุษย์ในอดีตที่พยายามคิดค้นคว้าสร้างอากาศยานที่ทะลุขีดจำกัดในวันที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวล้ำเช่นปัจจุบัน ซึ่งก็มีนักบินผู้กล้ามากมายที่พร้อมจะเสี่ยงอันตรายและอุทิศชีวิตของตนให้กับความพยายามนั้น และหนึ่งในนักบินแห่งตำนานที่ IWC ผู้นำด้านการผลิตนาฬิกาแนวนักบินของโลกให้การสรรเสริญด้วยการออกนาฬิกานักบินรุ่นพิเศษเพื่อรำลึกและเป็นเกียรติแก่เขาก็คือ นักบินชาวฝรั่งเศสที่มีนามว่า Antoine de Saint-Exupéry ส่วนที่ว่าเขาคนนี้มีความสำคัญอย่างไรต่อวงการการบินถึงกับต้องออกนาฬิกาสุดพิเศษให้นั้น เรามีคำตอบครับ
เครื่องบินขนส่งไปรษณีย์ทางอากาศในยุคของ Antoine de Saint-Exupéry ขณะบินอยู่เหนือทะเลทรายซาฮาร่า
Antoine de Saint-Exupéry (อ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี: 1900-1944) เริ่มชีวิตการเป็นนักบินเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนในราวต้นทศวรรษที่ 1920 ด้วยการเป็นนักบินของกองทัพบกฝรั่งเศสก่อนจะโอนย้ายไปสังกัดกองทัพอากาศ หลังจากลาออกจากกองทัพแล้ว ในปี 1926 เขาก็มามีอาชีพเป็นนักบินรุ่นบุกเบิกของการขนส่งไปรษณีย์ทางอากาศระหว่างประเทศในแถบยุโรป แอฟริกา และแอฟริกาใต้ ตลอดจนเขตทะเลทรายซาฮารา เมื่อเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้เข้าเป็นนักบินลาดตระเวณของกองทัพอากาศฝรั่งเศส แต่เมื่อฝรั่งเศสทำการตกลงสงบศึกกับเยอรมนีในปี 1940 เขาก็ได้เข้าร่วมกับกองทัพอากาศอิสระของฝรั่งเศสในแถบแอฟริกาเหนือ Saint-Exupéry หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยในขณะทำการบินลาดตระเวณอยู่เหนือน่านฟ้าแอฟริกาเหนือแถบทะเลเมดิเตอเรเนียนเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 1944 กว่า 50 ปีให้หลัง ในปี 1998 ชาวประมงฝรั่งเศสจึงได้พบชิ้นส่วนที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นสร้อยข้อมือของ Saint-Exupéry ขณะกำลังจับปลาอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมาร์แซย์ ต่อมาในปี 2000 ก็มีนักประดาน้ำดำลงไปพบซากเครื่องบิน P-38 Lightning ในบริเวณใกล้ๆ กับเมืองมาร์แซย์นั่นเอง ทางการฝรั่งเศสจึงทำการกู้ขึ้นมาเมื่อปี 2003 ซึ่งหลังจากตรวจสอบแล้วก็ยืนยันว่าเป็นเครื่องบินลำที่ Saint-Exupéry เป็นนักบิน และข้อมูลล่าสุดก็คือ เมื่อปี 2008 ได้มีนักบินขับไล่ชาวเยอรมันในวัย 88 ปี ออกมายืนยันว่า เขาเป็นนักบินที่บินลาดตระเวณในบริเวณที่พบซากเครื่องบินลำนี้ในคืนวันที่ 31 กรกฎาคม 1944 และเป็นผู้ยิงเครื่องบินลำนี้ตก
Antoine de Saint-Exupéry (ถ่ายเมื่อปี 1930)
เรื่องราวเล่าขานอันยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของเขาเกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1920 โดยเป็นเหตุการณ์ที่ชาวมัวร์ได้ทำการจับนักบินและผู้โดยสารจากเครื่องบินที่ตกเป็นตัวประกันซึ่งในขณะนั้น Saint-Exupéry ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการสนามบิน Cape Juby อันเป็นจุดแวะพักของเครื่องบินที่ตั้งอยู่ในทะเลทรายซาฮาราทางตอนใต้ของโมร็อคโคในเขตของสเปน จะต้องเป็นผู้เจรจาต่อรองให้ปล่อยตัวประกันอย่างปลอดภัย ซึ่งเขาก็ทำสำเร็จและทางรัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้มอบเกียรติคุณ Légion d'honneur ให้กับเขา นอกจาก Saint-Exupéry ผู้นี้จะเป็นนักบินแล้วเขายังเป็นนักเขียนชื่อดังที่มีผลงานการเขียนหนังสือมากมายโดยนำข้อมูลในการเขียนมาจากประสบการณ์ของชีวิตการบินของเขานั่นเอง
เพื่อเป็นเกียรติให้กับนักบินและนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์การบินท่านนี้ IWC จึงได้ผลิตนาฬิกานักบินโครโนกราฟเอดิชั่นพิเศษ Pilot’s Watch Chronograph Edition Antoine de Saint-Exupéry ออกมาในปี 2012 โดยออกรุ่นตัวเรือนเร้ดโกลด์ 18k ที่ผลิตในจำนวนจำกัด 500 เรือน (Ref.IW387805) มาก่อนตั้งแต่ช่วงกลางปี และตามมาด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล (Ref.IW387806) โดยตัวเรือนจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 43 มิลลิเมตร สัมผัสแห่งรูปลักษณ์ของนาฬิกาเอดิชั่นนี้ถ่ายทอดจินตนาการมาจากความเป็น Saint-Exupéry โดยแท้ ด้วยหน้าปัดสีน้ำตาล Tobacco ลายรัศมีพระอาทิตย์เพื่อสะท้อนภาพเสมือนขณะนักบินในอดีตมองดวงอาทิตย์ซึ่งกำลังทำหน้าที่เป็นจุดนำทางบนท้องฟ้า บอกค่าจับเวลาได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง ด้วยเข็มชั่วโมงกับนาทีภายในเคาน์เตอร์ย่อย ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกาเพียงเคาน์เตอร์เดียวให้นักบินอ่านค่าได้อย่างสะดวกชัดเจน ส่วนเคาน์เตอร์ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเป็นวงวินาทีที่วางช่องหน้าต่างแสดงวันที่เอาไว้ภายในอย่างกลมกลืน ปกคลุมด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้มองเห็นหน้าปัดได้อย่างแจ่มชัดที่สุด สวมคู่กับสายหนังวัวสีน้ำตาล Tobacco ให้อารมณ์เอิร์ธโทนเข้ากัน
นาฬิกา Pilot's Watch Chronograph เอดิชั่นนี้ทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟ 38 จิวเวล Calibre 89361 กำลังสำรอง 68 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นฟลายแบ็คที่ไม่ได้มีใช้ในนาฬิกา Pilot's Watch รุ่นใดในคอลเลคชั่นปัจจุบันแต่เป็นเครื่องเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Portuguese Yacht Club Chronograph ฝาหลังเป็นแบบทึบสลักชื่อ Saint-Exupéry และภาพเครื่องบินลาดตระเวณ Lightning P-38 ซึ่งเป็นเครื่องลำสุดท้ายที่เขาบินและจากไปพร้อมกัน
By: Viracharn T.