SIHH 2012 - JAEGER-LECOULTRE’s new pieces of Duometre, Deepsea and Master Control Lines

 

หลังจากรายงานนาฬิการุ่นใหม่ของไลน์ Reverso ที่ JAEGER-LECOULTRE เปิดตัวไปในงาน SIHH 2012 กันไปแล้ว มาต่อกันกับไลน์อื่นๆ ของ JAEGER-LECOULTRE กันบ้าง ซึ่งก็มีทั้งจากไลน์ Duometre, Deepsea และ Master Control โดยแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวด้วยกันทั้งนั้น เชิญรับชมได้เลยครับ

 

Duometre a Spherotourbillon

 

20120208 69666120

 

Duometre a Spherotourbillon รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทาง JAEGER-LECOULTRE บอกว่าเป็นชิ้นงานแห่งการขับเคลื่อนวงการนาฬิกาเข้าสู่สหัสวรรษใหม่กันเลยทีเดียวด้วยประสิทธิภาพและเทคนิคที่ล้ำหน้าไม่เหมือนใคร โดยเป็นนาฬิกาตูร์บิยองรุ่นแรกที่ให้ความแม่นยำในการตั้งเวลาได้ในระดับวินาทีด้วยฟังก์ชั่นฟลายแบ็คของเข็มวินาทีที่แสดงบนวงวินาทีเล็ก และยังถึงพร้อมด้วยความงามสง่าและฟังก์ชั่นบอกเวลาที่สอง บอกวันที่ บอกกำลังสำรองของแต่ละบาร์เรล ที่ออกแบบและจัดวางได้อย่างน่าชม ทำงานด้วยกลไกไขลาน Calibre 382 หนา 10.45 มิลลิเมตร ประกอบและขัดแต่งด้วยมือ ชิ้นส่วนรวม 460 ชิ้น 55 จิวเวล บริดจ์และเมนเพลททำจากนิกเกิลซิลเวอร์ กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง ด้วยบาร์เรล 2 ตัว สำหรับส่วนของ Spherotourbillon นั้นประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน 105 ชิ้น กรงตูร์บิยองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 11.5 มิลลิเมตร ทำจากไทเทเนียมเกรด 5 วางมุมเอียง 20 องศา หมุนครบรอบใน 30 วินาที โดยส่วนแกนด้านในจะหมุนครบรอบใน 15 วินาที เพื่อให้การทำงานปราศจากผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงใดๆ กลไกนี้เดินด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง บาลานซ์กับอีเนอเชียบล็อกทำจากทองคำ 14k บาลานซ์สปริงเป็นทรงกระบอก ทั้งหมดบรรจุเอาไว้ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k ขนาด 42 มิลลิเมตร หนา 14.1 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดและฝาหลังเป็นแซฟไฟร์คริสตัลกันแสงสะท้อน หน้าปัดคริสตัลลีนเกรน ใช้เม็ดมะยมเดียวในการไขลาน ตั้งเวลาทั้ง 2 ไทม์โซน และปรับวันที่ ส่วนปุ่มกดที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกาใช้ในฟังก์ชั่นฟลายแบ็คเพื่อตั้งเวลาของเข็มวินาทีเล็ก สายทำจากหนังจระเข้เย็บด้วยมือ

  

 

Duometre a Quantieme Lunaire 40.5

 

20120208 1995200520120208 24768233

 

Duometre a Quantieme Lunaire 40.5 รุ่นนี้มาในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k ขนาด 40.5 มิลลิเมตร หนา 13.07 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดและฝาหลังแซฟไฟร์คริสตัลกันแสงสะท้อน กลไกไขลาน Calibre 381 หนา 7.25 มิลลิเมตร ประกอบและขัดแต่งด้วยมือ ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง ด้วยบาร์เรล 2 ตัวแยกกันอิสระ โดยตัวแรกมีหน้าที่ทำให้การเดินของนาฬิกาเป็นไปอย่างแม่นยำ ส่วนตัวที่สองจะให้พลังงานสำหรับแสดงฟังก์ชั่นต่างๆ ซึ่งเชื่อมการทำงานกันด้วยกลไกจั๊มปิ้งเซ็กเกินด์ซึ่งเดินรอบละ 6 วินาทีแสดงผ่านเข็มบนวงวินาทีเล็ก กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง 40 จิวเวล มีชิ้นส่วนรวม 367 ชิ้น บอกเวลาชั่วโมง นาที วินาที จั๊มปิ้งเซ็กเกินด์ วันที่ มูนเฟส และเอจออฟเดอะมูนของทั้งสองด้าน และบอกกำลังสำรองของแต่ละบาร์เรล หน้าปัดคริสตัลลีนเกรน ปรับวันที่ด้วยปุ่มกด สวมใส่คู่กับสายสีช็อกโกแลตที่ทำจากหนังจระเข้

 

  

Deep Sea Vintage Chronograph

 

Unknown

 

จากความสำเร็จของนาฬิการีเอดิชั่นในปี 2011 Memovox Tribute to Deep Sea ที่ทาง JAEGER-LECOULTRE ได้นำเอา Memovox Deep Sea รุ่นปี 1959 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตำนานนาฬิกาดำน้ำของวงการ โดยนอกจากจะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมสำหรับการดำน้ำแล้วยังเป็นนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกที่มีฟังก์ชั่นอลาร์มอีกด้วย มาผลิตขึ้นใหม่อีกครั้งให้กับผู้คนในยุคนี้ได้ชื่นชมกัน ทางแบรนด์จึงต่อยอดความสำเร็จในปีนี้ด้วย Deep Sea Vintage Chronograph ที่นำสไตล์และรูปลักษณ์ของ Memovox Deep Sea ปี 1959 มาปรับใช้เช่นเดียวกันกับ Memovox Tribute to Deep Sea โดยมาในตัวเรือนสตีลขนาด 40.5 มิลลิเมตร (เท่ากับ Memovox Tribute to Deep Sea) ใช้กระจกหน้าปัดเพล็กซิกลาส ขอบตัวเรือนแบบฟิกซ์ กันน้ำได้ที่ระดับ 100 เมตร หน้าปัดสีดำด้านมาในสไตล์คลาสสิก เข็มชั่วโมงกับนาทีและหลักชั่วโมงแต้มซูเปอร์ลูมิโนวาสีส้มซึ่งคล้ายกับสีของสารเรืองแสงที่ใช้อยู่ใน Memovox Deep Sea ปี 1959 แสดงผลการจับเวลาผ่านเคาน์เตอร์ชั่วโมงกับนาทีและเข็มวินาทีกลาง ฝาหลังสลักลายมนุษย์กบแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางฟองบับเบิ้ลเช่นเดียวกับรุ่นปี 1959 เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟรุ่นล่าสุดในสายการผลิต Calibre 751G ชิ้นส่วน 235 ชิ้น ประกอบและขัดแต่งด้วยมือ 37 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 65 ชั่วโมง สวมใส่กับสายหนังสีดำที่มีลักษณะคล้ายกับรุ่นปี 1959

  

 

Master Control Line

 

ปี 2012 เป็นปีแห่งการครบรอบ 20 ปีของ Master Control นาฬิกาไลน์คลาสสิกของแบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1992 ซึ่งออกมาพร้อมกับมาตรฐาน 1000 Hours Control ซึ่งเป็นชุดการทดสอบสุดโหดเพื่อทดสอบความสมบูรณ์ ความเที่ยงตรง และความทนทาน ในการทำงานของนาฬิกา เพื่อฉลองวาระสำคัญนี้ JAEGER-LECOULTRE จึงได้นำเสนอรุ่นใหม่ในไลน์ Master Control ออกมาด้วยกันหลายรุ่นด้วยกัน ไล่เรียงตั้งแต่ Master Control รุ่นเบสของไลน์ที่มีชื่อเดียวกันกับไลน์ ต่อด้วย Master Ultra Thin Reserve de Marche, Master Ultra Thin Tourbillon และปิดท้ายด้วย Master Grande Tradition a Repetitions Minutes

 

MASTER CONTROL

 

Unknown 1Unknown 2

 

Master Control รุ่นใหม่นี้มาในตัวเรือนขนาด 39 มิลลิเมตร หนา 8.5 มิลลิเมตร ที่เล็กลงกว่าที่เคยเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะกับทุกขนาดข้อมือ และได้รับการขัดเกลาให้สละสลวยยิ่งขึ้น ใช้หน้าปัดสีเงินแบบซันเบิร์สต เข็มแบบดอฟีนบอกชั่วโมงและนาที เข็มวินาทีแบบบาตอง หลักชั่วโมง 6, 9 และ 12 เป็นเลขโรมัน หน้าต่างวันที่อยู่ที่ 3 นาฬิกา มีตัวเรือนให้เลือกทั้งสตีลคู่กับสายหนังจระเข้สีดำ และพิงค์โกลด์ 18k คู่กับสายหนังจระเข้สีช็อกโกแลต กระจกหน้าปัดและฝาหลังเป็นแซฟไฟร์คริสตัล ทำงานด้วยเครื่องอัตโนมัติ Calibre 899 หนา 3.3 มิลลิเมตร 32 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 43 ชั่วโมง ประกอบด้วยชิ้นส่วน 219 ชิ้น 

  

 

Master Ultra Thin Reserve de Marche

 

Unknown 3Unknown 4

 

Master Ultra Thin Reserve de Marche รุ่นนี้มากับฟังก์ชั่นที่จำเป็นต่อการใช้งานอย่างครบครันในตัวเรือนที่เพรียวบางสมชื่อรุ่นโดยมีความหนาเพียง 9.85 มิลลิเมตร ในขณะที่เส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ที่ 39 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดและฝาหลังเป็นแซฟไฟร์คริสตัล ทำงานด้วยเครื่องอัตโนมัติ Calibre 938 มีกำลังสำรอง 43 ชั่วโมง ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน 273 ชิ้น มี 41 จิวเวล หนา 4.9 มิลลิเมตร หน้าปัดเกลี้ยงเกลาอ่านค่าต่างๆ ได้ชัดเจน เข็มชั่วโมงและนาทีทรงดอฟีน มีวงวินาทีเล็กที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาชี้ด้วยเข็มแบบบาตอง บอกวันที่และกำลังสำรองด้วยเข็มทรงใบไม้ ปรับวันที่ได้สะดวกด้วยการกดปุ่ม มีให้เลือกระหว่างตัวเรือนสตีลหน้าปัดสีเงินแบบซันเบิร์สทคู่กับสายหนังจระเข้สีดำ หรือตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k หน้าปัดสีขาวเปลือกไข่สุดงดงาม คู่กับสายหนังจระเข้สีช็อกโกแลต 

  

 

Master Ultra Thin Tourbillon

 

Unknown 5

 

นอกจากเครื่องอัตโนมัติสุดบางแล้ว JAEGER-LECOULTRE ยังนำเสนอเครื่องตูร์บิยองในชื่อรุ่น Master Ultra Thin Tourbillon ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k ขนาด 40 มิลลิเมตร หนา 11.3 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลป้องกันแสงสะท้อน โดยนำกลไกขึ้นลานอัตโนมัติตูร์บิยอง Calibre 982 หนา 6.4 มิลลิเมตร ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง หมุนครบรอบใน 1 นาที ที่ใช้กรงไทเทเนียมสุดเบาเพียง 0.33 กรัม 33 จิวเวล กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน 262 ชิ้น ซึ่งเคยใช้ใน Master Tourbillon ที่ออกมาเมื่อ 6 ปีก่อนและได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน Chronometrie 2009 International Timing Competition มาแล้ว มาทำให้งดงามยิ่งขึ้นด้วยงานบริดจ์แบบเส้นขอบซึ่งไม่มีเนื้อตรงกลางทำให้มองเห็นการโคจรของตูร์บิยองได้อย่างชัดเจนสุดๆ หน้าปัดสีขาวเปลือกไข่ หลักชั่วโมงและเข็มพิงค์โกลด์ เข็มชั่วโมงและนาทีทรงดอฟีน เข็มวินาทีทรงบาตองทำงานสัมพันธ์กับการหมุนของตูร์บิยองติดตั้งอยู่เหนือกรงที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้สีช็อกโกแลต

  

 

Master Grande Tradition a Repetitions Minutes

 

Unknown 6

 

ปิดท้ายด้วยนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์รุ่น Master Grande Tradition a Repetition Minutes ที่มากับกลไกไขลานพร้อมฟังก์ชั่นมินิทรีพีทเตอร์อันแสนโด่งดัง Calibre 947 ซึ่งประกอบและขัดแต่งด้วยมือ ทำงานที่ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 15 วัน ใช้ชิ้นส่วนทั้งหมด 413 ชิ้น 43 จิวเวล แสดงชั่วโมง นาที กำลังสำรอง และบาเรลทอร์ค นาฬิการุ่นนี้มากับงานหน้าปัดแบบโอเพ่นเวิร์คเคลือบด้วยทอง หลักชั่วโมงเคลือบโรเดียม ใช้เข็มทรงดอฟีน บรรจุอยู่ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k ขนาด 44 มิลลิเมตร หนา 15.6 มิลลิเมตร สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้สีช็อกโกแลต

 

By: Viracharn T.