GENEVA WATCH DAYS 2024, Part I
GENEVA WATCH DAYS 2024 เป็นงานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 พร้อมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่โรทองเดเดอมงบลองค์ กับแบรนด์ที่เข้าร่วมงานทั้ง 52 และพันธมิตรอย่างเป็นทางการอีก 15 รายที่ร่วมกันกันกับ Delphine Bachmann สมาชิกมนตรีแห่งรัฐเจนีวา กระทรวงเศรษฐกิจและการจ้างงาน, Alfonso Gomez สมาชิกสภาฝ่ายบริหารเมืองเจนีวา และ Christiana Kitsos นายกเทศมนตรีของเมืองเจนีวา เพื่อเป็นการเริ่มต้นในการฉลองและเปิดตัวงานร่วมกัน
โดยในพาวิลเลียนจะมีทัวร์พร้อมไกด์ฟรี 10 รายการสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป เพื่อรีวิวถึงนาฬิการุ่นใหม่ๆ ที่นำเสนอโดยแบรนด์ที่เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีการประชุมในหัวข้อ "เวลาและเครื่องจักร" พร้อมการทดสอบความรู้ด้านการผลิตนาฬิกานำโดยผู้เชี่ยวชาญจาก FONDATION de la HAUTE HORLOGERIE (FHH) พร้อมการทำงานร่วมกับ PHILLIPSและ BACS & RUSSO ในการจัดการประมูลเป็นปีที่สองติดต่อกัน เพื่อระดมทุนในการสนับสนุนด้านการศึกษา
สำหรับนาฬิการุ่นใหม่ในงานนี้ เริ่มต้นด้วย CZAPEK กับ Antarctique และ Antarctique S นาฬิกาแบบสปอร์ตพร้อมสายแบบอินทิเกรดของแบรนด์ ที่มาพร้อมกับหน้าปัดอเวนจูรีนและมาร์กเกอร์แบบปกติ และมาร์กเกอร์ที่ประดับด้วยเพชรในทั้งสองขนาดทั้ง 40.5 มิลลิเมตรและ 38.5 มิลลิเมตร โดยมีสายอีกหนึ่งชุดมาพร้อมกันทั้งสายแบบหนังวัวและสายแบบยาง พร้อมระบบอีซี่รีลิสเพื่อช่วยให้การเปลี่ยนสาย และเปลี่ยนลุคเป็นไปได้อย่างง่ายดายด้วยตัวเองในทุกเวลา
ต่อมาคือนาฬิกา FREDERIQUE CONSTANT ที่จัดงาน ณ โรงแรมแฟร์มองท์ พร้อมการนำเสนอนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด 3 รุ่นทั้ง New Manufacture Classic Moonphase Date ตัวเรือนไวท์โกลด์กับหน้าปัดมาลาไคท์ กับจำนวนการผลิต 36 เรือน, New Manufacture Classic Tourbillon นาฬิกาตัวเรือนไวท์โกลด์หน้าปัดอเวนจูรีน ที่ผลิตขึ้นเพียง 36 เรือนเช่นกัน และ Classics Carrée Seconds ที่มาพร้อมกับทางเลือกในสามสไตล์ทั้งแบบสายหนัง แบบสายสตีล และแบบประดับเพชร
AMIDA นาฬิกาจากยุค 70s ที่กลับสู่ตลาดในปัจจุบันอีกครั้ง พร้อมรูปแบบดั้งเดิมแทบทุกประการ โดยยังคงสไตล์การทำงานแบบกลไกเช่นเดิม จากการนำเสนอเป็นครั้งแรกในปี 1976 ช่วงงาน BASEL FAIR กับนาฬิการุ่น Digitrend ที่รุ่นล่าสุดนี้มีการเลือกใช้ชุดกลไกใหม่จาก SOPROD Newton P092 พร้อมโมดูลแบบจั๊มปิ้งอาวร์และกระจกแซฟไฟร์แบบปริซึ่ม เพื่อสะท้อนให้เห็นค่าเวลาบนหน้าปัดสไตล์เรซซิ่งคาร์ โดยนำเสนอในแบบ Take Off Edition สำหรับงานในครั้งนี้
Classique Double Tourbillon Quai de L’Horloge 5345 ใหม่จาก BREGUET เป็นนาฬิการุ่นพิเศษที่นำเสนอในงานครั้งนี้ กับกลไกอินเฮ้าส์ไขลานดับเบิ้ลตูร์บิยองในขนาดตัวเรือนที่ 46 มิลลิเมตร พร้อมการปรับปรุงรูปแบบตัวเรือนใหม่ ให้มีขนาดที่ให้ลุคเล็กลงกว่าเดิม โดยเฉพาะจากกระจกแซฟไฟร์แบบบ๊อกเชป และกลไกการทำงานภายในพร้อมความโปร่งใสมากขึ้น พร้อมคงประสิทธิภาพการทำงานของกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 588N นี้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์แบบทุกประการ
และ BLANCPAIN กับนาฬิกาคอลเลคชั่น Villeret พร้อมธีมหน้าปัดสีเขียวทั้งในนาฬิการุ่น Extraplate, Tourbillon Carrousel และQuantième Phases de Lune ที่นำเสนอในสองขนาดทั้งสำหรับคุณสุภาพบุรุษ และสำหรับคุณสุภาพสตรีในแบบประดับเพชรบนขอบหน้าปัด รวมทั้งแทนที่มาร์กเกอร์แสดงค่าเวลาชั่วโมง เพื่อสะท้อนความงดงามของสีสัน ณ วัลเล่เดอจูซ์ แหล่งผลิตนาฬิกาของ BLANCPAIN พร้อมความเขียวชะอุ่มของแถบป่ามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ส่วน MAURICE LACROIX ที่ยังคงจัดแสดงนาฬิการุ่นใหม่ที่โรงแรมอิสท์เวสเช่นเดิม กับนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด AIKON วัสดุไทเทเนียมทั้งในแบบ สามเข็มยอดนิยมขนาด 42 มิลลิเมตร และแบบโครโนกราฟที่มอบสไตล์ใหม่ ในความเบาสบายให้กับทุกข้อมือ พร้อมการนำเสนอในหน้าปัดสีเทาหรือสีม่วง สำหรับในแบบ 42MM และแบบโครโนกราฟพร้อมสองโทนสีทั้ง สีคอปเปอร์ผนวกหน้าปัดย่อยทั้งสามในสีดำ และเข็มสีทอง หรือแบบหน้าปัดสีม่วงผนวกหน้าปัดย่อยสีเงิน
โดยสำหรับ CORUM ในงานปีนี้นำเสนอนาฬิกาแบบยูนีคพีซกับธีมปีนักษัตริย์ปีงู กับนาฬิการุ่น Golden Bridge อันโด่งดังของแบรนด์พร้อมชิ้นงาน ตัวงูทองคำที่พันบริจด์กลางหน้าปัด และแมกไม้สีเขียวที่ผลิตขึ้นจากทองคำเช่นกัน พร้อมงานฝีมืออีนาเมลเพนท์ติ้งทั้งบนตัวงูและใบไม้รอบสองข้าง โดยเปิดโอกาสให้สามารถสั่งผลิต ในแบบบีสโป๊คได้ตามพื้นฐานของนาฬิการุ่นนี้ ทั้งในแบบการประดับเพชรหรือพลอย รวมไปถึงโทนสีของอีนาเมลเพนท์ติ้ง ตามความต้องการได้อย่างอิสระ
กรุณาติดตามในตอนต่อไป