BASELWORLD 2012 - New pieces from MAURICE LACROIX

 

แคมเปญใหม่ของแบรนด์ที่เริ่มนำมาใช้เมื่อปีที่แล้ว "Never Stop Moving" น่าจะสะท้อนสิ่งที่ MAURICE LACROIX กำลังทำอยู่ได้เป็นอย่างดี โดยในงาน Baselworld ปีนี้ทางแบรนด์ก็มีการนำเสนอนาฬิการุ่นใหม่เอี่ยมหลายรุ่นโดยมาจากหลากหลายคอลเลคชั่นด้วยกัน ได้แก่ Masterpiece Tradition รูปลักษณ์ร่วมสมัยจำนวน 5 รุ่นซึ่งมีฟังก์ชั่นแตกต่างกัน ตั้งแต่บอกเวลาปกติจนถึงจีเอ็มที, Masterpiece Lune Retrograde ที่ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติเครื่องใหม่, Pontos S Chronograph กับคุณสมบัติการกันน้ำในระดับ 200 เมตร และขอบหน้าปัดด้านในหมุนได้ สำหรับกีฬาและกิจกรรมทางน้ำ จนถึง Les Classiques Tradition นาฬิการุ่นใหม่สไตล์เรือนบางเครื่องอัตโนมัติหน้าปัดเรียบร้อย และ Miros Date นาฬิกาสไตล์สปอร์ตเครื่องควอตซ์ กับ Miros Chronographe เครื่องควอตซ์ที่ขัดเกลาตัวเรือนกับหน้าปัดใหม่พร้อมขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย นอกนั้นก็เป็นการอัพเดทแต่งหน้าทาปากให้กับคอลเลคชั่นที่มีอยู่แล้วให้เข้าตายิ่งขึ้น แต่จะเข้าตาคุณหรือไม่ คุณเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินครับ

 

 

Masterpiece Collection


นาฬิกาในคอลเลคชั่น Masterpiece นั้นถือเป็นนาฬิกาคลาสสูงสุดของ MAURICE LACROIX ซึ่งมีการผลิตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานแล้ว โดยทยอยออกโมเดลใหม่ๆ มาสมทบอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มเติมและปรับปรุงคอมพลิเคชั่นต่างๆ เข้าไปไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลแบบเรโทรกราด การแสดงมูนเฟส หรือฟังก์ชั่นโครโนกราฟ รวมถึงการพัฒนาเครื่องอินเฮ้าส์เข้ามาประจำการซึ่งในปีที่แล้วก็ได้มีการพัฒนาเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์รุ่นแรกของตนขึ้นมาใช้กับนาฬิการุ่นหนึ่งในคอลเลคชั่นนี้

 

และในปี 2012 นี้ทางแบรนด์ก็ได้ออกเวอร์ชั่นใหม่ของ Masterpiece Roue Carree Seconde ด้วยตัวเรือนพิงค์โกลด์ กับนำเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์รุ่นใหม่มาใส่ใน Masterpiece Lune Retrograde หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีออกในเวอร์ชั่นลิมิเต็ดเอดิชั่น 250 เรือนในรูปแบบเปิดช่องหน้าปัดให้เห็นฐานเครื่องซึ่งเดินด้วยเครื่องไขลานอินเฮ้าส์ และรุ่น Masterpiece Lune Retrograde เครื่องไขลานที่ไม่ใช่เครื่องอินเฮ้าส์มาก่อนแล้ว ต่อด้วยซีรี่ส์ใหม่ถอดด้ามของ Masterpiece ที่ใช้ชื่อว่า Masterpiece Tradition ซึ่งนำเสนอออกมาพร้อมกันถึง 5 รุ่นด้วยกันโดยจะแตกต่างกันในฟังก์ชั่นของการแสดงผล

 

 

Masterpiece Roue Carree Seconde Pink Gold Limited Edition

 

นาฬิกาซีรี่ส์ Roue Carree เป็นอีกรุ่นที่ MAURICE LACROIX มีความปลาบปลื้มและภาคภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง เพราะความแปลกใหม่ในระบบสแควร์วีลที่ใช้แสดงผลที่ตนคิดค้นขึ้นนั้นได้รับเสียงตอบรับและคำชื่นชมจากวงการเป็นอย่างมาก โดยรุ่นแรก Regulateur Roue Carree ซึ่งถือเป็นนาฬิการุ่นแรกของโลกที่มีการนำสแควร์เกียร์วีลมาใช้แสดงผลนั้นได้ทำออกมาในปี 2010 โดยจะเป็นการใช้สแควร์วีลทำหน้าที่แสดงชั่วโมง ซึ่งยอดเยี่ยมถึงขนาดได้รับรางวัลการออกแบบ Red Dot Design Award ในปี 2011 ต่อด้วยการแนะนำ Roue Carree Seconde ในตัวเรือนสตีลซึ่งนำสแควร์วีลมาใช้แสดงวินาทีในปี 2011

 

จนมาถึงปี 2012 นี้ ทาง MAURICE LACROIX ก็ได้เพิ่มคุณค่าของ Roue Carree Seconde ด้วยการนำพิงค์โกลด์เข้ามาใช้ทำตัวเรือนและใช้ตกแต่งซึ่งมาพร้อมกับสีน้ำตาลของเมนเพลทที่ใช้เป็นพื้นหน้าปัดไปในตัว โดยจะผลิตในแบบจำนวนจำกัดเพียง 88 เรือน

 

MP7158 PG101 700 PR A lek

 

ตัวเรือน: พิงค์โกลด์ ขนาด 43 มิลลิเมตร ขัดซาตินสลับขัดเงา กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตร 
หน้าปัด: ใช้เมนเพลททำสีน้ำตาลฟินิชด้วยลวดลายแบบเส้นเกลียว สลักหลักชั่วโมงและกำลังสำรองแบบขีดแต้มด้วยสีพิงค์โกลด์แทนพื้นหน้าปัด บอกกำลังสำรองด้วยเข็ม ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ใช้โคลเวอร์ลีฟและสแควร์วีลเคลือบโรเดียมสลับพิงค์โกลด์ซึ่งถ่ายทอดกำลังกันอย่างสม่ำเสมอมาทำหน้าที่บอกวินาทีผ่านช่องชี้แต้มสารเรืองแสงสีฟ้าของสแควร์วีลที่หมุนอยู่เหนือวงหน้าปัดตัวเลขวินาทีพิมพ์สีขาวบนพื้นผิวพ่นทราย เข็มสีพิงค์โกลด์
เครื่อง: ไขลาน Calibre ML 156 ทำงานที่ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง มี 34 จิวเวล กำลังสำรอง 45 ชั่วโมง พัฒนาโดยโรงเรียนวิศวกรรมผู้ผลิตนาฬิกา HE-ARC ในเลอล็อคล์ ผลิตและประกอบโดย MAURICE LACROIX ได้รับสิทธิบัตรคุ้มครองในส่วนของสแควร์วีลและโคลเวอร์ลีฟ 
ฟังก์ชั่น: บอกวินาทีด้วยสแควร์วีล ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา บอกกำลังสำรองด้วยเข็ม ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา 
สาย: หนังจระเข้สีน้ำตาลเดินด้ายสีเดียวกัน พร้อมบัคเกิ้ลพิงค์โกลด์ 
จำนวนการผลิต: 88 เรือน

 

 

Masterpiece Lune Retrograde

 

นาฬิกา Masterpiece Lune Retrograde รุ่นปี 2012 ซึ่งใช้เครื่องอินเฮ้าส์ขึ้นลานอัตโนมัติเครื่องใหม่นี้จะมาในตัวเรือนสตีลขัดเงาสลับซาตินขนาด 43 มิลลิเมตร บอกชั่วโมงกับนาทีบนหน้าปัดด้วยเข็มกลางเรียวโค้ง บอกวันที่ด้วยเข็มแบบเรโทรกราดเพรียวบาง ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ตรงข้ามกันในตำแหน่ง 2 นาฬิกาจะมีเข็มแสดงกำลังสำรองติดตั้งอยู่ มีช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาซึ่งบรรจุจานดิสก์พื้นสีดำแสดงมูนเฟสอยู่ในวงหน้าปัดกลมแสดงวันด้วยเข็ม ซึ่งเป็นตำแหน่งการจัดวางในลักษณะเดียวกันกับ Masterpiece Lune Retrograde Limited Edition เครื่องไขลานอินเฮ้าส์หรือแม้แต่ Masterpiece Lune Retrograde เครื่องไขลานซึ่งไม่ใช่เครื่องอินเฮ้าส์ที่ออกมาก่อนหน้า แต่จุดที่แตกต่างกันก็คือรูปแบบของหน้าปัดที่ในรุ่นเครื่องอัตโนมัติใหม่นี้จะมาในพื้นหน้าปัดแบบเรียบขัดซาตินลายซันเบิร์สท์โดยมี 3 สีให้เลือก คือ สีน้ำเงิน สีเงิน หรือสีเทาดำ และติดตั้งหลักชั่วโมงแบบขีด เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์รุ่นใหม่ที่นำมาใช้มีชื่อเรียกขานว่า Calibre ML 192 ซึ่งสามารถมองเห็นลวดลายการขัดแต่งล้อแสงไฟได้ผ่านทางฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัล สวมใส่คู่กับสายหนังคุณภาพสูง

 

MP6258 SS001 430 PR A LEK

 

ตัวเรือน: สตีล ขนาด 43 มิลลิเมตร ขัดซาตินสลับขัดเงา กระจกแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร 
หน้าปัด: ทำจากเพลทเงินขัดซาตินลายซันเบิร์สท์ มีให้เลือกในสีเทาดำ สีน้ำเงิน หรือสีเงิน หลักชั่วโมงแบบขีดและเข็มชุบโรเดียม (ในรุ่นหน้าปัดสีเงินจะเคลือบสีพิ้งค์โกลด์และใช้เข็มแสดงวันที่สีเทาดำ) แสดงมูนเฟสด้วยดวงจันทร์และดวงดาวสีโรเดียมบนพื้นจานสีดำ (ในรุ่นหน้าปัดเงินจะใช้ดวงจันทร์และดวงดาวสีพิ้งค์โกลด์) 
สาย: หนังจระเข้เย็บด้วยมือเดินด้วยสีเดียวกับสาย หน้าปัดสีเทาดำคู่กับสายสีดำ หน้าปัดสีเงินเลือกได้ระหว่างสีดำหรือสีน้ำตาล หน้าปัดสีน้ำเงินคู่กับสายสีน้ำเงิน มากับบานพับสตีลขัดซาตินสลับขัดเงา 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre ML 192 เดินด้วยความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง มี 59 จิวเวล กำลังสำรอง 52 ชั่วโมง 
ฟังก์ชั่น: บอกวันที่แบบเรโทรกราด ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกา บอกกำลังสำรอง ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา บอกวันด้วยเข็มในวงหน้าปัดวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาซึ่งภายในบรรจุหน้าต่างแสดงมูนเฟสด้วยจานดิสก์

 

 

 

Masterpiece Tradition Collection

 

เป็นซีรี่ส์ใหม่ของนาฬิกาคอลเลคชั่น Masterpiece ซึ่งทำออกมาในรูปลักษณ์คลาสสิกร่วมสมัย โดยมีฟังก์ชั่นการแสดงผลในรูปแบบต่างๆ แยกออกเป็น 5 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ 5 Aiguilles, Phases de Lune, Reserve de Marche, Date GMT และ Petite Seconde ซึ่งไล่เรียงมาก็คือ รุ่น 5 เข็ม, รุ่นแสดงมูนเฟส, รุ่นแสดงกำลังสำรอง, รุ่นจีเอ็มที และรุ่นวงวินาทีเล็ก ในตัวเรือนขนาดเท่ากันคือ 40 มิลลิเมตร ซึ่งบางรุ่นจะมีในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นในวัสดุพิงค์โกลด์ด้วย โดยจะใช้รูปแบบของหน้าปัด 2 แบบด้วยกัน คือ แบบแกะลายกิโยเช่ตรงกลางและแบบหน้าปัดแลกเกอร์ 

 

  

Masterpiece Tradition 5 Aiguilles

 

บอกชั่วโมง นาที กับวินาที ด้วยเข็มกลางทรงคลาสสิก พร้อมเข็มกลางอีก 2 เข็มทำหน้าที่บอกวัน และวันที่โดยมีวงแสดงวันอยู่ริมขอบหน้าปัด ขนาบหลักชั่วโมงเลขโรมันบนวงชั้นกลางด้วยวงวันที่เลขอารบิกซึ่งอยู่ชั้นใน เป็นการแสดงออกซึ่งความคลาสสิกในการแสดงทุกค่าด้วยเข็มแทนการบอกวันกับวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ 5 Aiguilles ซึ่งหมายความว่า 5 เข็มนั่นเอง เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟซึ่งมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังกรุแซฟไฟร์ มีรูปแบบการตกแต่งหน้าปัดให้เลือกหลายแบบด้วยกัน และมีรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นในตัวเรือนโรสโกลด์ด้วย 

 

MP6507 PG101 310 L

 

ตัวเรือน: สตีล ขนาด 40 มิลลิเมตร ขัดเงาสลับขัดซาติน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร และมีรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นผลิตจำนวนจำกัด 88 เรือน ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k ด้วย 
หน้าปัด: มี 2 ลักษณะ คือ แบบแกะลายกิโยเช่ และแบบลงแลกเกอร์ 
- แบบแกะลายกิโยเช่จะมี 2 สีให้เลือกคือ สีเงินกับสีดำ โดยจะแกะลายกิโยเช่ในวงกลางหน้าปัด ส่วนรอบนอกสุดจะปัดลายเซอร์คูล่า หลักชั่วโมงโรมันบนหน้าปัดสีเงินจะมีให้เลือกในสีน้ำเงินคู่กับเข็มสีฟ้ามทัลลิก หรือสีพิงค์โกลด์คู่กับเข็มเคลือบพิงค์โกลด์โดยทั้งคู่จะพิมพ์วันสีดำบนวงแสดงวันที่ขอบหน้าปัดกับเลขอารบิกสีดำบนพื้นขาวบนวงวันที่ ส่วนหน้าปัดสีดำจะใช้เข็มกับหลักชั่วโมงโรมันเคลือบโรเดียมและพิมพ์เลขอารบิกสีขาวบนวงวันที่และวันสีขาวบนวงแสดงวัน 
- แบบแลคเกอร์สีขาวเคลือบเงาในตัวเรือนสตีลจะพิมพ์เลขชั่วโมงโรมันกับวันที่ด้วยสีดำ ส่วนตัวอักษรแสดงวันจะพิมพ์ด้วยสีแดง ใช้เข็มแสดงวันกับวันที่สีฟ้าเมทัลลิก และใช้เข็มบอกเวลาเคลือบโรเดียม

- ในแบบตัวเรือนพิงค์โกลด์ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น จะพิมพ์วันด้วยสีดำเช่นเดียวกับเลขชั่วโมงโรมันกับวันที่ ใช้เข็มแสดงวันกับวันที่สีฟ้าเมทัลลิก และใช้เข็มบอกเวลาเคลือบพิงค์โกลด์ และในตัวเรือนพิงค์โกลด์ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นนี้จะมีหน้าปัดแบบลงแลคเกอร์สีดำเคลือบเงาให้เลือกด้วยซึ่งจะพิมพ์วัน เลขชั่วโมงโรมัน และวันที่ด้วยสีเทาอ่อน ใช้เข็มแสดงวันกับวันที่เคลือบโรเดียม และใช้เข็มบอกเวลาเคลือบพิงค์โกลด์ 
สาย: หนังจระเข้สีดำ พร้อมบานพับสตีลหรือบัคเกิ้ลพิงค์โกลด์ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ โดยรุ่นตัวเรือนพิงค์โกลด์หน้าปัดแลกเกอร์สีขาวจะมากับสายหนังจระเข้สีน้ำตาล 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre ML 159 ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 26 จิวเวล กำลังสำรอง 38 ชั่วโมง โรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟ ฟังก์ชั่น บอกชั่วโมง นาที วินาที วัน และวันที่ ด้วยเข็มกลางรวม 5 เข็ม

 

 

Masterpiece Tradition Phases de Lune

 

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ารุ่นนี้มีฟังก์ชั่นแสดงมูนเฟสมาด้วยโดยจะแสดงผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และยังมากับช่องหน้าต่างคู่แสดงวันกับเดือน ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา พร้อมเข็มกลางชี้แสดงวันที่ซึ่งวางวงตัวเลขอารบิกอยู่ชั้นในถัดจากหลักชั่วโมงเลขโรมันด้วย ทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ Calbre ML 37 โรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟซึ่งมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังกรุแซฟไฟร์ มีชุดการตกแต่งหน้าปัดให้เลือก 4 แบบด้วยกัน

 

MP6607 SS001 111lek

 

ตัวเรือน: สตีล ขนาด 40 มิลลิเมตร ขัดเงาสลับขัดซาติน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร 
หน้าปัด: มี 2 ลักษณะให้เลือกเช่นกัน คือ แบบแกะลายกิโยเช่ กับแบบแลกเกอร์ 
- แบบแกะลายกิโยเช่ จะมีให้เลือก 2 สี คือ สีเงินกับสีดำ โดยจะแกะลายกิโยเช่ตรงส่วนกลางหน้าปัด วงนาทีปัดลายซันบรัช วงวันที่ปัดลายเซอร์คูล่า วันกับเดือนในช่องหน้าต่างคู่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา พิมพ์ด้วยสีดำบนพื้นขาว เลขชั่วโมงโรมันในหน้าปัดสีเงินจะมี 2 สีให้เลือกคือ สีฟ้า คู่กับเข็มสีฟ้าเมทัลลิก และใช้พระจันทร์สีเงินบนพื้นสีน้ำเงินเข้ม หรือสีพิงค์โกลด์คู่กับเข็มเคลือบพิงค์โกลด์ ส่วนในหน้าปัดสีเงินจะใช้เลขชั่วโมงกับเข็มเคลือบโรเดียม และใช้พระจันทร์สีพิงค์โกลด์บนพื้นสีน้ำเงินเข้ม 
- แบบลงแลกเกอร์สีขาวเคลือบเงา จะพิมพ์เลขโรมันและวันที่ด้วยสีดำ ใช้พระจันทร์สีเงินบนพื้นสีน้ำเงินเข้ม เข็มแสดงวันจะใช้สีฟ้าเมทัลลิกส่วนเข็มบอกเวลาจะเคลือบโรเดียม 
สาย: หนังจระเข้สีดำ พร้อมบานพับสตีล ส่วนรุ่นหลักชั่วโมงและเข็มสีพิงค์โกลด์จะใช้สายสีน้ำตาล 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre ML 37 ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 25 จิวเวล กำลังสำรอง 38 ชั่วโมง โรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟ 
ฟังก์ชั่น: 
บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ ด้วยเข็มกลาง บอกวันกับเดือนแยกกันผ่านช่องหน้าต่างคู่ ณ 12 นาฬิกา แสดงมูนเฟสผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา

 

 

Masterpiece Tradition Reserve de Marche

 

อย่างชื่อบอกเช่นกัน รุ่นนี้มาพร้อมกับดิสเพลย์แสดงกำลังสำรองซึ่งอยู่ ณ ตำแหน่ง 7 นาฬิกา ชี้บอกกำลังสำรองของเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre ML 113 ด้วยเข็มขนาดเล็ก บอกวันที่ในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ฝาหลังกรุแซฟไฟร์มองเห็นโรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟ มีชุดการตกแต่งหน้าปัดให้เลือก 4 แบบ

 

MP6807 SS001 112lek

 

ตัวเรือน: สตีล ขนาด 40 มิลลิเมตร ขัดเงาสลับขัดซาติน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร 
หน้าปัด: มีให้เลือกในแบบแกะลายกิโยเช่หรือแบบลงแล็กเกอร์ 
- แบบแกะลายกิโยเช่นั้น จะเป็นลายกิโยเช่ตรงส่วนกลาง ส่วนวงนอกจะปัดลายซันบรัชด์ ฟินิชโอปอลีนบนมาตรกำลังสำรอง มี 2 สีให้เลือก คือ สีเงินกับสีดำ โดยแบบหน้าปัดสีเงินจะมีในแบบหลักชั่วโมงสีฟ้าคู่กับเข็มสีฟ้าเมทัลลิกกับแบบหลักชั่วโมงสีพิงค์โกลด์คู่กับเข็มเคลือบพิงค์โกลด์ให้เลือก และจะพิมพ์สเกลต่างๆ ด้วยสีดำ ส่วนในแบบหน้าปัดสีดำจะใช้หลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียม พิมพ์สเกลต่างๆ ด้วยสีขาว 
- แบบลงแลกเกอร์สีขาวเคลือบเงา จะใช้มาตรกำลังสำรองเป็นแบบพื้นด้าน หลักชั่วโมงเลขโรมันและสเกลต่างๆ พิมพ์ด้วยสีดำ โดยมีเลข 0 ที่มาตรกำลังสำรองพิมพ์ด้วยสีแดง เข็มกำลังสำรองสีฟ้าเมทัลลิก เข็มบอกเวลาเคลือบโรเดียม 
สาย: หนังจระเข้สีดำ บานพับสตีล โดยรุ่นหลักชั่วโมงกับเข็มสีพิงค์โกลด์จะมาคู่กับหนังสีน้ำตาล 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calbre ML 113 ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 21 จิวเวล กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง โรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟ 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที และวินาที ด้วยเข็มกลาง แสดงกำลังสำรองด้วยเข็ม ณ ตำแหน่ง 7 นาฬิกา แสดงวันที่ในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

 

 

Masterpiece Tradition Date GMT

 

รุ่น Date GMT นี้ มากับฟังก์ชั่นแสดงวันที่ขนาดใหญ่แบบ 2 หลักในช่องหน้าต่างคู่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และหน้าปัดแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัลมองเห็นเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ มีการตกแต่งหน้าปัดให้เลือก 4 แบบด้วยกัน 

 

MP6707 SS001 110lek

 

ตัวเรือน: สตีล ขนาด 40 มิลลิเมตร ขัดเงาสลับขัดซาติน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร 
หน้าปัด: มีให้เลือกในแบบแกะลายกิโยเช่กับแบบแลกเกอร์ 
- แบบแกะลายกิโยเช่จะมีให้เลือก 2 สี คือ สีเงินกับสีดำ วงกลางแกะเป็นลายกิโยเช่ วงหน้าปัดย่อยแสดงเวลาที่ 2 ฟินิชแบบโอปอลีน ส่วนวงหน้าปัดด้านนอกปัดลายซันบรัชด์ ในแบบหน้าปัดสีเงินจะมีให้เลือก 2 แบบคือ แบบหลักชั่วโมงโรมันสีฟ้าคู่กับเข็มสีฟ้าเมทัลลิก และแบบหลักชั่วโมงสีพิงค์โกลด์คู่กับเข็มเคลือบพิงค์โกลด์ โดยมีหลักชั่วโมงของไทม์โซนที่สองและหลักนาทีพิมพ์ด้วยสีดำ ส่วนแบบหน้าปัดสีดำจะใช้หลักชั่วโมงเลขโรมันกับเข็มเคลือบโรเดียม และพิมพ์หลักชั่วโมงของไทม์โซนที่สองกับหลักนาทีด้วยสีขาว 
- แบบลงแลคเกอร์สีขาวเคลือบเงา จะพิมพ์หลักชั่วโมงเลขโรมัน หลักนาที และหลักชั่วโมงของไทม์โซนที่สอง ด้วยสีดำ และใช้เข็มบอกเวลาไทม์โซนที่สองเป็นสีฟ้าเมทัลลิก ส่วนเข็มบอกเวลาจะเคลือบโรเดียม วงหน้าปัดเล็กบอกเวลาที่สองจะเป็นแบบผิวด้าน 
สาย: หนังจระเข้สีดำ บานพับสตีล โดยรุ่นหลักชั่วโมงกับเข็มสีพิงค์โกลด์จะมาคู่กับหนังสีน้ำตาล 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calbre ML 129 ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 21 จิวเวล กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง โรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟ 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที และวินาที ด้วยเข็มกลาง บอกเวลาไทม์โซนที่สองด้วยเข็มชั่วโมงกับนาที ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา แสดงวันที่ขนาดใหญ่ 2 หลักในช่องหน้าต่างคู่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

  

 

Masterpiece Tradition Petite Seconde

 

รุ่นนี้มากับการชี้บอกวินาทีบนวงวินาทีขนาดเล็ก ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาซึ่งให้อารมณ์ความคลาสสิกแบบเรียบง่าย มาในตัวเรือนสตีลหรือพิงค์โกลด์ที่มีรูปแบบหน้าปัดต่างๆ ให้เลือกหลายแบบด้วยกัน รวมถึงรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นด้วย เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่มองเห็นได้ผ่านฝาหลังกรุแซฟไฟร์ 

 

MP6907 PG101 113lek

 

ตัวเรือน: สตีล ขนาด 40 มิลลิเมตร ขัดเงาสลับขัดซาติน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร และมีรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นผลิตจำนวนจำกัด 88 เรือนในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k ด้วย 
หน้าปัด: มีให้เลือก 2 ลักษณะเช่นกัน คือ แบบแกะลายกิโยเช่กับแบบแลกเกอร์ 
- แบบแกะลายกิโยเช่จะแกะกิโยเช่ตรงส่วนกลาง ปัดลายซันบรัชด์บนวงนอก ฟินิชโอปอลีนบนวงวินาทีเล็ก ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา มี 2 สีให้เลือก คือ สีเงินกับสีดำ โดยแบบหน้าปัดสีเงินจะมีในแบบหลักชั่วโมงสีฟ้าคู่กับเข็มสีฟ้าเมทัลลิกกับแบบหลักชั่วโมงสีพิงค์โกลด์คู่กับเข็มเคลือบพิงค์โกลด์ให้เลือก และจะพิมพ์สเกลต่างๆ ด้วยสีดำ ส่วนในแบบหน้าปัดสีดำจะใช้หลักชั่วโมงและเข็มเคลือบโรเดียม พิมพ์สเกลต่างๆ ด้วยสีขาว 
- แบบลงแลกเกอร์สีขาวเคลือบเงา หน้าปัดวินาทีเล็กจะเป็นแบบพื้นด้าน หลักชั่วโมงเลขโรมันและสเกลต่างๆ พิมพ์ด้วยสีดำ เข็มวินาทีเล็กสีฟ้าเมทัลลิก เข็มบอกเวลาเคลือบโรเดียม 
- ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นจะใช้หน้าปัดแบบลงแลกเกอร์ซึ่งมี 2 สีให้เลือกคือ สีขาวเคลือบเงากับสีดำเคลือบเงา โดยจะใช้หลักชั่วโมงเลขโรมันและสเกลต่างๆ ที่พิมพ์ด้วยสีดำในหน้าปัดสีขาว และสีเทาในหน้าปัดสีดำ เข็มวินาทีเล็กในรุ่นหน้าปัดสีขาวจะเป็นสีฟ้าเมทัลลิกส่วนในรุ่นหน้าปัดสีดำจะเคลือบโรเดียม ทั้งคู่ใช้เข็มบอกเวลาเคลือบพิงค์โกลด์ 
สาย: หนังจระเข้สีดำ บานพับสตีล หรือบัคเกิ้ลพิงค์โกลด์ในรุ่นตัวเรือนพิงค์โกลด์ โดยรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นตัวเรือนพิงค์โกลด์หน้าปัดสีขาวจะมาคู่กับหนังสีน้ำตาล 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calbre ML 158 ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 31 จิวเวล กำลังสำรอง 38 ชั่วโมง โรเตอร์เคลือบทองขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟ 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที ด้วยเข็มกลาง บอกวินาทีด้วยเข็มเล็ก ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา แสดงวันที่ในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

  

 

 

Pontos Collection

 

คอลเลคชั่น Pontos ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีนั้น ในปีนี้มากับโฉมปรับปรุงใหม่ของ Decentrique GMT และเปิดตัวรุ่นใหม่กับ Pontos S Chronograph ในมาดที่ดูทรงพลังยิ่งขึ้นพร้อมคุณสมบัติในการกันน้ำที่ระดับ 200 เมตร และขอบหน้าปัดด้านในหมุนได้ เพื่อรองรับกิจกรรมการดำน้ำและกีฬาทางน้ำโดยเฉพาะ

  

 

Pontos Decentrique GMT

 

Decentrique GMT นั้นเป็นที่ยอมรับทั่วกันในด้านดีไซน์อันสวยคมแปลกตาของ 2 หน้าปัดใหญ่-เล็กบอกเวลา 2 ไทม์โซนซึ่งจัดวางแบบเยื้องศูนย์ซ้อนกันอย่างลงตัวแทบจะทันทีที่เปิดตัวให้เห็นกันครั้งแรกเมื่อปี 2006 จากนั้นก็ได้รับรางวัล Red Dot Design Award เป็นเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมของการออกแบบในปี 2007 

 

และในรุ่นอัพเดทปี 2012 ที่ออกมาใหม่นี้ก็ยังคงมาในขนาดตัวเรือนเท่าเดิมและใช้รูปแบบการจัดวางหน้าปัดบอกเวลาหลักเป็นชั่วโมง นาที กับวินาที ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกาในขนาดใหญ่กว่าซ้อนกับหน้าปัดบอกเวลาที่สองด้วยเข็มชั่วโมงกับนาทีซึ่งภายในบรรจุดิสก์แสดงกลางวันกลางคืนเอาไว้ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา พร้อมการแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เช่นเดิม แต่คราวนี้วันที่จะถูกแสดงในช่องหน้าต่างด้วยดีไซน์ลักษณะเดียวกับรุ่น Decentrique Phases de Lune แทนเพื่อเน้นให้อ่านค่าได้ชัดเจน และช่องหน้าต่างแสดงกลางวันกลางคืนก็เปลี่ยนเป็นช่องรูปพระจันทร์เสี้ยวแทนโดยปล่อยให้เส้นแนวโค้งเป็นแนวเดียวกับหน้าปัดบอกเวลาหลักให้เต็มวงซึ่งเป็นก็จะกลายเป็นพื้นหน้าปัดของหน้าปัดบอกเวลาที่สองแทนแบบแผ่นกระจกมองทะลุที่เคยใช้ในรุ่นก่อนหน้าโดยหน้าปัดทั้งสองจะถูกทำลายซันเบิร์สท์เป็นของตนเองเพื่อสร้างมิติและทำให้อ่านค่าเวลาของแต่ละหน้าปัดได้ง่ายขึ้น เข็มชั่วโมงกับนาทีของทั้ง 2 หน้าปัดก็ยังคงแต้มด้วยสารเรืองแสงเหมือนเดิม น่าจะสรุปได้ว่าทาง MAURICE LACROIX ต้องการทำให้นาฬิการุ่นนี้สามารถอ่านค่าได้สะดวกขึ้นพร้อมๆ กับหน้าตาที่ดูคลาสสิกเรียบง่ายกว่ารุ่นที่แล้ว โดยมาใน 2 สีหน้าปัดให้เลือกเหมือนเดิม คือ สีดำหรือสีเงิน ส่วนเครื่องก็ยังคงเป็น Calibre ML 121 ขึ้นลานอัตโนมัติเหมือนรุ่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

 

PT6118 SS001 331 PR A lek

 

ตัวเรือน: สตีลขนาด 43 มิลลิเมตร ขัดซาตินสลับขัดเงา กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ฝาหลังขันเกลียวกรุแซฟไฟร์คริสตัล มีปุ่มปรับเวลา GMT ที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร 
หน้าปัด: 2 หน้าปัดจัดวางแบบเยื้องศูนย์ หน้าปัดใหญ่ ณ ตำแหน่ง 10 นาฬิกาบอกเวลาหลักด้วยเข็มชั่วโมงกับนาทีแต้มสารเรืองแสงสีฟ้า และเข็มวินาที หน้าปัดที่สอง ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกาแสดงเวลาไทม์โซนที่สองด้วยเข็มชั่วโมงกับนาทีแต้มสารเรืองแสงสีฟ้า ภายในเปิดช่องหน้าต่างให้เห็นจานแสดงกลางวัน/กลางคืน พื้นหน้าปัดขัดลายซันเบิร์สท์มีให้เลือก 2 แบบ คือ เคลือบโรเดียมเป็นสีเงิน หรือสีดำ ใช้หลักชั่วโมงแสดงเวลาหลักแบบติดปัดลายซันบรัชด์ 
สาย: หนังจระเข้สีดำพร้อมบานพับสตีล
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calbre ML 121 ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 34 จิวเวล กำลังสำรอง 38 ชั่วโมง 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที และวินาที, บอกชั่วโมงกับนาทีของไทม์โซนที่สอง, บอกกลางวัน/กลางคืน, บอกวันที่

 

 

Pontos S Chronograph

 

มาถึงรุ่นใหม่ของไลน์ Pontos กันบ้าง กับ Pontos S Chronograph ซึ่งเมื่อมองผ่านๆ แล้วหลายคนอาจถามว่าใหม่ตรงไหน ต้องบอกว่าลองดูดีๆ ในรายละเอียดครับ จะเห็นความแตกต่างจาก Pontos Chronograph รุ่นปกติ เพราะ Pontos S นี้มาในลุคที่ดูสปอร์ตทะมัดทะแมงขึ้น พร้อมกับคุณสมบัติในการกันน้ำที่ดีขึ้นจาก Pontos Chronograph ที่ความลึก 50 เมตร มาเป็นที่ระดับความลึก 200 เมตร โดยมาคู่กับสายสตีล 3 แถวแบบใหม่ พร้อมสายผ้านาโต้ที่ให้มาไว้เปลี่ยนด้วย

 

ตัวเรือนมีขนาด 43 มิลลิเมตรเช่นเดียวกับ Pontos Chronograph ทำจากสตีล ใช้เม็ดมะยมขันเกลียวเซาะร่องเป็นเส้นตรง โดยมีปุ่มกดกลม 2 ปุ่มซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากเม็ดมะยมธรรมดาเซาะร่องโค้งและปุ่มกดทรงปีกโค้งยาวของ Pontos Chronograph อย่างเห็นได้ชัดที่สุด ขอบหน้าปัดด้านในเป็นแบบหมุนได้ทำจากอลูมิเนียมมาพร้อมสเกลนาทีซึ่งมีสเกล 15 นาทีแรกให้เลือก 4 สีด้วยกัน คือ เทา, ฟ้า, ส้ม และแดง ส่วนหน้าปัด แมตช์กับปลายเข็มวินาทีจับเวลาและเข็มนาทีซึ่งจะแต้มสีเดียวกัน พื้นหน้าปัดจะใช้สีดำ โดยมีขอบเคาน์เตอร์ทั้ง 3 วงเป็นสีเงิน ทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟที่ปรับปรุงจากเครื่องยอดนิยม Valjoux 7750 ที่ไว้ใจได้เช่นเคย

 

PT6008 SS001 332 PR A lek

 

ตัวเรือน: สตีล ขนาด 43 มิลลิเมตร ขัดเงาสลับปัดลาย ขอบหน้าปัดด้านในหมุนได้ทำจากอลูมิเนียมพื้นสีดำปัดลายเซอร์คูลาร์ พิมพ์สเกลนาทีซึ่งมีให้เลือก 4 สีคือ เทา, ฟ้า, ส้ม และแดง กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้ง 2 ด้าน เม็ดมะยมขันเกลียว กันน้ำได้ในระดับความลึก 200 เมตร ปุ่มกดที่ 2 นาฬิกาแต่งด้วยแหวนอลูมิเนียมสีเดียวกับสเกลบนขอบหน้าปัด 
หน้าปัด: สีดำปัดลายซันบรัชด์ ในเคาน์เตอร์ย่อยฟินิชเป็นลายเกลียวสลับกับซาติน หลักชั่วโมงแบบติดแต้มสารซูเปอร์ลูมิโนวา เข็มชั่วโมงกับนาทีแต้มสารซูเปอร์ลูมิโนวา เข็มนาทีกับเข็มวินาทีจับเวลาใช้สีเดียวกับสเกลบนขอบหน้าปัด 
สาย: สตีลแบบ 3 แถว มากับตัวล็อคแบบปีกผีเสื้อที่ปรับขยายได้ พร้อมสายผ้านาโต้สีดำล้วน หรือสีดำ 2 แถบเส้นสีแมตช์กับสเกลบนขอบหน้าปัด 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟ Calibre ML 112 ที่ปรับปรุงจากพื้นฐานของ Valjoux 7750 เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 25 จิวเวล กำลังสำรอง 46 ชั่วโมง 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที และวินาทีจับเวลา ด้วยเข็มกลาง บอกวินาทีในหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา บอกนาทีจับเวลาในหน้าปัดย่อยที่ 12 นาฬิกา บอกชั่วโมงจับเวลาในหน้าปัดย่อยที่ 6 นาฬิกา บอกวันที่ในช่องหน้าต่างที่ 6 นาฬิกา

 

 

 

Les Classiques Collection

 

ในปีนี้คอลเลคชั่นขายดีอีกไลน์ Les Classiques ก็ได้ออกนาฬิกาซีรี่ส์ใหม่ของไลน์โดยใช้ชื่อว่า Les Classiques Tradition ซึ่งตั้งใจออกแบบให้มีความคลาสสิกสมชื่อโดยเป็นการดีไซน์ขึ้นใหม่ทั้งหมดทั้งตัวเรือนและการฟินิชหน้าปัด 2 แบบที่มีให้เลือก ได้แก่ แบบการลงแลกเกอร์เคลือบเงา และแบบที่ผสมผสานลายซันบรัชด์เข้ากับลายเซอร์คูล่าถ่ายทอดออกมาเป็นความเรียบง่ายที่ชวนมอง เดินด้วยเครื่องอัตโนมัติ เปิดตัวมาพร้อมกันทั้งรุ่นสำหรับผู้ชายและสำหรับผู้หญิง พร้อมกับอัพเดทหน้าตาใหม่ให้กับซี่รี่ส์ปัจจุบันใน 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Les Classiques Phases de Lune เครื่องอัตโนมัติ และ Chronographe Phases de Lune เครื่องควอตซ์ ที่ต่างก็นำการฟินิชชิ่งหน้าปัดแบบผสมผสานลายซันบรัชด์เข้ากับลายเซอร์คูล่ามาใช้เพื่อสร้างมิติให้ดูน่าสนใจกว่าแบบเรียบๆ ในรุ่นก่อนหน้า 

  

 

Les Classiques Tradition

 

ซีรี่ส์ Tradition ของ Les Classiques เป็นรุ่นใหม่ถอดด้ามที่ทางแบรนด์บรรจงใส่ความคลาสสิกแบบดั้งเดิมของธรรมเนียมการประดิษฐ์นาฬิกาสวิสในอดีตเข้าไปในทุกรายละเอียดการออกแบบ จนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นนาฬิกาเรือนบางบอกเวลาแบบสามเข็มพร้อมหน้าต่างบอกวันที่ซึ่งมีหน้าตาหมดจดเกลี้ยงเกลารุ่นนี้ โดยมีให้เลือกทั้งในตัวเรือนวัสดุสตีล หรือตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k มาในหน้าปัด 2 รูปแบบให้เลือก คือ แบบแลกเกอร์สีขาวหรือแลกเกอร์สีดำเคลือบเงา ซึ่งจะใช้หลักชั่วโมงเลขโรมันพิมพ์สีดำในรุ่นหน้าปัดขาว พิมพ์สีเงินในรุ่นหน้าปัดดำตัวเรือนสตีล หรือพิมพ์สีพิงค์โกลด์ในรุ่นตัวเรือนพิงค์โกลด์ ส่วนอีกแบบจะเป็นหน้าปัดแบบซันบรัชด์ที่ตกแต่งวงแหวนบริเวณหลักชั่วโมงด้วยลายเซอร์คูล่าซึ่งมีสีเงินหรือสีดำให้เลือกโดยจะมาพร้อมหลักชั่วโมงแบบขีดสีเงินหรือสีพิงค์โกลด์ตามวัสดุตัวเรือน รุ่นตัวเรือนพิงค์โกลด์จะมากับเข็มเคลือบพิงค์โกลด์ ส่วนตัวเรือนสตีลจะใช้เข็มโรเดียม ทั้งซีรี่ส์เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ โรเตอร์ขัดลายโค้ตเดอเชอแนฟ ทั้งหมดอยู่บนตัวเรือนขัดเงาที่มีให้เลือกทั้งขนาด 38 มิลลิเมตร สำหรับผู้ชาย และ 28 มิลลิเมตร สำหรับผู้หญิง

 

LC Gold Gents Ladies Duo Lek

 

ตัวเรือน: ขัดเงา ขนาด 38 มิลลิเมตร สำหรับผู้ชาย และ 28 มิลลิเมตร สำหรับผู้หญิง มีให้เลือกในวัสดุ สตีล หรือพิงค์โกลด์ 18k กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนด้านใน ฝาหลังกรุกระจกใส กันน้ำได้ในระดับ 30 เมตร 
หน้าปัด: บอกชั่วโมง นาที กับวินาทีด้วยเข็มกลาง บอกวันที่ในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา 
- รุ่นตัวเรือนสตีล จะมากับหน้าปัดแลกเกอร์สีขาวเคลือบเงา หลักชั่วโมงเลขโรมันพิมพ์สีดำ หรือแลกเกอร์สีดำเคลือบเงา หลักชั่วโมงเลขโรมันพิมพ์สีเงิน หรือหน้าปัดฟินิชลายซันบรัชด์โดยมีวงแหวนชั่วโมงเป็นลายเซอร์คูลาซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือ พื้นสีเงิน หลักชั่วโมงสีเงิน หรือพื้นสีดำ หลักชั่วโมงสีเงิน ทั้งหมดใช้เข็มเคลือบโรเดียม 
- รุ่นตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k จะมากับหน้าปัดแลกเกอร์สีขาวเคลือบเงา หลักชั่วโมงเลขโรมันพิมพ์สีดำ หรือแลกเกอร์สีดำเคลือบเงา หลักชั่วโมงเลขโรมันพิมพ์สีพิงค์โกลด์ เข็มเคลือบพิงค์โกลด์ หรือหน้าปัดฟินิชลายซันบรัชด์โดยมีวงแหวนชั่วโมงเป็นลายเซอร์คูลาซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ คือ พื้นสีเงิน หลักชั่วโมงสีพิงค์โกลด์ หรือพื้นสีดำ หลักชั่วโมงสีพิงค์โกลด์ ทั้งหมดใช้เข็มเคลือบพิงค์โกลด์ 
สาย: หนังจระเข้สีดำหรือสีน้ำตาลพร้อมบัคเกิ้ลสตีลในตัวเรือนสตีล และสีดำหรือสีน้ำตาลพร้อมบัคเกิ้ลพิงค์โกลด์ 18k ในตัวเรือนทอง 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre ML 155 ในรุ่นผู้ชาย หรือ Calibre ML 132 ในรุ่นผู้หญิง
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที กับวินาทีด้วยเข็มกลาง บอกวันที่

 

 

Les Classiques Phases de Lune

 

งานอัพเดทหน้าปัดของเวอร์ชั่น 2012 ในรุ่น Phases de Lune นี้มากับพื้นหน้าปัดส่วนใหญ่ที่ฟินิชแบบซันบรัชด์ และมีวงแหวนชั่วโมงเป็นลายเซอร์คูลาซึ่งสร้างมิติชวนมองได้อย่างน่าสนใจ อีกจุดที่ดูแตกต่างจากรุ่นเดิมก็คือการใช้เข็มแสดงวันที่ทำจากบลูด์สตีลสำหรับรุ่นหน้าปัดสีเงิน และใช้เป็นสีเทาในรุ่นหน้าปัดดำ อีกทั้งยังเพิ่มรุ่นหน้าปัดเงินที่ใช้หลักชั่วโมงกับเข็มสีทอง เข็มวันที่บลูด์สตีล ให้เลือกด้วย ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวเรือน เครื่องอัตโนมัติที่ใช้ หรือด้านดิสเพลย์ทั้งการแสดงวันที่ด้วยเข็มกลาง บอกวันกับเดือนในช่องหน้าต่างคู่ และการแสดงมูนเฟสนั้นยังคงเหมือนกับรุ่นเดิม 

 

LC6068 SS001 331 PR A lek

 

ตัวเรือน: ขนาด 40 มิลลิเมตร ทำจากสตีล กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนด้านใน ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 30 เมตร 
หน้าปัด: ฟินิชลายซันบรัชด์สลับเซอร์คูล่า แสดงวันกับเดือนผ่านช่องหน้าต่างคู่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา แสดงมูนเฟสผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา บอกวันที่ด้วยเข็มกลาง มีให้เลือกระหว่างสีดำ หลักชั่วโมงแบบติดสีเงินและเข็มโรเดียม เข็มวันที่สีเทา ดิสก์มูนเฟสพื้นสีเทา, สีเงิน หลักชั่วโมงแบบติดสีเงินและเข็มโรเดียม เข็มวันที่บลูด์สตีล ดิสก์มูนเฟสพื้นสีน้ำเงิน หรือแบบทูโทน หน้าปัดสีเงิน หลักชั่วโมงแบบติดและเข็มเคลือบเยลโลว์โกลด์ เข็มวันที่บลูด์สตีล ดิสก์มูนเฟสพื้นสีน้ำเงินโดยมีพระจันทร์และดาวเป็นสีทอง ปลายเข็มชั่วโมงกับนาทีของทุกแบบแต้มสารเรืองแสง 
สาย: หนังวัวลายจระเข้สีดำพร้อมบานพับสตีล (รุ่นหลักชั่วโมงกับเข็มเคลือบเยลโลว์โกลด์ใช้สายสีน้ำตาล) 
เครื่อง:
 ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre ML37 ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 25 จิวเวล กำลังสำรอง 38 ชั่วโมง 
ฟังก์ชั่น:
 บอกชั่วโมง นาที วินาที และวันที่ด้วยเข็มกลาง บอกวันกับเดือน แสดงมูนเฟส

 

 

Les Classiques Chronographe Phases de Lune

 

เวอร์ชั่น 2012 ของรุ่นโครโนกราฟนี้นอกจากการอัพเดทหน้าปัดรูปแบบใหม่ด้วยส่วนผสมของงานฟินิชแบบซันบรัชด์บนพื้นหน้าปัดผสมกับลายเซอร์คูล่าเป็นวงแหวนที่วงชั่วโมงกับบนเคาน์เตอร์ย่อยทั้งสองแทนพื้นผิวหน้าปัดที่เรียบง่ายแบบรุ่นเดิมแล้ว โลโก้ของแบรนด์ก็ได้ย้ายจากในวงแสดงมูนเฟสที่ 6 นาฬิกาไปติดไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาซึ่งดูลงตัวยิ่งขึ้นด้วย นอกนั้นยังคงเหมือนเดิม ในเบื้องต้นนี้เปิดมาแต่รุ่นกลไกควอตซ์ แต่ก็น่าจะมีรุ่นเครื่องอัตโนมัติตามออกมาเพราะรุ่นเดิมก็มีให้เลือกอยู่ 

 

LC1148 SS001 331lek

 

ตัวเรือน: สตีลขนาด 40 มิลลิเมตร กันน้ำได้ในระดับความลึก 30 เมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนด้านใน 
หน้าปัด: ลายซันบรัชด์สลับเซอร์คูล่า มีให้เลือก 3 รูปแบบ คือ สีเงิน หลักชั่วโมงแบบติดสีเงิน เข็มโรเดียม พื้นดิสก์มูนเฟสสีน้ำเงิน, สีดำ หลักชั่วโมงสีเงินแบบติด เข็มโรเดียม พื้นดิสก์มูนเฟสสีเทา และสีเงินหลักชั่วโมงแบบติดกับเข็มเคลือบสีทอง พื้นดิสก์มูนเฟสสีเทา พระจันทร์กับดาวสีทอง เข็มของทุกรุ่นแต้มสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวาบนปลายเข็ม และมีเคาน์เตอร์นาทีจับเวลาอยู่ที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ส่วนวงวินาทีขนาดเล็กอยู่ที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา หน้าต่างแสดงมูนเฟสบรรจุอยู่ในวงกลม ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา มีหน้าต่างบอกวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา 
สาย: มีสายหนังวัวลายหนังจระเข้สีดำพร้อมบานพับสตีลหรือสายสตีลแบบ 7 แถวพร้อมบัคเกิ้ลแบบปีกผีเสื้อให้เลือก (ส่วนรุ่นหลักชั่วโมงกับเข็มเคลือบเยลโลว์โกลด์จะใช้สายหนังสีน้ำตาล) 
เครื่อง: ควอตซ์โครโนกราฟ Calibre ML49 ปรับปรุงจากเครื่อง ISA 8171 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที และวินาทีจับเวลาด้วยเข็มกลาง บอกวินาทีและนาทีจับเวลาด้วยเข็มบนหน้าปัดย่อย แสดงวันที่ และแสดงมูนเฟส 

  

 

 

Miros Collection

 

และแล้วก็ถึงคราวที่นาฬิกาตระกูลสปอร์ตที่มีชื่อว่า Miros จะกลับมาแบบเต็มสตีมอีกครั้ง โดยยังคงคาแรกเตอร์อันแข็งแกร่งตามแบบฉบับของ Miros ดั้งเดิมเอาไว้ คอลเลคชั่นใหม่นี้จะมาแบบครบๆ ทั้งรุ่น Miros Date สามเข็มพร้อมหน้าต่างบอกวันที่ที่ 3 นาฬิกาสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย และแบบโครโนกราฟ ทั้งหมดเดินด้วยเครื่องควอตซ์ 

  

 

Miros Chronographe

 

Miros Chronographe เวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่นี้ได้รับการขัดเกลารูปทรงของตัวเรือนให้ดูเกลี้ยงเกลายิ่งขึ้นโดยยังยึดดีไซน์เดิมเป็นหลักแต่มาในขนาดตัวเรือนที่ใหญ่ขึ้นเป็น 41 มิลลิเมตร จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 39 มิลลิเมตร หรือ 40 มิลลิเมตรในรุ่น Miros Sport โดยยังมาพร้อมสเกลทาคีมิเตอร์บนขอบตัวเรือนด้วย หน้าปัดก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดภายในวงรอบด้วยการใส่เส้นแนวขวางลงไปพร้อมกับใช้โทนสีตัดกันระหว่างเคาน์เตอร์ย่อยกับพื้นหน้าปัด ปุ่มกดแบบเหลี่ยมก็ดูมีดีไซน์ยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มองศาความเอียง โดยคราวนี้ยังมีรุ่นดำล้วนแบบฟูลแบล็กชุบพีวีดีดำทั้งตัวเรือนจรดสายที่มากับหน้าปัดสีดำตกแต่งรายละเอียดเล็กๆ ด้วยสีแดงอีกต่างหาก และยังมีในแบบตัวเรือนกับสายทูโทน สตีล/พีวีดีดำให้เลือกด้วย เดินด้วยกลไกควอตซ์เหมือนเดิม

 

MI1028 SS002 330lek

 

ตัวเรือน: ปัดลายสลับขัดเงา ขนาด 41 มิลลิเมตร มีให้เลือกในแบบสตีล หรือสตีลเคลือบพีวีดีดำ ปุ่มกดสตาร์ท/สต็อปสีแดง หรือสตีลขอบตัวเรือนสตีลเคลือบพีวีดีดำ สลักสเกลทาคีมิเตอร์สีดำบนขอบตัวเรือนสตีล สีขาวบนขอบตัวเรือนดำ และสีขาวสลับแดงบนขอบตัวเรือนดำในตัวเรือนพีวีดีดำ กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนด้านใน กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร 
หน้าปัด: ส่วนกลางเป็นลายซันบรัชด์ รอบนอกทำเป็นลายเส้นขวาง หลักชั่วโมงกับเข็มโรเดียม เข็มชั่วโมงกับนาทีแต้มสารเรืองแสง มีให้เลือกระหว่างพื้นสีดำเคาน์เตอร์สีเงิน (ตัวเรือนสตีล) หรือพื้นสีเงินเคาน์เตอร์สีดำ (ในตัวเรือนสตีลหรือตัวเรือนสตีลขอบตัวเรือนพีวีดีดำ) และอีกแบบเป็นสีดำล้วนที่เพิ่มลายขวางลงบนเคาน์เตอร์ย่อย 2 วงบนด้วยพร้อมกับเข็มวินาทีจับเวลากับเข็มชั่วโมงจับเวลาสีแดงและตกแต่งรายละเอียดต่างๆ ด้วยสีแดงซึ่งจะมากับตัวเรือนพีวีดีดำล้วนเท่านั้น บอกวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา 
สาย: สตีลแบบ 3 แถว มี 3 แบบตามตัวเรือน คือ สตีล, สตีลเคลือบพีวีดีดำ และทูโทน สตีล/สตีลเคลือบพีวีดีดำ พร้อมบัคเกิ้ลแบบปีกผีเสื้อ 
เครื่อง: ควอตซ์โครโนกราฟ 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที วินาทีเล็ก บอกวันที่ และโครโนกราฟจับเวลานาทีกับชั่วโมง

 

 

Miros Date

 

หลังจากที่ขายแต่รุ่นโครโนกราฟกันในช่วงปีหลังๆ รุ่น Date ใหม่ก็ออกมาให้เชยชมกันทั้ง 2 ขนาดตัวเรือน 40 มิลลิเมตร หน้าปัดลายซันเรย์สำหรับคุณผู้ชายและ 32 มิลลิเมตรสำหรับคุณผู้หญิง ในรุ่นของผู้ชายจะมีทางเลือก 5 แบบด้วยกันในตัวเรือนและสายสตีลล้วน หรือตัวเรือนและสายสตีลทูโทนสลับเคลือบพิงค์โกลด์หรือเคลือบพีวีดีดำ ส่วนรุ่นของผู้หญิงจะมีให้เลือกถึง 7 แบบ ในตัวเรือนสตีลหรือเคลือบพิงค์โกลด์ โดยมีในแบบประดับเพชรด้วย ทั้งหมดเดินด้วยเครื่องควอตซ์ 

 

MI1018 SS002 131lekMI1014 SD502 330S

 

ตัวเรือน: ขัดเงาสลับปัดลาย กระจกหน้าปัดเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนด้านใน กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร สำหรับผู้ชาย ขนาด 40 มิลลิเมตร ขัดเงาสลับปัดลาย มีให้เลือกระหว่าง สตีลล้วน หรือในแบบทูโทนที่มี สตีลขอบตัวเรือนสตีลเคลือบพิงค์โกลด์ หรือสตีลขอบตัวเรือนสตีลเคลือบพีวีดีดำ ให้เลือก สำหรับผู้หญิง ขนาด 32 มิลลิเมตร มีให้เลือกระหว่างสตีลล้วน หรือในแบบทูโทน สตีลขอบตัวเรือนสตีลเคลือบพิงค์โกลด์ โดยในรุนตัวเรือนสตีลจะมีแบบประดับเพชร 60 เม็ด น้ำหนักรวม 0.45 กะรัต บนขอบตัวเรือนคู่กับหน้าปัดสีขาวหรือสีดำหลักชั่วโมงเลขอารบิกให้เลือกด้วย 
หน้าปัด: สำหรับผู้ชาย ส่วนกลางทำลายซันบรัชด์ รอบหน้าปัดทำเป็นเส้นแนวขวาง หลักชั่วโมงเลขอารบิกขนาดใหญ่ที่ 6, 9, 12 นาฬิกา มีให้เลือกในสีเงินหลักชั่วโมงและเข็มโรเดียมปลายเข็มวินาทีสีแดง (รุ่นตัวเรือนสตีลกับตัวเรือนทูโทนเคลือบพีวีดีดำ) สีเงินหลักชั่วโมงและเข็มเคลือบพิงค์โกลด์ (รุ่นตัวเรือนทูโทนเคลือบพิงค์โกลด์) และสีดำหลักชั่วโมงและเข็มโรเดียมปลายเข็มวินาทีสีแดง (รุ่นตัวเรือนสตีลกับตัวเรือนทูโทนเคลือบพีวีดีดำ) เข็มชั่วโมงกับนาทีแต้มสารเรืองแสง 
สำหรับผู้หญิง ส่วนกลางทำลายซันบรัชด์ รอบหน้าปัดทำเป็นเส้นแนวขวาง หลักชั่วโมงเลขอารบิกขนาดใหญ่ที่ 6, 9, 12 นาฬิกา มีให้เลือกในสีเงินหลักชั่วโมงและเข็มโรเดียม สีเงินเข็มโรเดียมหลักชั่วโมงประดับเพชร 9 เม็ดน้ำหนักรวม 0.045 กะรัต สีเงินหลักชั่วโมงและเข็มเคลือบพิงค์โกลด์ (รุ่นตัวเรือนทูโทนเคลือบพิงค์โกลด์) สีดำหลักชั่วโมงและเข็มโรเดียม และสีดำเข็มโรเดียมหลักชั่วโมงประดับเพชร 9 เม็ดน้ำหนักรวม 0.045 กะรัต 
สาย: สตีลแบบ 3 แถว หรือทูโทน สตีล/สตีลเคลือบพิงค์โกลด์ แมตช์กับแบบตัวเรือน บัคเกิ้ลแบบปีกผีเสื้อ 
เครื่อง: ควอตซ์ 
ฟังก์ชั่น: บอกชั่วโมง นาที วินาที ด้วยเข็มกลาง บอกวันที่ในช่องหน้าต่างที่ 3 นาฬิกา

 

By: Viracharn T.