BASELWORLD 2012 - New pieces from LOUIS VUITTON & FENDI
รายงานนาฬิกาใหม่จาก BASELWORLD 2012 โดย IAMWATCH ครั้งนี้ ขอพาคุณมาชมนาฬิกาจาก 2 แบรนด์ใหญ่แห่งโลกแฟชั่นระดับสูงกันบ้าง แบรนด์แรกถือสัญชาติฝรั่งเศสและเป็นแบรนด์ที่คงไม่มีใครไม่รู้จักเป็นแน่ กับ LOUIS VUITTON นั่นเอง โดยจะมาในซีรี่ส์ Tambour 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกนั้นเป็น Tambour LV Cup Automatic Countdown สำหรับคุณผู้ชายที่หลงใหลในการแล่นเรือ มาพร้อมฟังก์ชั่นนับเวลาถอยหลังรีกัตต้าพร้อมระบบฟลายแบ็ค ส่วนรุ่นที่สอง จะเป็นนาฬิกาสำหรับคุณผู้หญิงในตัวเรือนเซรามิกที่ออกมาเพิ่มทางเลือกให้กับคอลเลคชั่น Tambour Forever ส่วนอีกแบรนด์ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักไม่แพ้กันนั้นถือสัญชาติอิตาลี เพราะปีนี้ FENDI พร้อมแล้วที่จะนำเสนอนาฬิกากลไกอัตโนมัติในรูปแบบคลาสสิกร่วมสมัยให้กับคุณผู้ชายได้ซื้อหากัน ในชื่อรุ่นว่า Fendiamatica ส่วนคุณผู้หญิงก็จะได้เพลิดเพลินกับทางเลือกที่หลากหลายขึ้นในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่น Crazy Carats ที่ออกสายหนังจระเข้มาให้เป็นเจ้าของกันแล้ว ส่วนคอลเลคชั่น Selleria ที่สามารถเปลี่ยนสายได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดายก็มีรุ่นโครโนกราฟมาให้เลือกกันแล้ว และสุดท้ายรุ่นใหม่สุด Chameleon ซึ่งออกมาสมทบกับคอลเลคชั่นกระเป๋าถือในชื่อเดียวกัน
LOUIS VUITTON
Tambour LV Cup Automatic Countdown
LOUIS VUITTON ยังคงต่อเนื่องกับการออกนาฬิกามาเพื่อใช้งานในการแข่งขันเรือใบรีกัตต้า Tambour LV Cup Automatic Countdown รุ่นนี้มากับตัวเรือนสตีลขนาดใหญ่ Extra Large Tambour กับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มลายซันเรย์ มีปุ่มกดสองปุ่มอยู่ภายใต้แถบยางสีดำบนตัวเรือนฝั่งตรงข้ามกับเม็ดมะยม ใช้สำหรับสั่งการฟังก์ชั่นนับเวลาถอยหลัง 5 นาที ซึ่งการแสดงการนับเวลานั้น 4 นาทีแรกจะแสดงผ่านช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ทรงโค้ง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ในขณะที่นาทีสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุดนั้นจะถูกแสดงด้วยสีแดงภายในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา และที่เยี่ยมก็คือฟังก์ชั่นนับเวลาถอยหลังของเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ใช้นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมกับระบบฟลายแบ็คด้วยซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้งานเพื่อการแข่งเรือ เพราะหากเกิดการสตาร์ทฟาวล์ขึ้นก็จะสามารถกดให้เริ่มจับเวลาถอยหลังใหม่ได้ในทันที
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 44 มิลลิเมตร ปุ่มกดและเม็ดมะยมหุ้มยางสีดำ กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนบนกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์และแซฟไฟร์ที่กรุบนฝาหลัง
หน้าปัด: สีน้ำเงินเข้ม (Navy Blue) ลายซันเรย์ พร้อมสัญลักษณ์และข้อความ LV Cup มีเส้นกลางที่ขีดจาก 9 ไป 3 นาฬิกาซึ่งสะท้อนถึงเส้นสตาร์ทของการแข่งขัน ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกาแสดง 4 นาทีแรกของนาทีนับถอยหลัง ช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาแสดงนาทีสุดท้ายของการนับถอยหลัง
ฟังก์ชั่น: รีกัตต้า นับเวลาถอยหลัง 5 นาที พร้อมระบบฟลายแบ็ค
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre LV 138 ผลิตโดย Dubois-Depraz กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง
สาย: หนังจระเข้สีน้ำเงินเข้ม พร้อมสายยางให้สามารถสลับใส่ได้
Tambour Forever Ceramic
ปีนี้ LOUIS VUITTON ออกนาฬิการุ่นใหม่ Tambour Forever Ceramic ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำวัสดุเซรามิกมาใช้ทำตัวเรือนของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Tambour Forever อันเป็นรุ่นยอดนิยมในหมู่คุณผู้หญิง รุ่นใหม่นี้เปิดตัวมาใน 2 แบบด้วยกัน คือ สีขาว และสีดำ ในตัวเรือนขนาดกลาง Medium Tambour ซึ่งทั้งคู่จะเป็นการผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น และมากับสัญลักษณ์โมโนแกรมประดับเพชรเป็นแถบริ้วบนกลางหน้าปัด พร้อมสายโมโนแกรม
ตัวเรือน: ขนาด 34 มิลลิเมตร ทำจากเซรามิกสีขาว หรือสีดำ ประดับเพชรบนขาสายที่ทำจากสตีล กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน
หน้าปัด: สีขาว หรือสีดำ กลางหน้าปัดเป็นสัญลักษณ์โมโนแกรมประดับเพชร พร้อมประดับเพชรอีก 10 เม็ด แทนหลักชั่วโมงบนขอบตัวเรือน
เครื่อง: ควอตซ์ สาย: หนังแบบโมโนแกรมลิขสิทธิ์เฉพาะของ LOUIS VUITTON สีขาว หรือสีดำ
FENDI
Fendimatica
ปีนี้ทาง FENDI ได้ออกนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่เอี่ยมมาเพื่อคุณผู้ชายโดยเฉพาะโดยมาพร้อมเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติในชื่อว่า Fendimatica ซึ่งวางภาพเป็นนาฬิกาสำหรับหนุ่มสังคมที่ต้องการนาฬิกาซึ่งเป็นผลลัพธ์แห่งส่วนผสมของงานศิลปะกับงานจักรกล ทาง FENDI จึงดึงแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากภาพยนตร์อิตาเลียนในยุคทศวรรษที่ 50 และ 60 มาถ่ายทอดลงบนนาฬิการุ่นนี้ออกมาเป็นนาฬิกาเรือนกลมในวัสดุสตีลขัดเงาสลับปัดด้านขนาด 42 มิลลิเมตร ที่ด้านข้างโค้งมนจรดขาสาย พร้อมกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโค้ง ฝาหลังแซฟไฟร์มองเห็นเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติกับโรเตอร์สลักลาย FF และโลโก้ของแบรนด์
ตัวเรือน: สตีลขัดเงาสลับปัดด้าน ขนาด 42 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโค้ง ฝาหลังกรุแซฟไฟร์สลักซีเรียลนัมเบอร์บนขอบ กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร
หน้าปัด: มีให้เลือกระหว่าง สีเงินแบบซันเรย์ สีดำ และสีน้ำเงินแบบซันเรย์ ใช้หลักชั่วโมงและตัวเลขอารบิกสิเงินแบบติด โดยขีดที่ 4 นาฬิกาจะเป็นสีเหลืองเพื่อนำสายตาให้กับช่องหน้าต่างบอกวันที่ซึ่งอยู่ถัดเข้าไป
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติ 25 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง
สาย: หนังจระเข้
Precious Pave Crazy Carats
ปี 2012 นี้ FENDI เสริมความแข็งแกร่งให้กับคอลเลคชั่น Crazy Carats อายุ 2 ขวบของตน นาฬิกาที่มีกลไกการทำงานของระบบเกียร์และระบบแซทเทลไลต์ที่ได้รับสิทธิบัตร ซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนสีสันของอัญมณีที่ใช้เป็นหลักชั่วโมงได้ถึง 3 ชุดด้วยกัน ด้วย Crazy Carats เวอร์ชั่นประดับเพชรแบบพาเว่ Precious Pave Crazy Carats ที่มาพร้อมกับสายหนังจระเข้คุณภาพสูง เพิ่มเติมขึ้นมาจาก Precious Pave Crazy Carats สายเบรซเล็ตที่ออกมาเมื่อปีก่อน
กลางหน้าปัดสีเงินขัดเงาของ Precious Pave Crazy Carats จะถูกประดับด้วยเพชรแบบปูเต็ม ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาจะประดับด้วยเพชรเม็ดใหญ่ ส่วนอีก 11 หลักที่เหลือนั้นแต่ละหลักจะประดับด้วยอัญมณี 3 ชนิดต่างสีกัน อาทิ แซฟไฟร์สีชมพู แซฟไฟร์สีฟ้า และทับทิมสีแดง ประดับอยู่ 3 หน้าด้วยกัน รวม 33 เม็ด และเมื่อหมุนเม็ดมะยมที่ตำแหน่งระหว่าง 3 กับ 4 นาฬิกาแล้ว หลักชั่วโมงก็จะเปลี่ยนจากอัญมณีชนิดหนึ่งเป็นอีกชนิดหนึ่งแทนซึ่งต่างสีสันกันออกไป ส่วนเม็ดมะยมที่ตำแหน่งระหว่าง 9 กับ 10 นาฬิกานั้นจะใช้สำหรับตั้งเวลา
ตัวเรือนสตีลขนาด 38 มิลลิเมตร กันน้ำได้ลึก 30 เมตร ของ Precious Pave Crazy Carats จะถูกประดับเพชรปูเต็มบนขอบหน้าปัด ขอบตัวเรือน ตัวเรือน จนถึงขาสายซึ่งจะมีทั้งเพชรสีขาวและเพชรสีดำให้เลือกด้วย และยังสามารถมองเห็นการเปลี่ยนอัญมณีขณะหมุนเม็ดมะยมผ่านทางกระจกแซฟไฟร์คริสตัลที่กรุบนฝาหลังได้อีกด้วย ขอบฝาหลังของแต่ละเรือนจะถูกสลักซีเรียลนัมเบอร์ของตนเองเอาไว้ กระจกหน้าปัดก็เป็นแซฟไฟร์คริสตัลเช่นกัน สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้สีขาวหรือสีดำตามสีเพชรที่ใช้
Crazy Carats
เช่นเดียวกับ Precious Pave Crazy Carats รุ่น Crazy Carats ตัวเรือนสตีลที่มี 2 ขนาด คือ 38 มิลลิเมตร กับ 33 มิลลิเมตร ก็มาพร้อมกับสายหนังจระเข้ให้เลือกด้วยเช่นกันจากที่เคยมีแต่สายเบรซเล็ต โดยสามารถเลือกได้ระหว่างหนังจระเข้สีขาว สีดำ หรือสีม่วง
บนหน้าปัดสีเงินหรือสีดำที่มีให้เลือกนั้นจะมีตัวเลข 12, 6 และ 9 อยู่กลางหน้าปัดซึ่งมีในแบบประดับเพชรด้วย อีกทั้งยังมีแบบขอบหน้าปัดประดับเพชรหรือแบบประดับเพชรทั้งขอบหน้าปัดและขอบตัวเรือนเพิ่มเติมให้เลือกด้วย ส่วนเพชรที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาและวิธีการทำงานของการเปลี่ยนสีของอัญมณีต่างๆ รวม 33 เม็ดที่ใช้เป็นหลักชั่วโมงก็เหมือนกับใน Precious Pavet Crazy Carats ที่กล่าวไปแล้ว รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ก็เหมือนกันด้วย
Selleria Chronograph
Selleria Chronograph เป็นนาฬิกาจับเวลาสไตล์สปอร์ตที่ทาง FENDI รังสรรค์ขึ้นมาใหม่สำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะเพิ่มเติมเข้าไปในคอลเลคชั่น Selleria เดิมที่มีแต่แบบบอกเวลาปกติ โดยยังคงมาพร้อมระบบการเปลี่ยนสายที่ง่ายดายอันเป็นจุดเด่นของคอลเลคชั่น Selleria โดยการกดปุ่มเล็กๆ ใต้เม็ดมะยมด้วยเครื่องมือที่ให้มากับนาฬิกาเพื่อให้คุณผู้หญิงสามารถเลือกเปลี่ยนสีและประเภทของสายให้แมตชิ่งกับการแต่งกายได้หลายเฉด ส่วนตัวเรือนของรุ่นโครโนกราฟนี้จะทำจากสตีล มีหน้าปัดสีน้ำตาล ขาว หรือดำ ให้เลือกซึ่งจะขายแยกต่างหากจากสาย ดังนั้นลูกค้าจึงมีอิสระในการเลือกจับคู่กับสีที่โปรดปรานด้วยตัวเองและซื้อสายแบบต่างๆ เพิ่มไปเปลื่ยนเองได้อีกต่างหากโดยสามารถใช้สายร่วมกับ Selleria รุ่นต่างๆ ได้ทั้งหมด ขอบตัวเรือนของนาฬิการุ่นนี้ยังมากับเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนภาพผู้เชี่ยวชาญงานเครื่องหนังของ FENDI แบบเต็มๆ ด้วยลักษณะการออกแบบให้เป็นตะเข็บเดินด้าย ฝาหลังทำเป็นเหรียญรูปม้า สัญลักษณ์แห่งช่างฝีมืออิตาเลียน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นซิกเนอเจอร์ของคอลเลคชั่น Selleria
ตัวเรือน: ขนาด 40 มิลลิเมตร สตีลขัดเงาหรือทูโทน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัล กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร ฝาหลังสตีลสลักซีเรียลนัมเบอร์ประจำเรือน
หน้าปัด: มีให้เลือกระหว่าง สีน้ำตาล สีขาว หรือสีดำ 3 เคาน์เตอร์ย่อย บอกชั่วโมงจับเวลา นาทีจับเวลา และวินาที ณ ตำแหน่ง 2, 10 และ 6 นาฬิกา มีหน้าต่างบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา
เครื่อง: ควอตซ์โครโนกราฟ
สาย: มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ หนังเทจูลิซาร์ด หนังลูกวัวด้านหรือเคลือบเงา หรือหนัง Cuoio Romano ที่เป็นซิกเนเจอร์ของ FENDI ซึ่งมีหลายสีสัน ทั้งหมดถูกตัดเย็บด้วยมือ และมีสายสตีลพร้อมบัคเกิ้ลแบบบานพับให้เลือกด้วย
Chameleon
สาวๆ สาวก FENDI คงคุ้นกับชื่อ Chameleon กันดีในนามของคอลเลคชั่นกระเป๋าถือหลากสีสันพร้อมงานโลหะฉลุโลโก้ FF ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ และคราวนี้ก็มาถึง Chameleon ในรูปแบบของนาฬิกากันบ้าง โดยมาในรูปโฉมสไตล์อิตาเลียนเต็มพิกัดที่พกเอาดีไซน์ของคอลเลคชั่นกระเป๋าชื่อเดียวกันมาด้วย
ตัวเรือนขนาด 29 x 49.2 มิลลิเมตร
ตัวเรือนสตีลหรือเคลือบเยลโลว์โกลด์ของนาฬิการุ่นนี้มาในทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าปลายโค้งวางตามยาวโดยมีสัดส่วนของด้านล่างยาวกว่าด้านบนเพื่อฉลุออกเป็นโลโก้ FF มองเห็นสายหนังลิซาร์ดที่อยู่ด้านในซึ่งสร้างมิติให้ดูโดดเด่นแปลกตาได้อย่างดี หน้าปัดมีให้เลือกทั้งแบบลงแลคเกอร์สีขาวหรือสีดำ หรือหน้าปัดสีแชมเปญแบบซันเรย์ ใช้เข็มทรงใบไม้ เดินด้วยเครื่องควอตซ์ มี 2 ขนาดตัวเรือนให้เลือกตามความชื่นชอบของสาวๆ แต่ละคน ซึ่งสามารถเลือกแมตชิ่งสีตัวเรือน สีหน้าปัด และสีของสายได้ตามความต้องการ โดยในรุ่นตัวเรือนขนาดเล็กนั้นจะมากับสายแบบพันรอบข้อมือ 2 รอบ
ตัวเรือนขนาด 18 x 31 มิลลิเมตร
ตัวเรือน: มีให้เลือกระหว่าง สตีลขัดเงากับเคลือบโยลโลว์โกลด์ขัดเงา ใน 2 ขนาด คือ 29 x 49.2 มิลลิเมตร กับ 18 x 31 มิลลิเมตร กันน้ำได้ในระดับ 30 เมตร สลักซีเรียลนัมเบอร์ประจำเรือนบนฝาหลัง
หน้าปัด: มีให้เลือกระหว่าง แลคเกอร์สีขาว แลคเกอร์สีดำ หรือสีแชมเปญลายซันเรย์ ประดับเพชร 2เม็ด แทนหลักชั่วโมงที่ 12 กับ 6 นาฬิกา
เครื่อง: ควอตซ์
สาย: หนังลิซาร์ด มีให้เลือกหลายสี อาทิ ขาว, ดำ, ช็อกโกแลต, แดง หรือชมพู โดยในรุ่นตัวเรือนขนาดเล็กจะใช้เป็นแบบพันรอบข้อมือ 2 รอบ
By: Viracharn T.