BASELWORLD 2012 - New pieces from CHOPARD

 

ตามที่ได้เกริ่นไว้ในบทความก่อนว่า CHOPARD ยังมีนาฬิการุ่นใหม่ปี 2012 อีกหลายคอลเลคชั่นที่นำเสนอออกมาพร้อมๆ กันในงาน BASELWORLD ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น Classic Racing ที่นำทีมโดยซีรี่ส์ Mille Miglia อันโด่งดัง ต่อด้วยคอลเลคชั่นใหม่ Chopard Classic ที่เปิดตัวนาฬิกาในคอลเลคชั่นเป็นครั้งแรกด้วยรุ่น Classic Manufactum นาฬิกาสไตล์คลาสสิกที่ใช้เครื่องอินเฮ้าส์รุ่นใหม่ ตามมาด้วยนาฬิการุ่นใหม่สำหรับคุณผู้หญิงจากหลายไลน์ด้วยกัน นำโดยนาฬิกาประดับเพชรรุ่น Happy 8 จากไลน์ Happy Diamonds และเวอร์ชั่นสปอร์ตสบายๆ Happy Sport Chrono Mystery Pink จากไลน์ Happy Sport ต่อด้วยงานประดับเพชรสุดอลังการของคอลเลคชั่นนาฬิกา L’Heure du Diamant จากไลน์ Haute Joaillerie Watch และนาฬิการุ่นใหม่ที่มาเสริมทัพในคอลเลคชั่นสไตล์เรียบหรูร่วมสมัย Imperiale ก่อนจะปิดท้ายด้วยสุดยอดงานประดับเพชรแบบเต็มพิกัดบนนาฬิกาสุดพิเศษกลไกตูร์บิยองสำหรับคุณผู้หญิงในรุ่น Imperiale Tourbillon Full Set อันเป็นลักษณะที่ไม่ค่อยมีใครทำออกมาให้เห็นกันบ่อยนัก 


เรามาเริ่มจากนาฬิกาไลน์สปอร์ตเรซซิ่งยอดนิยมจากคอลเลคชั่น Classic Racing ในซีรี่ส์ของ Mille Miglia ซึ่งได้ชื่อคอลเลคชั่นมาจากการแข่งขันรถยนต์สุดคลาสสิกในเส้นทางจากบราสเซียไปโรมแล้วย้อนกลับมายังบราสเซียซึ่ง CHOPARD ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปีกันก่อนนะครับ

 

Mille Miglia GT XL Chrono Speed Silver
(Ref.168459-3041) 1,000 Piece Limited Edition

 

หลังจากที่ได้ปล่อย Mille Miglia GT XL Chrono Rossa Corsa ด้วยธีมสีแดงสไตล์รถแข่งคลาสสิกสัญชาติอิตาเลียนสู่ตลาดไปเมื่อปีที่แล้วก็ได้รับเสียงชื่นชมในสีสันอันสะดุดตาของมันเป็นอย่างมาก มาในปีนี้นาฬิกาคอลเลคชั่น Racing Colours ของ Mille Miglia ก็ถูกเข็นออกมาด้วยสีสันใหม่อีกครั้งซึ่งคราวนี้ถูกแต่งแต้มออกมาในธีมที่เรียกว่า Speed Silver ที่คลุมด้วยธีมสีเงินอันชวนให้นึกถึงรถแข่งสายพันธุ์เยอรมันในยุคทศวรรษที่ 1930 ถึงปลายยุค 1960 หลับตาเห็นภาพรถแข่งในอดีตของเบนซ์ ออดี้ หรือพอร์ชลอยมาเลยครับ


อันที่จริงแล้วต้นกำเนิดของ Racing Colours ประจำชาติต่างๆ นั้นมีมาตั้งแต่สมัยเริ่มมีการแข่งขันรถยนต์กันใหม่ๆ ในต้นยุคศตวรรษที่ 20 แล้วโดยรายการที่มีชื่อว่า Gorden Bennett Cup ในยุโรปซึ่งมีการแบ่งทีมที่เข้าแข่งขันออกเป็นชาติต่างๆ อย่างกับฟุตบอลโลก ดังน้นจึงมีการกำหนดสีประจำทีมขึ้น อาทิ ฝรั่งเศสใช้สีน้ำเงิน “Vintage Blue” อิตาลีใช้สีแดง “Rosso Corsa” อังกฤษใช้สีเขียว “British Racing Green” เบลเยี่ยมเป็นสีเหลือง “Speed Yellow” และสีเงิน “Speed Silver” สำหรับเยอรมนี

 

Unknown

 

เข้าเรื่องนาฬิกากันดีกว่าครับ Mille Miglia GT XL Chrono รุ่น Speed Silver นี้มากับหน้าปัดเล่นมิติหลายระดับในโทนสีเงิน พื้นหน้าปัดปัดลายเป็นแนวตั้งโดยยกวงแหวนของเคาน์เตอร์นาทีกับชั่วโมงจับเวลารวมถึงหลักชั่วโมงให้ลอยเด่นขึ้นมารับกับวงแหวนเอียงลาดพื้นเซาะร่องบริเวณขอบหน้าปัดที่มีสเกลนาทีสีดำกับสีแดงของตัวเลขอารบิกในรูปแบบที่ชวนให้นึกถึงมาตรวัดบนหน้าปัดรถยนต์เช่นเดียวกับสเกลและตัวเลขสีดำในวงหน้าปัดย่อยต่างๆ ด้านในของกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนถูกสกรีนด้วยเส้นเอาท์ไลน์สีดำเป็นตัวเลขอารบิกขนาดใหญ่ ณ 12 กับ 6 นาฬิกาเป็นการเพิ่มความทันสมัยเข้าไปสอดแทรกในการตกแต่งได้อย่างดี บรรจุอยู่ในตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตรของ Mille Miglia GT XL Chrono ที่ทำจากไทเทเนียม ปุ่มกดทรงแอโรว์ไดนามิกก็เป็นไทเทเนียมเช่นกัน มีสเกลทาโคมิเตอร์สลักบนขอบตัวเรือน และยังสามารถอ่านค่าวันที่ในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกาได้อย่างกระจ่างชัดด้วยเลนส์ขยายทรงกลมที่ติดอยู่บนกระจกหน้าปัด ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัลมองเห็นโลโก้ Speed Silver ที่ประทับอยู่บนตัวเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟกำลังสำรอง 46 ชั่วโมงที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC เวอร์ชั่น Speed Silver นี้จะถูกผลิตออกมาในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นที่ 1,000 เรือนเท่านั้น

 

ตัวเรือน: ไทเทเนียมขนาด 44 มิลลิเมตร ปุ่มกดไทเทเนียม เม็ดมะยมไทเทเนียมขันเกลียว กันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร ขอบหน้าปัดไทเทเนียมสลักสเกลทาโคมิเตอร์สีดำ กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนพร้อมเลนส์ขยายวันที่ทรงกลม ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนสกรีน Mille Miglia 
สาย: หนังสีดำเจาะรูกลม บัคเกิ้ลไทเทเนียม 
หน้าปัด: พื้นปัดลายโทนสีเงิน มี 3 หน้าปัดย่อยพื้นลายสเนล บอกชั่วโมงจับเวลาที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา บอกนาทีจับเวลาที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา บอกวินาทีที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา มีหน้าต่างบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เข็มเคลือบโรเดียม เข็มชั่วโมงกับนาทีแต้มสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่า ปลายเข็มวินาทีจับเวลาเป็นหัวลูกศรสีแดง หลักนาทีบนขอบหน้าปัดใช้สีแดง 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟ ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง (4 เฮิร์ตซ์) 25 จิวเวล กำลังสำรอง 46 ชั่วโมง ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC 
จำนวนการผลิต: 1,000 เรือน 

 

 

Mille Miglia Chrono Lady 
(Ref. 178511-3001 – ขอบตัวเรือนประดับเพชร, Ref. 168511-3018 – แบบไม่ประดับเพชร)

 

เมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา CHOPARD ได้ออก Mille Miglia Racing ในเวอร์ชั่นสีชมพูสำหรับให้ผู้หญิงหัวใจมอเตอร์สปอร์ตได้เป็นเจ้าของกันไปแล้ว แต่หลายคนยังบอกว่าดูหวานไปหน่อย CHOPARD ก็คงได้ยินเหมือนกันในปีนี้จึงได้ออกรุ่นโครโนกราฟที่ดูสปอร์ตทะมัดทะแมงแต่แฝงความนุ่มนวลและหรูหรามาสมทบในชื่อเรียกง่ายๆ ว่า Mille Miglia Chrono Lady 

 

Unknown 1

 

นาฬิการุ่นนี้มาในโทนสีขาวบริสุทธิ์ตั้งแต่ผืนหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาว ขอบหน้าปัดลาดเอียงพื้นสีขาวพร้อมสเกลทาคีมิเตอร์สีดำ พื้นหน้าปัดย่อยสามวงสีเงินพร้อมขอบวงสเกลเล่นระดับ หลักชั่วโมงเลขอารบิกสีขาวขนาดใหญ่เส้นขอบดำบาง ไปจนสายยางสีขาวที่มาในลวดลายยางรถแข่งของ Dunlop จากยุคทศวรรษที่ 1960 อันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของนาฬิกา Mille Miglia และยังเปล่งประกายความระยับด้วยเพชรน้ำงามที่ประดับอยู่บนขอบตัวเรือนอีกด้วย ตัวเรือนของรุ่นนี้มาในขนาด 42 มิลลิเมตรทำจากสตีล เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟกำลังสำรอง 42 ชั่วโมงที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC ถ้าโดยส่วนตัวแล้วผมว่าหน้าปัดนี้ออกแบบได้เรียบร้อยสะอาดตาดีครับแม้จะมีตัวเลขและสเกลที่เยอะแต่ก็ยังดูสะอาดใสและยังขับให้ทั้งตัวอักษร 1000 Miglia สีแดงขนาดเล็กบนวงหน้าปัดวินาทีและปลายสีแดงของเข็มวินาทีจับเวลาเรียวบางดูมีความโดดเด่นลอยขึ้นมา และหากใครมองว่าขอบประดับเพชรดูหรูไปก็ยังมีแบบขอบตัวเรือนเกลี้ยงเกลาไม่มีเพชรประดับให้เลือกด้วย 

 

Unknown 2

 

ตัวเรือน: สตีลขนาด 42 มิลลิเมตร มีแบบขอบตัวเรือนประดับเพชรให้เลือก กันน้ำได้ในระดับ 50 เมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ฝาหลังกรุกระจกใส 
หน้าปัด: เปลือกหอยมุกสีขาว มี 3 หน้าปัดย่อยพื้นลายสเนลสีเงิน บอกวินาที ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา บอกนาทีจับเวลา ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และบอกชั่วโมงจับเวลา ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา มีหน้าต่างบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา เข็มชั่วโมงกับนาทีเคลือบโรเดียมแต้มสารเรืองแสง เข็มวินาทีจับเวลาเคลือบโรเดียมแต้มสีแดงที่ปลายเข็ม เข็มย่อยสีขาว หลักชั่วโมงเลขอารบิกสีขาวเส้นขอบดำเงา 
สาย: ยางสีขาวลวดลายดอกยางรถแข่ง Dunlop จากยุคทศวรรษที่ 1960 พร้อมบัคเกิ้ลสตีล 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟ 37 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC 

 

 

Classic Manufactum 
(Ref. 161289-5001 – Rose Gold, Ref. 161289-0001 – Yellow Gold, Ref. 161289-1001 – White Gold)

 

Classic Manufactum เป็นนาฬิการุ่นแรกของคอลเลคชั่นใหม่ Chopard Classic ที่เปิดตัวออกมาในรูปโฉมของตัวเรือนและหน้าปัดที่รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากนาฬิกาพกในอดีตที่ Louis-Ulysse Chopard เคยสร้างขึ้นโดยนำมาหลอมรวมเข้ากับความทันสมัยแห่งนาฬิกายุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว และยังทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นใหม่ที่พัฒนาและผลิตขึ้นเองแบบอินเฮ้าส์จากเวิร์คช็อปในเฟลอริเยร์ไว้ภายในอีกด้วย ทำให้กลายเป็นนาฬิกาสไตล์คลาสสิกอีกรุ่นที่มิอาจมองข้ามไปได้ 

 

Unknown 3Unknown 4

 

จิตวิญญาณแห่งความคลาสสิกของนาฬิกาพกในอดีตถูกถ่ายทอดผ่านหน้าปัดพอร์ซเลนที่แต่งแต้มด้วยหลักชั่วโมงเลขโรมันสีดำเงา โดยมีหน้าปัดเล็กบอกวินาทีด้วยเข็ม ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาซึ่งล้อมรอบด้วยสเกลแบบรางรถไฟสไตล์นาฬิกาพก บอกค่าต่างๆ ด้วยเข็มสีทองทรงเรียว ด้านตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรที่ใช้ก็มาในรูปทรงกลมคล้ายนาฬิกาพกโดยมีขาตัวเรือนยื่นออกมาเป็นขาอย่างชัดเจน และจะมาในวัสดุทองคำทั้งหมดซึ่งมีให้เลือกระหว่าง โรสโกลด์ ไวท์โกลด์ หรือเยลโลว์โกลด์ อีกทั้งยังเติมเต็มคุณค่าของนาฬิการุ่นนี้ด้วยการใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นใหม่ Calibre 01.04-C ซึ่งพัฒนาและผลิตขึ้นในเวิร์คช็อปที่มีชื่อว่า Fleurier Ebauches ในเฟลอริเยร์ อันเป็นส่วนงานที่รับผิดชอบการผลิตเครื่องของ CHOPARD อีกหน่วยงานหนึ่งซึ่งเป็นคนละส่วนกับที่ทำนาฬิการะดับสูงในคอลเลคชั่น L.U.C หน่วยงานนี้เคยผลิตเครื่องอินเฮ้าส์ขึ้นมาใช้กับคอลเลคชั่น Imperiale เมื่อปี 2011 มาแล้ว และคราวนี้ก็ถึงทีของนาฬิการุ่นแรก Classic Manufactum จากคอลเลคชั่นใหม่ที่ชื่อว่า Chopard Classic นี้ล่ะครับที่จะได้ใช้เครื่องอินเฮ้าส์จากที่นี่ เครื่องรุ่นใหม่ Calibre 01.04-C นี้นับเป็นเครื่องอินเฮ้าส์รุ่นที่ 3 ที่เวิร์คช็อป Fleurier Ebauches ผลิตขึ้นโดยเป็นเครื่องที่บอกชั่วโมงกับนาทีด้วยเข็มกลาง บอกวินาทีด้วยเข็มเล็ก มีฟังก์ชั่นแสดงวันที่ ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และให้กำลังสำรอง 60 ชั่วโมง

 

Unknown 5Unknown 6

 

ตัวเรือน: ขนาด 38 มิลลิเมตร หนา 10.06 มิลลิเมตร มีให้เลือกในวัสดุโรสโกลด์ 18k ไวท์โกลด์ 18k หรือ เยลโลว์โกลด์ 18 k เม็ดมะยมทองคำ 18 k สีเดียวกับตัวเรือน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ฝาหลังกรุกระจกใส กันน้ำได้ในระดับ 30 เมตร 
สาย: หนังจระเข้สีดำผิวด้าน บัคเกิ้ลทองคำ 18k สีเดียวกับตัวเรือน 
หน้าปัด: พอร์ซเลน หลักชั่วโมงเลขโรมันสีดำเงา มีวงหน้าปัดเล็กแสดงวินาทีด้วยเข็มในตำแหน่ง 6 นาฬิกา แสดงวันที่ในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เข็มทรงเรียวสีทองเฉดเดียวกับตัวเรือน 
เครื่อง: ขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ Calibre Chopard 01.04-C กว้าง 28.8 มิลลิเมตร หนา 4.95 มิลลิเมตร 27 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 60 ชั่วโมง 

 

 

Happy 8

 

ต่อไปเรามาชมนาฬิกาสำหรับคุณผู้หญิงกันบ้างนะครับ นาฬิกาผู้หญิงของ CHOPARD นี้จัดได้ว่าเป็นยอดปรารถนาอันดับต้นๆ ของสาวๆ ทั่วโลกกันเลยทีเดียว ขอเริ่มกันด้วยรุ่นที่มีชื่อว่า Happy 8 จากคอลเลคชั่น Happy Diamonds เลยนะครับ

 

Unknown 7

 

นาฬิการุ่นนี้เป็นการนำดีไซน์สไตล์นาฬิกา Happy ที่สาวๆ ชื่นชอบมาใส่ดีไซน์รูปทรงแห่งตัวเลข 8 อันเป็นเลขมงคลของหลายวัฒนธรรมทั่วโลกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของหน้าปัด (นอกจากนาฬิกาแล้วก็มีเครื่องประดับคอลเลคชั่น Happy 8 ที่เป็นจี้เข้าชุดกันออกมาด้วย) ตัวเรือนวัสดุไวท์โกลด์ 18k และหน้าปัดถูกปูประดับด้วยเพชรแบบเต็มที่ส่วนสายก็มีให้เลือกในแบบประดับเพชรด้วยเช่นกัน ด้านเพชรกลิ้งที่เป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่น Happy ก็ถูกนำไปกลิ้งเนียนๆ อยู่ภายในวงด้านบนของตัวเลข 8

 

Unknown 8

 

ตัวเรือน: ไวท์โกลด์ 18k ประดับเพชรปูเต็มบนด้านหน้า 
สาย: ซาตินหรือสายประดับเพชรแบบปูเต็ม 
หน้าปัด: ผืนหน้าปัดประดับเพชรปูเต็ม พร้อมเพชรกลิ้ง 1 เม็ดภายในช่องวงด้านบนของตัวเลข 8 บอกเวลาแบบสองเข็ม 
เครื่อง: ควอตซ์ 

 

 

Happy Sport Chrono Mystery Pink 
(Ref. 288515-9013)

 

Happy Sport เป็นคอลเลคชั่นนาฬิกาลำลองสบายๆ ที่สาวๆ ส่วนใหญ่ชื่นชอบกัน และในปีนี้ทาง CHOPARD ก็ได้ออกรุ่นโครโนกราฟเวอร์ชั่น Mystery Pink มาเรียกความสนใจด้วยการนำเอาตัวเรือนสีดำดูดุดันมาเจือการตกแต่งรายละเอียดด้วยสีชมพูสดใสจนออกมาเป็นความดุแบบหวานๆ ที่แปลกตาน่าค้นหา

 

Unknown 9

 

มาว่ากันถึงความดำทะมึนก่อนนะครับ ตัวเรือนสตีลขนาด 42 มิลลิเมตรของ Happy Sport Chrono รุ่นนี้ถูกนำมาทำดีแอลซีให้เป็นสีดำ ขอบตัวเรือน ปุ่มกด เม็ดมะยม ก็เป็นสีดำ หน้าปัดก็ใช้พื้นสีดำเช่นกันโดยมีขอบวงหน้าปัดย่อยสามวง หลักชั่วโมง และเข็มเป็นสีเทาดำ ส่วนสีชมพูถูกใช้แต่งแต้มตรงจุดปลายของหลักชั่วโมง สเกลต่างๆ ในวงหน้าปัดย่อยทั้งสาม และสเกลกับตัวเลขนาทีอารบิกบนขอบตัวเรือน ต่อเนื่องกับด้ายสีชมพูบนขอบสายหนังจระเข้สีดำเงาที่มีด้านในของสายเป็นหนังสีชมพู ส่วนเพชรกลิ้งอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งขาดไม่ได้ของคอลเลคชั่น Happy นั้นคราวนี้จะมีด้วยกัน 3 เม็ด บวกกับแซฟไฟร์สีชมพูอีก 2 เม็ด กลอกปนเปกันไปมาทั่วหน้าปัด สาวใดรู้ตัวว่ามีบุคลิกหวานลึกลับแบบนาฬิกาเรือนนี้คงอดใจที่จะเป็นเจ้าของไม่ได้อย่างแน่นอน 

 

ตัวเรือน: สตีลทำดีแอลซีดำ ขนาด 42 มิลลิเมตร กันน้ำได้ในระดับ 30 เมตร 
สาย: หนังจระเข้สีดำเดินด้ายสีชมพู ด้านในของสายเป็นหนังสีชมพู บัคเกิ้ลสตีล 
หน้าปัด: พื้นสีดำ มีเพชรกลิ้งอยู่ภายใน 3 เม็ด ร่วมกับแซฟไฟร์สีชมพูอีก 2 เม็ด มีหน้าปัดย่อย 3 วง บอกชั่วโมงจับเวลา นาทีจับเวลา และวินาที ที่ตำแหน่ง 2, 10 และ 6 นาฬิกาตามลำดับ บอกวันที่ในช่องหน้าต่าง ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา เข็มชั่วโมงกับนาทีแต้มสารเรืองแสง จุดปลายของหลักชั่วโมงและสเกลต่างๆ ในวงหน้าปัดย่อยเป็นสีชมพู หลักชั่วโมง เข็ม และขอบวงหน้าปัดย่อยใช้สีเทาดำ 
เครื่อง: ควอตซ์โครโนกราฟ 

 

 

L’Heure du Diamant

 

นาฬิกาจากกลุ่ม Haute Joaillerie ของ CHOPARD ในคอลเลคชั่น L’Heure du Diamant นี้รังสรรค์ขึ้นด้วยความร่วมมือของช่างนาฬิกา ช่างอัญมณี ช่างประดับอัญมณี และช่างขัดแต่ง จนออกมาเป็นชิ้นงานนาฬิกาประดับเพชรแสนประณีตสุดอลังการที่งดงามชวนฝัน โดยเพชรที่ใช้ประดับนี้จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบนาแว็ต บาแก็ต หรือบริลเลียนท์คัต ตามเส้นสายและสัดส่วนที่เหมาะสมของตัวเรือนและหน้าปัด 

 

Unknown 10Unknown 11

 

Unknown 12

 

นาฬิกาจากคอลเลคชั่น L’Heure du Diamant นี้จะมีทั้งในแบบตัวเรือนกลมหรือตัวเรือนเหลี่ยมทำจากไวท์โกลด์ 18k ให้เลือกหลายแบบด้วยกัน อาทิ รุ่นตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวขวางประดับเพชรบริลเลียนท์คัตน้ำหนักรวม 5.4 กะรัตบนตัวเรือนและหน้าปัด สวมใส่คู่กับสายซาตินสีน้ำเงิน เดินด้วยกลไกควอตซ์ บอกเวลาแบบ 2 เข็มด้วยเข็มสีฟ้า รุ่นตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้งประดับเพชรบริลเลียนท์คัตน้ำหนักรวม 26.7 กะรัตบนตัวเรือน สาย และผืนหน้าปัด เดินด้วยกลไกควอตซ์ บอกเวลาแบบ 2 เข็มด้วยเข็มสีฟ้า และรุ่นตัวเรือนทรงกลมประดับเพชรทรงนาแว็ตคัตน้ำหนักรวม 14.8 กะรัต ร่วมกับเพชรบริลเลียนท์คัตน้ำหนักรวม 8.8 กะรัต บนตัวเรือน สาย และผืนหน้าปัด เดินด้วยเครื่องไขลาน บอกเวลาแบบ 2 เข็มด้วยเข็มสีฟ้า

 

 

Imperiale

 

20120419 62074366

 

ในรุ่น Imperiale แบบสามเข็มในปีนี้ได้เพิ่มเติมตัวเรือนขนาด 36 มิลลิเมตรกันน้ำได้ 50 เมตรที่ทำจากวัสดุเยลโลว์โกลด์ 18k กับเยลโลว์โกลด์ 18k ประดับเพชรบนขอบกับขาตัวเรือนมาให้เลือกเป็นเจ้าของกันโดยจะมีให้เลือกจับคู่กับสายเยลโลว์โกลด์หรือสายหนังจระเข้สีดำบัคเกิ้ลเยลโลว์โกลด์ 18k โดยมากับหน้าปัดส่วนกลางที่ทำจากเปลือกหอยมุกซึ่งสลักลวดลายคัชชั่นในลักษณะคล้ายตราแห่งราชสำนักในอดีตวางระดับลึกลงไปด้านใน ล้อมรอบด้วยหลักชั่วโมงเลขโรมันและแบบแท่งสีทองที่ติดตั้งบนพื้นหน้าปัดวงนอกสีเงินปัดลาย ส่วนเข็มชั่วโมงกับนาทีจะมีรูปทรงคล้ายดาบสั้นที่กษัตริย์สมัยก่อนใช้ในการต่อสู้ มีหน้าต่างบอกวันที่อยู่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา อีกจุดหนึ่งที่ดูสวยงามมากก็คือเม็ดมะยมสลักร่องที่มีรูปทรงคล้ายดอกบัวซึ่งถูกติดตั้งอเมทิสท์คาโบชองบนส่วนปลายอย่างแยบยล และในรุ่นตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ประดับเพชรยังมีการประดับอเมทิสท์คาโบชองเพิ่มเติมบนส่วนปลายของแถบยึดสายแต่ละด้านด้วย ทำงานโดยเครื่องควอตซ์

 

20120419 99733769

 

นอกจากตัวเรือนเยลโลว์โกลด์แล้วยังมีตัวเรือนไซส์เล็ก 28 มิลลิเมตรแบบทูโทน ตัวเรือนเป็นสตีล แถบขาตัวเรือนเป็นโรสโกลด์ 18k กันน้ำได้ 50 เมตร จับคู่กับสายทูโทน สตีล/โรสโกลด์ 18k ออกมาด้วยโดยรุ่นนี้จะมากับหน้าปัดเปลือกหอยมุกสลักลวดลายคัชชั่นตรงส่วนกลาง และใช้เข็มทรงดาบสั้นกับหลักชั่วโมงโรมันกับแบบแท่งสีทองและมีหน้าต่างบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกาเช่นเดียวกับตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ ส่วนเม็ดมะยมก็ได้รับการติดตั้งอเมทิสท์คาโบชองตรงส่วนปลายด้วยเช่นกัน ทำงานด้วยเครื่องควอตซ์ 

 

20120419 73124236

 

สำหรับรุ่นโครโนกราฟนั้นจะมากับตัวเรือนสตีลในขนาด 40 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 50 เมตร โดยมีลักษณะของหน้าปัดคล้ายกับแบบสามเข็มแต่ภายในวงกลางที่เป็นเปลือกหอยมุกสลักลายนั้นจะถูกขยายเว้าวงพื้นหน้าปัดสีเงินปัดลายรอบนอกออกมาเพื่อเป็นที่อยู่ของหน้าปัดย่อยพื้นสีเงิน 3 วง โดยมีเข็มและหลักชั่วโมงเลขโรมันร่วมกับแบบแท่งสีเทาดำ มีหน้าต่างบอกวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกา ใช้เม็ดมะยมทรงดอกบัวประดับอเมทิสท์คาโบชอง ส่วนปุ่มกดโครโนกราฟเป็นทรงเหลี่ยม มาคู่กับสายหนังจระเข้สีดำ เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ 

  

 

Imperiale Tourbillon Full Set 
(Ref. 384250-1002)

 

มาถึงนาฬิกาไฮไลต์ซึ่งเป็นรุ่นปล่อยของให้โลกรับรู้ถึงฝีมืองานประดับอัญมณีบนงานนาฬิกากลไกตูร์บิยองชั้นยอดซึ่งเป็นสองศาสตร์ที่เป็นสุดยอดแห่งมรดกงานฝีมือของโลกที่ CHOPARD เชี่ยวชาญกันเป็นการส่งท้ายนะครับ กับผลงานล่าสุดในรุ่น Imperiale Tourbillon Full Set นาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีในตัวเรือนไวท์โกลด์ 18k ขนาด 42 มิลลิเมตรที่ได้รับการประดับเพชรแบบเต็มพิกัดและทำงานด้วยกลไกไขลานจักรกลตูร์บิยองซึ่งมีไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีใครทำออกมาให้เห็นกัน

 

20120419 73805457

 

เครื่องไขลานตูร์บิยอง Calibre L.U.C 02-14-L ที่ใช้ในสุดยอดนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีเรือนนี้ การันตีความเที่ยงตรงในระดับโครโนมิเตอร์โดย COSC และมีตรา Poincon de Geneve เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพด้วย และยังไม่ธรรมดาด้วยการมีกำลังสำรองถึง 9 วันหรือ 216 ชั่วโมง ด้วยเทคโนโลยี Quattro® ที่ใช้บาร์เรลจำนวนถึง 4 กระปุก อันเป็นสิทธิบัตรของ CHOPARD เอง ใช้เข็มทรงดาบสั้นอันเป็นลักษณะเฉพาะของคอลเลคชั่น Imperiale บอกชั่วโมงกับนาทีบนหน้าปัดด้วยเข็มกลางโดยมีเข็มวินาทีเล็กหมุนอยู่เหนือกรงตูร์บิยองที่หมุนครบรอบใน 1 นาที ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา มีเข็มชี้บอกกำลังสำรองบนมาตรโค้งปูด้วยเพชรบาแก็ตต์คัตและใช้อเมทิสต์ 9 เม็ดแทนสเกล ติดตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา 

 

Unknown 13          Unknown 14

 

Unknown 16Unknown 15

 

เพชรบนหน้าปัดไวท์โกลด์ 18k ถูกประดับด้วยเทคนิคที่เรียกว่าสโนว์เซ็ตติ้งซึ่งมีความยากอยู่ที่เป็นการประดับที่ผสมผสานเอาเพชรบริลเลียนท์คัตหลากขนาดมาปูเรียงอย่างไรให้ลงตัวงดงามนอกจากนี้บนขอบหน้าปัดรอบนอกที่แบ่งเป็นวงแหวนอสมมาตรยังถูกปูด้วยเพชรบาแก็ตต์คัตต่างขนาดไล่เรียงกันจนเต็มด้วย ส่วนบนตัวเรือน ขอบตัวเรือน ตลอดจนขาตัวเรือน และสายไวท์โกลด์ก็ได้รับการปูเต็มด้วยเพชรบาแกตต์คัตร่วมกับเพชรทรงโอวัลคัต แม้แต่เม็ดมะยมไวท์โกลด์ก็ยังถูกประดับด้วยเพชรบาแกตต์คัตและไบรโอเลตต์คัตจนเกือบเต็มเม็ด ส่วนบริเวณบริดจ์ของกรงตูร์บิยองที่ถูกทำเป็นลวดลายคล้ายตราแห่งราชสำนักในอดีตอันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่น Imperiale ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกานั้นถูกยึดติดด้วยสกรูว์ที่ประดับอเมทิสต์บนหัวจำนวนทั้งหมด 4 ตัว 

 

ตัวเรือน: ไวท์โกลด์ 18k ขนาด 42 มิลลิเมตร หนา 12.4 มิลลิเมตร ประดับเพชรบนขอบ ด้านข้าง และบนขาตัวเรือน กันน้ำได้ในระดับ 30 เมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ฝาหลังกรุแซฟไฟร์คริสตัล เม็ดมะยมไวท์โกลด์ 18 k ประดับเพชร 
สาย: ไวท์โกลด์ 18 k ประดับเพชรปูเต็มบนด้านหน้า 
หน้าปัด: ไวท์โกลด์ 18k ประดับเพชรเต็มพื้นที่ ประดับอเมทิสท์แทนสเกลกำลังสำรอง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เข็มชั่วโมงกับนาทีเคลือบโรเดียม เข็มกำลังสำรอง ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และเข็มวินาที ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เป็นสีเทาดำ 
เครื่อง: ไขลานตูร์บิยอง Calibre L.U.C 02.14-L กว้าง 29.7 มิลลิเมตร หนา 6.1 มิลลิเมตร 33 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 216 ชั่วโมง หรือ 9 วัน บาร์เรล 4 กระปุก (Quattro® Technology) ขัดแต่งลายโค้ตเดอเชอแนฟบนบริดจ์ ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงในระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC และประทับตราคุณภาพ Poincon de Geneve

 

By: Viracharn T.