GENEVA TRADE FAIR 2013 - New pieces from HUBLOT
HUBLOT เผยโฉมนาฬิการุ่นล่าสุดชุดแรกประจำปี 2013 แล้วที่งานแสดงผลงานของตนซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงเจนีวาในระหว่างวันที่ 21-25 มกราคม 2013 โดยประกอบด้วย เหล่านาฬิกา Big Bang Ferrari รุ่นใหม่ Classic Fusion Tourbillon Skeleton Black Ceramic, Classic Fusion Ultra-thin Skeleton Black Ceramic และ Classic Fusion Chrono Aero King Gold and Titanium ซึ่งเป็นนาฬิกา 3 รุ่นจากคอลเลคชั่น Classic Fusion และนาฬิกาสำหรับคุณผู้หญิง Zebra Bang เชิญชมรายละเอียดได้เลยครับ
Big Bang Ferrari
อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันนาฬิกาที่เป็นพันธมิตรของ Ferrari ค่ายรถสปอร์ตหรูสายพันธุ์อิตาเลี่ยน ก็คือ HUBLOT นี่เอง สำหรับปีที่สองแห่งความร่วมมือของ 2 แบรนด์สุดสปอร์ต ที่จะออกมาต่อยอดนาฬิกา Big Bang Ferrari ในตัวเรือนไทเทเนี่ยมกับตัวเรือนเมจิกโกลด์ซึ่งออกมาเมื่อปีที่แล้ว ก็คือ Big Bang Ferrari “Red Magic Carbon”, “King Gold Carbon” และ “Ceramic” เพื่อให้แฟนๆ ของทั้ง 2 แบรนด์ได้มีทางเลือกมากยิ่งขึ้นกับนาฬิกาประจำรถแรงคอลเลคชั่นนี้
Big Bang Ferrari Red Magic Carbon จะมาในตัวเรือนวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีโครงสร้างแบบมัลติเลเยอร์ประกอบด้วยแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์หลายแผ่นซึ่ง HUBLOT พัฒนาและผลิตขึ้นเอง ผนึกด้วยกระจกแซฟไฟร์สีแดงเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ซึ่งสีที่เห็นนั้นมิใช่การเคลือบสีแต่เป็นการเติมสารประกอบเคมีลงในขั้นตอนการทำกระจกเลยซึ่งจะทำให้สีมีความคงทนไม่เปลี่ยนแปลง มีสาย 2 สีให้เลือกเปลี่ยนใส่ คือ สีดำด้ายแดงกับสีแดงด้ายดำ ซึ่งเป็นการนำหนัง Schedoni เช่นเดียวกับที่เฟอร์รารี่ใช้ตกแต่งภายในห้องโดยสาร มาเย็บประกบบนสายยางสีดำ ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 เรือน ส่วน Big Bang Ferrari King Gold Carbon จะมาในตัวเรือนคิงโกลด์ 18k ผลิตจำนวน 500 เรือน และ Big Bang Ferrari Ceramic จะมาในตัวเรือนเซรามิกดำ ผลิตจำนวน 1,000 เรือน
ขนาดตัวเรือนของทั้ง 3 รุ่นอยู่ที่ 45.5 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 100 เมตร ขอบตัวเรือนของรุ่น Red Magic Carbon เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ยึดด้วยสกรูว์ไทเทเนี่ยมขัดเงา ใช้เม็ดมะยมและปุ่มกดไทเทเนียมขัดซาติน ติดยางสีดำที่ด้านบน ส่วนรุ่น King Gold จะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ยึดด้วยสกรูว์ไทเทเนี่ยมเคลือบพีวีดีดำ เม็ดมะยมกับปุ่มกดเป็นคิงโกลด์ 18k ติดยางสีดำที่ด้านบน และรุ่น Ceramic จะใช้ขอบตัวเรือนเซรามิกดำยึดด้วยสกรูว์ไทเทเนี่ยมเคลือบพีวีดีดำ เม็ดมะยมกับปุ่มกดเป็นไทเทเนียมเคลือบพีวีดีติดยางสีดำที่ด้านบน ฐานกรอบตัวเรือนเป็นคอมโพสิตเรซินสีดำตกแต่งที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ฝาหลังทำจากคิงโกลด์ 18k ขัดด้านเป็นลายเซอร์คูลาร์ในรุ่น King Gold ส่วนอีก 2 รุ่นจะเป็นเซรามิกดำขัดเงา ทั้งหมดจะกรุกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนบนด้านในเพื่อให้ชื่นชมกลไกพร้อมโรเตอร์เคลือบดำขัดซาตินที่ออกแบบให้คล้ายกับขอบล้อรถได้อย่างถนัดตา
เครื่องที่ใช้ในนาฬิการุ่นนี้เป็นกลไกอัตโนมัติฟลายแบ็คโครโนกราฟอินเฮ้าส์กลไกคอลัมน์วีล HUB 1241 UNICO ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 72 ชั่วโมงที่ HUBLOT ออกแบบ พัฒนา ผลิต และประกอบขึ้นเอง คัพลิงคู่และคอลัมน์วีลถูกออกแบบให้สามารถมองเห็นได้ผ่านทางด้านหน้าปัดซึ่งของ Big Bang Ferrari ทั้ง 3 รุ่นนี้จะทำจากแผ่นแซฟไฟร์พร้อมโลโก้ HUBLOT ที่ติดตั้งตราเฟอร์รารี่เคลือบทองในรุ่นคิงโกลด์และเคลือบโรเดียมในอีก 2 รุ่น และหลักชั่วโมงเคลือบทองในรุ่นคิงโกลด์ เคลือบโรเดียมขัดซาตินในรุ่น Red Magic Carbon และเคลือบดำในรุ่นเซรามิก เอาไว้ที่กระจก เข็มเคลือบทองของรุ่นคิงโกลด์และเคลือบโรเดียมขัดซาตินในรุ่น Red Magic Carbon จะแต้มด้วยซูเปอร์ลูมิโนว่าสีขาว ส่วนรุ่น Ceramic จะเคลือบดำและแต้มด้วยซูเปอร์ลูมิโนว่าสีดำ สำหรับเข็มจับเวลาของทั้ง 3 รุ่นจะถูกเคลือบด้วยสีแดงเฟอร์รารี่ โดยมีพื้นวันที่ที่แสดงผ่านช่องหน้าต่างทรงกลมเคียงคู่กับวงจับเวลาเป็นสีเหลืองสะท้อนพื้นโลโก้ของเฟอร์รารี่ได้เป็นอย่างดี
Classic Fusion
Classic Fusion Extra-thin Skeleton Black Ceramic - นาฬิกาเรือนบางในรูปแบบสเกเลตันในตัวเรือนเซรามิกดำขัดซาตินสลับขัดเงาขนาด 45 มิลลิเมตร ฝาหลังกรุแซฟไฟร์ ประจำการภายในด้วยเครื่องไขลานอินเฮ้าส์ Classico หรือ Calibre HUB1300 ที่มีความหนาเพียง 2.9 มิลลิเมตร กำลังสำรอง 90 ชั่วโมง ซึ่งออกแบบ พัฒนา และผลิตขึ้นเองในโรงงานที่นียอง โดยแกะสเกเลตันในสไตล์กราฟฟิกชวนมองชิ้นส่วนต่างๆ ของกลไกผ่านหน้าปัดแซฟไฟร์ โดยมีตำแหน่งของวงแสดงวินาทีอยู่ที่ 7 นาฬิกา กับดีไซน์ของเข็มที่เหมือนกับนาฬิกา Hublot รุ่นแรกๆ ที่ผลิตขึ้นมา อันเป็นความตั้งใจที่จะทำให้หวนนึกถึงประวัติศาสตร์ของแบรนด์ไปพร้อมๆ กับดีไซน์สไตล์โมเดิร์น สวมคู่กับสายหนังจระเข้สีดำเย็บประกบบนสายยางสีดำ
Classic Fusion Chrono Aero - คอนเซ็ปต์เครื่อง Aero ซึ่งเป็นเครื่องที่ฉลุสเกเลตันแบบกราฟฟิกเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ผ่านหน้าปัดแซฟไฟร์ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ใช้ในนาฬิการุ่น Aero Bang มาตั้งแต่ปี 2007 และก็เป็นคอลเลคชั่นขายดีอีกแบบหนึ่งของแบรนด์ และคราวนี้ทาง Hublot ก็ได้นำคอนเซ็ปต์นี้มาใช้กับคอลเลคชั่น Classic Fusion ด้วยโดยบรรจุอยู่ในตัวเรือนขนาด 45 มิลลิเมตร ในรูปแบบนาฬิกากลไกอัตโนมัติโครโนกราฟจับเวลา 30 นาที 2 หน้าปัดย่อย พร้อมหน้าต่างแสดงวันที่ที่ 6 นาฬิกา ออกมาพร้อมกัน 2 เวอร์ชั่นคือ ตัวเรือนไทเทเนียมขัดเงาสลับซาติน และตัวเรือนคิงโกลด์ 18k ขัดเงา (ซึ่งเป็นการผสมแพลตินั่ม 5% เข้าไปในเร้ดโกลด์ เพื่อเพิ่มสีให้แดงยิ่งขึ้น) ฝาหลังกรุแซฟไฟร์ สวมคู่กับสายหนังจระเข้สีดำเย็บบนสายยางสีดำและมีสายไทเทเนียมหรือสายคิงโกลด์ให้เลือกด้วย
Classic Fusion Skeleton Tourbillon Black Ceramic - นาฬิการุ่นนี้เป็นนาฬิกากลไกไขลานตูร์บิยองแกะสเกเลตันกำลังสำรอง 120 ชั่วโมง ที่ Hublot ตั้งใจทำออกมาในรูปแบบคลาสสิกมากกว่าสปอร์ตจ๋า ด้วยตัวเรือนที่ไม่หนามากนักแต่ก็ยังคงใช้ดีไซน์แบบดำล้วนเพื่อให้ดูลึกลับน่าค้นหา โดยรูปแบบการแกะสเกเลตันของเครื่องนั้นเป็นสไตล์กราฟฟิกที่ Hublot นิยม ตัวเรือนเป็นเซรามิกดำขัดซาตินสลับขัดเงาขนาด 45 มิลลิเมตร ฝาหลังกรุแซฟไฟร์ ทั้งหมดของนาฬิการุ่นนี้รวมถึงกลไก Calibre MHUB6010.H1.1 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง 19 จิวเวล ได้ถูกออกแบบ พัฒนา และผลิตขึ้นตั้งแต่ต้นจนสมบูรณ์ภายในเวิร์คช็อปของ Hublot เองทั้งสิ้น รูปทรงของเข็มเคลือบดำขัดเงาที่ชี้บอกหลักชั่วโมงเคลือบดำขัดเงาเช่นกันบนแผ่นหน้าปัดแซฟไฟร์นั้นอ้างอิงมาจากนาฬิการุ่นแรกๆ ของ Hublot เป็นการเพิ่มความขลัง โดยจะถูกผลิตขึ้นเพียง 99 เรือนเท่านั้น สวมคู่กับสายหนังจระเข้สีดำเย็บประกบกับยางสีดำ
Big Bang “Zebra Bang”
และแน่นอนว่า HUBLOT ก็ไม่ลืมที่จะออกคอลเลคชั่นใหม่มาให้คุณผู้หญิงได้ชื่นชม โดยคราวนี้เป็นรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Zebra Bang งานบันดาลใจจากสิงห์สาราสัตว์ต่อจากเสือ Leopard และงู Boa ที่ออกมาก่อนหน้า โดยแถบลายของม้าลายได้ถูกบรรจงพิมพ์แต่งแต้มลงบนหน้าปัดพร้อมหลักชั่วโมงประดับเพชร 8 เม็ด น้ำหนักรวม 0.14 กะรัต ของนาฬิกา Big Bang ตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตร ที่ประดับขอบตัวเรือนด้วยโทปาซใสทรงบาแกตต์ 17 ชิ้นกับสปิเนลดำทรงบาแกตต์ 31 ชิ้น ฝาหลังกรุแซฟไฟร์ สวมใส่คู่กับสายหนังวัวพิมพ์ลายม้าลายเย็บประกบกับสายยางสีดำหรือสีขาว ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ โดยมีตัวเรือนให้เลือก 3 ชนิดคือ เซรามิกดำขอบตัวเรือนอโนไดซ์อลูมิเนียมดำ เซรามิกขาวขอบตัวเรือนไวท์โกลด์ 18k และเร้ดโกลด์ 18k ขอบตัวเรือนเร้ดโกลด์ 18k ผลิตจำนวนจำกัดแบบละ 250 เรือน
By: Viracharn T.