ALPINA NEW COLLECTION 2013
ปี 2013 นี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 130 ปี นับตั้งแต่กิจการของกลุ่มผลิตนาฬิกา ALPINA เริ่มต้นขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 1883 ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในนาม Alpina Union Horlogere โดยเรียกขานสมาชิกในกลุ่มผลิตนาฬิกานี้ว่า Alpinists ซึ่งเหล่า Alpinists ก็ได้แชร์ส่วนประกอบต่างๆ ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของตัวเรือนไปจนถึงกลไกที่มีการผลิตขึ้นใช้เองภายในกลุ่ม ทำให้กลุ่ม Alpinists กลายเป็นกลุ่มผู้ผลิตนาฬิกาที่แข็งแกร่งในเวลาอันรวดเร็ว
กลุ่ม ALPINA ได้ทำการผลิตและกระจายการจัดจำหน่ายนาฬิกาของพวกตนไปทั่วยุโรป โดยหนึ่งในนาฬิกาที่โด่งดังจนเป็นตำนานของ ALPINA ในยุคนั้นก็ได้แก่ นาฬิกา Alpina 4 ที่ออกมาในปี 1938 ซึ่งเป็นนาฬิกาสปอร์ตที่มากับสไตล์ที่ถือว่าโมเดิร์นมากในสมัยนั้นโดยตัวเลข 4 นั้นมาจากคุณสมบัติสำคัญ 4 ประการสำหรับนาฬิกาแนวสปอร์ตที่ทาง ALPINA ได้กำหนดขึ้น ได้แก่ คุณสมบัติในการต่อต้านสนามแม่เหล็ก, คุณสมบัติในการกันน้ำ, คุณสมบัติในการกันสะเทือน และใช้ตัวเรือนที่ทำจากสเตนเลสสตีลชั้นดี ต่อมาคุณสมบัติเหล่านี้ก็กลายมาเป็นหลักสำคัญที่นาฬิกาสปอร์ตชั้นนำพึงมีมาจนถึงปัจจุบัน จึงอาจกล่าวได้ว่าทาง ALPINA เป็นผู้สร้างมาตรฐานและคุณสมบัติแห่งนาฬิกาสปอร์ตขึ้นมาให้กับวงการนาฬิกาโลกได้ยึดถือปฏิบัติ
130 Heritage Pilot Chronograph
เพื่อเป็นการฉลองครบรอบการก่อตั้งครบ 130 ปีในปีนี้ ทาง ALPINA จึงได้ออกนาฬิการุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกถึงโอกาสสำคัญนี้โดยนำแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากนาฬิกานักบินโครโนกราฟที่ทางแบรนด์เคยผลิตขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อสื่อถืงประวัติศาสตร์ของตน นาฬิการุ่นนี้ใช้ชื่อว่า 130 Heritage Pilot Chronograph โดยมีทั้งในแบบตัวเรือนสตีลและตัวเรือนเคลือบทอง ฝาหลังกรุกระจกใสมองเห็นกลไกอัตโนมัติที่ขัดแต่งแบบฟิชสเกลที่เพิ่มความน่ามองด้วยการใช้บลูด์สกรูว์และใช้โรเตอร์เคลือบดำ กลไกนี้ถูกติดตั้งด้วยโมดูลโครโนกราฟแบบไบคอมแพ็กซ์ที่ทาง ALPINA พัฒนาและผลิตขึ้นเอง เรียกโดยรวมว่า Calibre AL-860 จัดวางวงเคาน์เตอร์ย่อย 2 วงเอาไว้บนพื้นหน้าปัดสไตล์คลาสสิกพื้นสีดำหรือสีเงินพร้อมสเกลเทเลมิเตอร์และทาคีมิเตอร์จัดวางในรูปแบบที่อ่านค่าได้ง่ายอันเป็นลักษณะสำคัญที่นาฬิกานักบินของ ALPINA ยึดถือเสมอมา
(ซ้าย) 130 Heritage Pilot Chronograph ปี 2013 - (ขวา) นาฬิกา ALPINA วินเทจ ซึ่งเป็นเรือนต้นแบบ
ตัวเรือนของ 130 Heritage Pilot Chronograph มีขนาดกำลังดีที่ 41.5 มิลลิเมตร ซึ่งไม่ใหญ่เกินเลยกับการเป็นนาฬิกาแนววินเทจ สามารถกันน้ำได้ที่ระดับ 50 เมตร สวมคู่กับสายหนังลายจระเข้สีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม จุดเด่นอีกอย่างของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนที่เป็นแบบกลาสบ๊อกซ์คือมีส่วนขอบด้านข้างที่ฝังลึกเข้าไปในตัวเรือนมากกว่ากระจกแซฟไฟร์ที่ใช้กันทั่วไปทำให้ดูมีมิติและเพิ่มความกระจ่างยามมองหน้าปัดได้มากยิ่งขึ้น หลักชั่วโมงและเข็มในตัวเรือนเคลือบทองก็ถูกเคลือบด้วยทองเข้ากัน ซึ่งในรุ่นหน้าปัดสีดำก็จะใช้สเกลต่างๆ และวงหน้าปัดย่อยเป็นสีทองด้วย ส่วนรุ่นหน้าปัดสีเงินจะใช้เป็นสเกลและวงหน้าปัดย่อยสีดำ ส่วนในแบบตัวเรือนสตีลจะใช้หลักชั่วโมงสีเงินอมดำที่เรียกว่าเพิร์ลแบล็ก โดยรุ่นหน้าปัดสีเงินจะใช้เข็มบลูด์สตีลเพื่อมิให้ดูจืดเกินไป สำหรับสเกลต่างๆ และวงหน้าปัดย่อยนั้นจะใช้สีเงินบนหน้าปัดสีดำ หรือใช้สีดำบนหน้าปัดสีเงิน ทุกแบบถูกบรรจุมาในกล่องไม้อย่างสวย
นอกจากนาฬิกานักบินโครโนกราฟรุ่น 130 Heritage แล้ว ในปีนี้ ALPINA ยังได้ออกนาฬิกาสำหรับกิจกรรมทางน้ำมาเพิ่มเติมอีก 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ นาฬิกาดำน้ำฟังก์ชั่นโครโนกราฟ Extreme Diver 300 Chronograph และเวอร์ชั่นใหม่ของรุ่น Sailing Yachttimer
Extreme Diver 300 Chronograph Automatic
หลังจากที่ปีที่ผ่านมาทาง ALPINA ได้ออกนาฬิกาดำน้ำ Extreme Diver 300 กลไกอัตโนมัติ กันน้ำ 300 เมตร มาสู่ตลาดและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว ในปีนี้ก็ได้เพิ่มเติมฟังก์ชั่นโครโนกราฟมาเป็นทางเลือกให้กับนาฬิการุ่นนี้ พร้อมกับการปรับปรุงรายละเอียดอย่างการใช้ขอบตัวเรือนหมุนทิศทางเดียวที่คราวนี้มากับแผ่นวงแหวนเคลือบพีวีดีดำขัดเงาพร้อมสลักหลักสเกลนาทีเรืองแสง หลักชั่วโมงทรงกลมและเข็มนิกเกิ้ลบนหน้าปัดสีดำก็ถูกแต้มด้วยสารเรืองแสงสีขาวเช่นกันเพื่อความชัดเจนยามสภาพแสงน้อย ส่วนเข็มชั่วโมงกับนาทีคราวนี้มาในแบบต่างทรงกันเล็กน้อยโดยเข็มนาทีจะใช้ขอบเป็นสีแดงเพิ่มความน่ามองได้อีกเยอะ ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ เคาน์เตอร์ย่อย 2 วง จับเวลาได้ 12 ชั่วโมง ไม่มีเข็มวินาที Calibre AL-725 ขัดแต่งแบบพองามพร้อมโรเตอร์เคลือบพีวีดีดำ กำลังสำรอง 46 ชั่วโมง
ภาพรวมของนาฬิกายังคงเหมือนกับ Extreme Diver 300 Automatic รุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นขนาด 44 มิลลิเมตร ของตัวเรือนสเตนเลสสตีล เม็ดมะยมขันเกลียวขนาดใหญ่ และฝาหลังแบบขันเกลียวกรุแซฟไฟร์ ไปจนถึงรูปแบบของช่องแสดงวันทีขนาดใหญ่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา สวมคู่กับสายยางสีดำพร้อมบานพับพร้อมสายไนลอนสำหรับเปลี่ยนใส่ และก็มีสายสตีลแบบ 3 แถว หรือสายสตีลถักแบบมิลานีสให้เลือกด้วยเช่นกัน มาพร้อมแพ็คเกจทรงถังดำน้ำสุดเก๋
Sailing Yachttimer
การแข่งขันเรือยอชต์นั้นเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีที่ใช้ฝีมือบวกกับความชำนาญกับความแม่นยำของนักแข่งและคุณภาพการผลิตของเรือล้วนๆ เพราะเป็นการแข่งขันเรือที่ไร้เครื่องยนต์หากแต่ต้องอาศัยกระแสลมในการพัดพาเรือเข้าสู่เส้นชัย เป็นที่รู้กันว่าการออกตัว ณ จุดสตาร์ทเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการแข่งขันประเภทนี้ เพราะเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็มีความหมายกับชัยชนะของนักแข่ง และด้วยกติกาการปล่อยสตาร์ทของการแข่งขันประเภทนี้ซึ่งไม่เหมือนกับการแข่งขันอื่นๆ นักแข่งจึงต้องอาศัยนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นพิเศษซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้เป็นหลักในการออกสตาร์ทอย่างแม่นยำ และก็มีเพียงไม่กี่แบรนด์ในโลกเท่านั้นที่ผลิตนาฬิกาในลักษณะนี้ออกมาอย่างจริงจัง แต่ ALPINA ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
จาก Sailing Yachttimer รุ่นก่อนที่ใช้เป็นสัญลักษณ์สีในช่องหน้าต่างทรงกลมเรียงกัน 5 ช่องบนหน้าปัด มาปีนี้ก็ได้ออกรุ่นใหม่มาอีกครั้ง แม้รูปทรงโดยรวมของตัวเรือนสตีลขนาด 44 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 300 เมตร จะดูไม่แตกต่างไปจากเดิม แต่รูปแบบการแสดงผลของฟังก์ชั่นยอชต์ไทเมอร์บนหน้าปัดสีดำนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงไป โดยคราวนี้จะมากับวงแหวนพื้นสีเทาที่เปิดเป็นช่องหน้าต่างตั้งแต่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาไปจนถึง 4 นาฬิกาเพื่อให้แสดงอักษร START และตัวเลขสีดำขนาดใหญ่บนพื้นจานสีส้ม-ฟ้า-ขาว ที่ซ้อนอยู่ภายใน โดยมีเข็มวินาทีเคาท์ดาวน์สีส้มทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ชี้บอกตัวเลขวินาทีขนาดใหญ่รอบหน้าปัดเพื่อความแม่นยำในการอ่านค่า ส่วนเข็มบอกเวลาขนาดใหญ่จะแต้มด้วยสารเรืองแสงสีขาว ขอบตัวเรือนใช้เป็นสีดำพร้อมสเกลเข็มทิศหมุนทิศทางเดียวติดตั้งด้วยแผ่นกระจกแซฟไฟร์สร้างความเงางามและทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติฟังก์ชั่นนับเวลาถอยหลังยอชต์ไทเมอร์ Calibre AL-880 พร้อมโรเตอร์เคลือบพีวีดีดำ กำลังสำรอง 46 ชั่วโมงเหมือนรุ่นเดิม
นาฬิกามาพร้อมกับสายยางสีดำ หรือสามารถเลือกคู่กับสายสตีลหรือสายสตีลถักสไตล์มิลานีสได้ด้วย ผลิตในแบบจำนวนจำกัด 8,888 เรือนโดยจะมาพร้อมกับกล่องดีไซน์พิเศษที่บรรจุเรือยอชต์ Extreme 40 จำลองเอาไว้ด้วย
อีกไม่นานเกินรอ ทางตัวแทนจำหน่ายก็คงจะนำทั้ง 3 รุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย รอชมตัวจริงกันได้เลยครับ
By: Viracharn T.