NEW PIECES FROM PANERAI in WATCHES & WONDERS 2013

 

งานแสดงนาฬิกา WATCHES & WONDERS ที่ฮ่องกง ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปลายเดือนกันยายน 2013 ที่ผ่านมานั้น นอกจากทางแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่จัดแสดงในงาน SIHH ที่เจนีวาในช่วงต้นปี จะนำนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2013 ซึ่งเคยจัดแสดงที่เจนีวามาให้ชาวเอเชียได้ชมกันอย่างทั่วถึงยิ่งขึ้นแล้ว แต่ละแบรนด์ยังมีนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดมานำเสนอให้กับชาวเอเชียได้ชมกันในงานนี้เป็นแห่งแรกอีกด้วย แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า บริษัทนาฬิกาจากตะวันตกเหล่านี้ให้ความสำคัญกับตลาดนาฬิกาในเอเชียมากเพียงใด Panerai ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตลาดเอเชียเป็นตลาดใหญ่สำหรับเขา เขาจึงใช้เวทีนี้เป็นที่เปิดตัวนาฬิกาใหม่ล่าสุดถึง 7 รุ่นด้วยกัน โดย 6 รุ่นจะเป็นนาฬิกาสเปเชี่ยลเอดิชั่นผลิตจำนวนจำกัด ส่วนอีกรุ่นหนึ่งนั้นจะเป็นนาฬิกาตูร์บิยองพร้อมฟังก์ชั่นจีเอ็มที ไปชมรายละเอียดของแต่ละรุ่นกันเลยดีกว่าครับ

 

 

Radiomir 1940 Chrono Monopulsante 8 Days GMT (Special Edition): PAM502 และ PAM503

 

 

Pam502 Press 3 4 C copiaSPam502 Cat Fond copiaS

 

PAM502

 

Pam502 Cat Dett03 CS

 

 

 

Pam503 Press 3 4 C copiaSPam503 Cat Fond copiaS

 

PAM503

 

Pam503 Cat Dett01 BS

 

Radiomir 1940 Chrono Monopulsante 8 Days GMT เป็นนาฬิการุ่นพิเศษในกลุ่ม Special Edition โดยเป็นการนำกลไกไขลานอินเฮ้าส์ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง Calibre P.2004 ฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลา 30 นาทีปุ่มกดเดี่ยวกลไกคอลัมน์วีลและเวอร์ติคัลคลัตช์พร้อมด้วยฟังก์ชั่นจีเอ็มทีแสดงด้วยเข็มกลางและแสดงกลางวัน/กลางคืนบนหน้าปัดย่อยเดียวกับวินาที ที่มีกำลังสำรองถึง 8 วันจากบาร์เรล 3 ชุด ไปประจำการในตัวเรือน Radiomir 1940 ฝาหลังกรุแซฟไฟร์ ที่มีขนาด 45 มิลลิเมตร กลไกที่ใช้ในรุ่นนี้ไม่เหมือนกับกลไก P.2004 ที่เราเคยเห็นกันมาก่อนหน้านี้ เพราะเป็นเวอร์ชั่นที่มากับบริดจ์กับบาร์เรลฉลุสเกเลตันโดยมีรหัสเรียกขานว่า P.2004/10

 

นาฬิการุ่นนี้มีออกมาด้วยกัน 2 แบบคือ ตัวเรือนเร้ดโกลด์หน้าปัดสีน้ำตาลขัดแบบ Satine Soleil พร้อมหลักชั่วโมงแบบแท่งร่วมกับตัวเลข 12 กับ 6 ผลิต 300 เรือน ในรหัส PAM502 กับตัวเรือนไวท์โกลด์หน้าปัดสีดำขัดแบบ Satine Soleil เช่นกัน แต่จะมากับหลักชั่วโมงแบบจุดร่วมกับแบบแท่ง ผลิต 150 เรือน ในรหัส PAM503 ทั้งคู่จะมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีน้ำตาล 

  

 

Radiomir 8 Days GMT Oro Rosso (Special Edition): PAM538

 

 

PAM00538 3 4 502060SPAM00538 BACK 502058S

 

PAM538

 

PAM00538 DETAIL 502054S

 

PAM538 เป็นสเปเชี่ยลเอดิชั่นในตัวเรือนเร้ดโกลด์ขัดเงาขนาด 45 มิลลิเมตร ของ Radiomir ที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มขัดซาตินพร้อมรายละเอียดสไตล์มินิมัลลิสท์ที่นำรูปแบบมาจากเรือนหายากในอดีตจากยุคทศวรรษที่ 1930 ด้วยโครงสร้างแบบแซนด์วิชพร้อมหลักชั่วโมงแบบจุดร่วมกับแท่งขนาดเล็กเสริมด้วยฟังก์ชั่นแสดงเวลาที่สอง แสดงกลางวัน/กลางคืนด้วยเข็มบนหน้าปัดเล็ก แสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่าง และแสดงกำลังสำรองด้วยเข็มแนวระนาบ ของกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre P.2002/10 กำลังสำรอง 8 วัน ที่มีการฉลุสเกเลตันบนบริดจ์กับบาร์เรลซึ่งมองเห็นความสวยงามได้ผ่านทางฝาหลังกรุแซฟไฟร์ สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน ผลิตในจำนวนเพียง 300 เรือน และมีจำหน่ายที่บูติกของ Panerai เท่านั้น

 

 

Radiomir 1940 3 Days Paneristi Forever (Special Edition): PAM532 

 

 

PAM00532 3 4 485985S1PAM00532 BACK 485982S

 

PAM532

 

PAM00532 DETAIL 485978S

 

นาฬิการุ่นนี้เป็นสเปเชี่ยลเอดิชั่นที่ถูกสร้างขึ้นในจำนวน 500 เรือน เพื่อเป็นสิ่งยืนยันถึงมิตรภาพระหว่าง Panerai กับ www.paneristi.com อันเป็นกลุ่มคนรัก Panerai ซึ่งเริ่มต้นจับกลุ่มแชร์ความชื่นชอบร่วมกันตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2000 เป็นต้นมา และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในปัจจุบันมีคนเป็นล้านแวะเวียนเข้าไปในเว็บไซต์นี้ในแต่ละเดือน นาฬิการุ่นพิเศษนี้ถูกออกแบบให้มีรายละเอียดการตกแต่งแนววินเทจตามลักษณะของนาฬิกา Panerai ในยุคก่อน เริ่มตั้งแต่การใช้ตัวเรือน Radiomir 1940 ที่มีที่มาจากตัวเรือนแบบหนึ่งของ Panerai ในอดีตซึ่งถือกำเนิดขึ้นในช่วงที่มีวิวัฒนาการจากตัวเรือน Radiomir ไปเป็น Luminor ต่อด้วยขนาด 47 มิลลิเมตร ซึ่งเท่ากับขนาดของนาฬิกาโปรโตไทพ์แบบแรกของแบรนด์เมื่อปี 1936 ตามมาด้วยหน้าปัดสีดำโครงสร้างแบบแซนด์วิชสไตล์ดั้งเดิมพร้อมวงวินาที ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และยังมีรูปนูนตอร์ปิโด S.L.C อยู่ที่ 6 นาฬิกาด้วย

 

ความพิเศษอีกอย่างก็คือ เป็นแบบแรกของตัวเรือน Radiomir 1940 ที่มากับสีดำด้านด้วยกรรมวิธีดีแอลซีบนตัวเรือนสตีล และบนฝาหลังสตีลนั้นก็มีการสลักข้อความ PANERISTI – FOREVER เพื่อบ่งบอกความพิเศษด้วย นาฬิการุ่นนี้ทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Caliber P.3000 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง บาร์เรล 2 ชุด กำลังสำรอง 3 วัน สวมใส่คู่กับสายหนังสีน้ำตาล โดยมีรหัสประจำตัวว่า PAM532 

  

 

Radiomir Platino & Radiomir Oro Rosso (Special Edition): PAM521 and PAM522

 

Pam521 Press 3 4 F copiaSPam521 Cat Fond D copiaS

 

PAM521

 

Pam521 Cat Dett02 DS

 

 

Pam522 Press 3 4 F copiaSPam522 Cat Fond E copiaS

 

PAM522

 

Pam522 Cat Dett01 CS

 

สเปเชี่ยลเอดิชั่น 2 รุ่นนี้เป็นนาฬิกา Radiomir ที่มากับขอบตัวเรือนแบบ 12 เหลี่ยม ซึ่งเคยผลิตขึ้นเป็นตัวอย่างเพียงไม่กี่เรือนเมื่อปลายทศวรรษที่ 1930 กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง โดยมีขนาด 47 มิลลิเมตร เท่ากับขนาดของต้นฉบับ ทั้งยังมากับเม็ดมะยมทรงดั้งเดิมของ Panerai ในอดีตอีกด้วย ขอบตัวเรือนนั้นเป็นแบบปัดลายร่วมกับขัดเงาที่บริเวณขอบเพื่อให้เกิดความแตกต่างกับตัวเรือนขัดเงา กระจกหน้าปัดใช้เป็นเพล็กซิกลาสหนา 2.1 มิลลิเมตร เพื่อความเก๋า แผ่นหน้าปัดใช้เป็นสีน้ำตาลเข้มในโครงสร้างแบบแซนด์วิช มีเข็มวินาทีขนาดเล็กที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ด้านกลไกนั้นจะใช้กลไกไขลาน Calibre OP XXVII ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 55 ชั่วโมง 18 จิวเวล ซึ่งปรับปรุงจากกลไกเบส Minerva 16-17 เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ประวัติศาสตร์เพราะ Panerai กับ Minerva นั้นมีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1920 แล้ว สามารถมองเห็นกลไกและงานขัดแต่งได้ผ่านทางแซฟไฟร์ที่กรุบนฝาหลัง 

 

Radiomir Platino นั้นจะใช้รหัส PAM521 โดยเป็นตัวเรือนวัสดุแพลตินั่ม ส่วน Radiomir Oro Rosso ตัวเรือนเร้ดโกลด์นั้นจะใช้รหัส PAM522 ทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำตาล ผลิตในจำนวนจำกัดรุ่นละ 100 เรือน

  

 

Lo Scienziato Luminor 1950 Tourbillon GMT Ceramica: PAM528

 

PAM00528 3 4 285649SPAM00528 BACK 285653S

 

PAM528

 

PAM00528 DETAIL 501260S

 

Lo Scienziato (หมายถึงนักวิทยาศาสตร์) เป็นหนึ่งในสมญาที่ กาลิเลโอ กาลิเลอิ ได้รับจากการที่เขาได้อุทิศชีวิตของเขาในการขยายขีดองค์ความรู้ของมนุษยชาติด้วยการค้นคว้าและศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ และหนึ่งในสิ่งที่เขาค้นพบก็คือการพัฒนาจักรกลบอกเวลาซึ่งนาฬิกาจักรกลในปัจจุบันคงไม่ได้มีลักษณะเช่นนี้หากไม่มีกฎของตุ้มเหวี่ยงที่เขาคิดค้นขึ้น Panerai ในฐานะแห่งผู้ผลิตนาฬิกาที่มีต้นกำเนิดจากอิตาลีเช่นเดียวกับกาลิเลโอ จึงได้ออกนาฬิการุ่นพิเศษรุ่นใหม่ซึ่งเป็นการอุทิศให้กับคุณูปการของกาลิเลโอ ในชื่อว่า Lo Scienziato – Luminor 1950 Tourbillon GMT Ceramica รหัส PAM528 โดยเป็นนาฬิกาที่อัดแน่นไปด้วยเหล่าองค์ความรู้ทางเทคนิคแห่งจักรกลบอกเวลาอย่างเต็มที่เต็มความสามารถของโรงงาน Panerai ในเนอชาแตล

 

กลไกที่ใช้ในนาฬิการุ่นนี้เป็นกลไกไขลานจักรกลตูร์บิยองความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง Calibre P.2005/S ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนรวม 277 ชิ้น ซึ่งพัฒนาและผลิตขึ้นโดยโรงงาน Panerai เอง โดยเพลท บาร์เรล และบริดจ์ นั้นจะถูกฉลุสเกเลตันอย่างสวยงามเพื่อให้เห็นรายละเอียดของชิ้นส่วนกลไกให้มากที่สุด และชิ้นส่วนต่างๆ นั้นยังถูกทำให้เป็นสีดำด้วยกรรมวิธีกัลวาไนซ์เพื่อให้กลมกลืนกับสีของตัวเรือนยามมองผ่านกระจกแซฟไฟร์บนทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวเรือนอีกต่างหาก ตูร์บิยองของกลไกนี้จะหมุน 2 รอบต่อนาทีบนแกนที่วางองศาเอียงอยู่ในระดับที่ทำงานได้อย่างแม่นยำที่สุดโดยจะมีจานดิสก์ขนาดเล็กที่แต้มด้วยจุดเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าสีน้ำตาลอ่อนทำหน้าที่หมุนแสดงการหมุนของตูร์บิยองอยู่ภายในวงวินาทีขนาดเล็ก กลไกนี้ให้กำลังสำรองได้ยาวนานถึง 6 วันจากบาร์เรล 3 ชุด โดยจะมีเข็มแสดงกำลังสำรองมาให้ด้วยซึ่งจะอยู่ด้านหลังของกลไก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่นแสดงเวลาไทม์โซนที่สองด้วยเข็มกลาง พร้อมเข็มแสดงกลางวัน/กลางคืนบนวงหน้าปัดย่อย ซึ่งจะมีระบบควิกเซ็ทที่จะสามารถปรับเข็มชั่วโมงของเวลาท้องถิ่นให้เดินไปครั้งละ 1 ชั่วโมงโดยไม่กระทบต่อการเดินของนาฬิกาด้วย และเมื่อต้นปีที่งาน SIHH ในเจนีวา ก็มีการนำกลไกเครื่องนี้ไปใส่ในนาฬิกาพก PAM446 Pocket Watch Tourbillon GMT Ceramica ซึ่งมากับตัวเรือนเซรามิกดำทรง Radiomir ขนาด 59 มิลลิเมตร มาแล้ว 

 

นาฬิการุ่นนี้เป็นนาฬิกาตัวเรือน Luminor 1950 แบบแรกที่นำกลไกสุดพิเศษเครื่องนี้มาประจำการ หลังจากที่เมื่อต้นปีในงาน SIHH ที่เจนีวาได้มีการเปิดตัวนาฬิกาพก PAM446 Tourbillon GMT Ceramica ตัวเรือนเซรามิกดำทรง Radiomir ขนาด 59 มิลลิเมตร ที่ใช้กลไกนี้กันไปแล้ว สำหรับตัวเรือนของนาฬิกาข้อมือ PAM528 นี้มีขนาดอยู่ที่ 48 มิลลิเมตร ทำจากเซรามิกดำนำหนักเบา ทนทาน และทนทานต่อการกัดกร่อนเช่นกัน โดยมีขอบฝาหลังทำจากไทเทเนี่ยมเคลือบดำ และยังสามารถกันน้ำได้ถึง 100 เมตร มาคู่กับสายหนังสีน้ำตาล โดยมีสายหนังสีดำอีกเส้นหนึ่งให้มาสลับใส่

 

By: Viracharn T.