iamwatch

Twitter

ปี 2013 นี้ ถือเป็นปีสำคัญของ Jaeger-LeCoultre ด้วยความที่เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 180 ปีแห่งการก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาบนโลกใบนี้ นับจากที่ช่างนาฬิกา Antoine LeCoultre ริเริ่มเวิร์คช็อปเล็กๆ ของเขาขึ้นในปี 1833 และกลายมาเป็นผู้ผลิตนาฬิกาที่สร้างกลไกต่างๆ ของตนเองขึ้นมาแล้วกว่า 1,200 คาลิเบอร์ และยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตรถึงกว่า 400 ชนิด และมีพนักงานเกินกว่า 1,000 คนในปัจจุบัน และนอกจากนาฬิกาคอลเลคชั่น 2013 ที่นำมาโชว์กันอย่างเต็มที่แล้ว ทางแบรนด์ยังใช้งาน WATCHES & WONDERS ที่ฮ่องกง เป็นที่เปิดตัวนาฬิกาเรือนพิเศษอย่าง Duometre Spherotourbillon Blue และ Master Grand Tourbillon Enamel ด้วย

Duometre Spherotourbillon Blue

นาฬิการุ่นนี้เป็นการใช้ฝีมือในการประดับตกแต่งชั้นสูงลงบนนาฬิการะดับแกรนด์คอมพลิเคชั่น Duometre Sphrerotourbillon อันโด่งดัง โดยมากับตัวเรือนวัสดุไวท์โกลด์ขนาด 44 มิลลิเมตร ที่บรรจงตกแต่งด้วยเพชรบาแกตต์คัทอย่างวิจิตรทั่วตัวเรือนและบนหน้าปัดซึ่งยังมีการเพิ่มเติมการตกแต่งในรายละเอียดตามจุดต่างๆ ด้วยอเวนทูรีนสีน้ำเงินอันเป็นที่มาของคำว่า Blue อีกด้วย สำหรับด้านข้างตัวเรือนที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกานั้น ยังคงเว้นการประดับเพชรให้เป็นพื้นที่ของกระจกแซฟไฟร์เพื่อให้มองเห็นการทำงานของตูร์บิยองจากทางด้านข้างได้เหมือนเช่นเดิม

ตัวปุ่มกดที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกาที่ใช้สำหรับปรับเข็มวินาทีให้กลับไปอยู่ที่ศูนย์เพื่อการตั้งเวลาที่แม่นยำและตัวเม็ดมะยมที่ใช้ทั้งไขลานและปรับตั้งทุกค่าอันเป็นคุณสมบัติเด่นของกลไกตูร์บิยองหมุนครบรอบใน 30 วินาที Calibre 382HJ วัสดุนิกเกิ้ลซิลเวอร์ ที่ถูกสร้าง ประกอบ และตกแต่งด้วยมือ ให้กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง จากบาร์เรล 2 ชุด และแสดงเวลาได้ 2 ไทม์โซน เครื่องนี้ก็ถูกประดับด้วยเพชรเช่นกัน รวมจำนวนเพชรทั้งหมดที่ประดับตกแต่งบนนาฬิกาเรือนนี้ได้ถึง 294 เม็ด น้ำหนักรวม 20.5 กะรัต สวมคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำเงินพร้อมหัวเข็มขัดไวท์โกลด์ 

Master Grand Tourbillon Enamel

นาฬิการุ่นนี้เป็นการโชว์ฝีมือด้านเทคนิคศิลปะชั้นสูงหลายชนิดร่วมกัน เริ่มด้วยการเพ้นท์ภาพลงบนกระจกแซฟไฟร์ให้เหมือนกับว่ามีใบไผ่ปกคลุมอยู่เหนือพื้นหน้าปัดกิโยเช่วัสดุไวท์โกลด์หุ้มผิวด้วยงานอีนาเมลสีน้ำเงินใสร่วมด้วยงานภาพสีของนกกระเรียน สัญลักษณ์แห่งอายุยืนยาวตามความเชื่อโบราณโดยมีแบ็คกราวด์เป็นต้นไผ่ และประดับด้วยพระจันทร์ที่ทำจากแผ่นตะกั่วสีเงิน ต่อด้วยศิลปะการประดับเพชรบาแกตต์อย่างบรรจงลงบนขอบและขาของตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 43 มิลลิเมตร นับจำนวนเพชรได้ 94 เม็ด น้ำหนักรวม 8 กะรัต ปิดท้ายด้วยงานสลักลวดลายอย่างละเอียดงดงามลงบนด้านข้างของตัวเรือน สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้สีดำพร้อมบัคเกิ้ลไวท์โกลด์ประดับเพชร ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 8 เรือน

นาฬิการุ่นนี้ทำงานด้วยกลไก Calibre 978 ซึ่งได้รับอันดับหนึ่งจากการประกวดกลไกที่จัดโดยพิพิธภัณฑ์นาฬิกาแห่งเลอล็อคล์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อปี 2009 เป็นกลไกความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง ที่ควบคุมความเที่ยงตรงด้วยตูร์บิยองที่มีกรงทำจากไทเทเนี่ยมซึ่งมีน้ำหนักเบาเพียง 0.28 กรัม ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ทองคำ 22 กะรัต

By: Viracharn T.