WATCH GENEVA DAYS, Part II
ซึ่งการรวบรวมแบรนด์นาฬิกาต่างๆ ที่ให้ความสนใจจัดแสดงในรูปแบบอิสระนี้ มีศูนย์กลางเป็นพาวิลเลี่ยน ที่จัดแสดงนาฬิการุ่นใหม่ๆ ของทุกแบรนด์ที่เข้าร่วมด้วย พร้อมกิจกรรมต่างๆ มากมาย ซึ่งยังมีนาฬิกาอีกหลายแบรนด์ที่ iamwatch.netได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมในปีนี้เช่น BVLGARI, FREDERIQUE CONSTANT, MB&F, GERALD CHARLES, LOUIS ERARD และ MAURICE LACROIX
BVLGARIจัดแสดงงานที่รร. Ritz-Carlton De La Paix พร้อมนาฬิการุ่นใหม่หลายรุ่นตั้งแต่Octo Finissimo CarbonGold ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนและสายที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ผนวกเข้ากับวัสดุสำคัญคือพิ๊งค์โกลด์ที่ใช้กับมาร์กเกอร์ เข็ม เม็ดมะยม รวมไปถึงบริจด์ด้านหลังตัวเรือนและโรเตอร์ด้วย นอกจากนี้ก็นำเสนอนาฬิการุ่นเยี่ยม Octo Finissimo Perpetual Calendar CarbonGold ในรูปแบบเดียวกัน รวมทั้ง Aluminum Capri Special Edition และ Chronograph ในรูปแบบหน้าปัดสีน้ำเงินไล่เฉด รวมไปถึง Aluminum Match Pointในโทนสีเขียวที่ออกแบบมาสำหรับกีฬาเทนนิสโดยเฉพาะ
FREDERIQUE CONSTANT กับ Manufacture Classic Power Reserve Big Date ที่มาพร้อมทั้งความคลาสสิค และฟังก์ชั่นการใช้งานตามแบบนาฬิกาชั้นสูง ด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ FC-735ซึ่งถือเป็นกลไกอินเฮ้าส์ชุดที่ 31ของแบรนด์ ที่สามารถให้พลังสำรองลานได้นานถึง 50ชั่วโมง พร้อมความโดดเด่นของทั้งชุดมูนเฟส ณ ตำแหน่ง 6นาฬิกา, ชุดแสดงพลังสำรองลาน ณ ตำแหน่ง 9นาฬิกา และหน้าต่างแสดงวันแบบบิ๊กเดท ณ ตำแหน่ง 2-3นาฬิกา ที่จัดวางได้อย่างสมมาตรและงดงาม พร้อมทางเลือกการผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น ในตัวเรือนแบบแพลททินัมหรือตัวเรือนแบบโรสโกลด์
MB&Fภูมิใจนำเสนอ Horological Machine No. 9-SV ที่แสนตื่นตาตื่นใจจากโครงสร้างตัวเรือน อันซับซ้อนและโดดเด่นแบบขีดสุด โดยมีตัวเรือนทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นกระจกแซฟไฟร์ล้วน พร้อมความโค้งมนและเข้ารูปกับชุดกลไก ประกบด้วยโครงหลักที่ผลิตจากไวท์โกลด์หรือเยลโลว์โกลด์ เพื่อยึดกระจกทุกส่วนเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทางเลือกตัวเรือนไวท์โกลด์กับชุดกลไกภายในโทนสีน้ำเงิน หรือตัวเรือนเยลโลว์โกลด์กับชุดกลไกภายในโทนสีเขียว ในขนาดตัวเรือนที่ 57 x 47 x 23มิลลิเมตรโดยทั้งสองแบบจะผลิตขึ้น ในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นจำนวนแบบละ5เรือนทั่วโลกเท่านั้น
GERALD CHARLES แบรนด์นาฬิกาอันเป็นมรดกจาก Mr. Gerald Genta นักออกแบบและช่างนาฬิกาผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกนาฬิกา ที่มีการนำแบรนด์กลับมาสู่ตลาดอีกครั้งตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ในนาฬิกาคอลเลคชั่น Maestroที่นำเสนอทั้งฟังก์ชั่นแบบสามเข็ม โครโนกราฟ สเกเลตัน หรือตูร์บิยอง โดยในงานครั้งนี้นำเสนอ Maestro 8.0 Squelette Gem-Set Diamonds ซึ่งเป็นนาฬิกาแบบประดับเพชรบาแก็ทที่ขอบตัวเรือน พร้อมกันกับ Maestro 8.0 Squelette Gem-Set Sapphires นาฬิกาแบบประดับแซฟไฟร์บาแก็ทที่ขอบตัวเรือน พร้อมโครงสร้างภายในชุดกลไก ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนและโดดเด่นโดย VAUCHER
LOUIS ERARD นำเสนอนาฬิกาในคอลเลคชั่น Excellenceใหม่ล่าสุดที่ทำงานร่วมกันกับ The Horophile ในชื่อรุ่น Metropolisในตัวเรือนที่ผลิตจากสตีลขนาด 39มิลลิเมตร ผลิตแบบจำนวนจำกัดแบบละ59เรือนทั้งในแบบสีหน้าปัดเทาสเลท แซลมอน และโทแบคโค กับหน้าปัดที่เน้นลวดลายวงกลมด้านใน และตัวเลขในแบบอาร์ท-เดคโค่ พร้อมกับเข็มแสดงเวลาทรงบาตอน ผนวกเข้ากับกิมมิคเล็กๆ ของจุดแสดงตำแหน่ง 12นาฬิกาของหน้าปัดย่อยแสดงเวลาวินาที โดยมีความโดดเด่นที่แปลกตากับหน้าปัด ที่ไร้ซึ่งโลโก้และชื่อของแบรนด์ จะมีแต่เพียงโลโก้ LE ประดับอยู่บนเม็ดมะยมเท่านั้น
MAURICE LACROIX คอลเลคชั่น #tide ใหม่ล่าสุดในสไตล์แฟชั่นรูปแบบคาโมฟลาจหรือลายพราง ที่โดดเด่นทั้งในสีสันโทนทหารพรางสีเขียว สีสันโทรทหารลุ่มทะเลทรายสีเบจ และสีสันโทรทหารเรือสีเนวีบลู ผนวกเข้ากับอีกหนึ่งความพิเศษของสีสันโทนสีชมพู/เทา โดยสายทั้งหมดจะผลิตโดยการสุ่ม ฉะนั้นลายพรางของสายนาฬิการุ่นนี้ ในทุกเรือนจะมีความแตกต่างกันอย่างโดดเด่น จากสายการผลิตที่มาจากการอัพไซเคิลของขยะที่นำขึ้นมาจากท้องทะเล และผลิตขึ้นโดยโรงงานที่ได้มาตรฐาน ที่ถือได้ว่าเป็นการอัพเกรดนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ ไปอีกระดับเพื่อมุ่งสู่ความเป็นแฟชั่นกับคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น