NEW PIECES FROM VACHERON CONSTANTIN in WATCHES & WONDERS 2013
ในงาน Watches & Wonders ที่ฮ่องกงเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ VACHERON CONSTANTIN ก็มีการแนะนำนาฬิการุ่นใหม่ๆ ออกมากันหลายแบบด้วยกัน รวมไปถึงคอลเลคชั่นนาฬิกาศิลป์ Métiers d’Art Les Univers Infinis ในซีรี่ส์ที่สองที่ได้นำเอาแรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลป์ของศิลปินชาวดัตช์ Maurits Cornelis Escher ด้วย มาชมกันทีละรุ่นเลยนะครับ
Historiques Toledo 1951
Historiques Toledo 1951 เป็นคอลเลคชั่นนาฬิกาทรงเหลี่ยมปลายมนที่นำลักษณะมาจากนาฬิการุ่นหนึ่งของแบรนด์ที่ถูกนำเสนอออกมาตั้งแต่ปี 1951 ซึ่งชาวอิตาเลี่ยนเรียกกันว่า Cioccolatone จากความเห็นที่ว่ามีลักษณะตัวเรือนเหมือนกับช็อกโกแลตยอดนิยมของพวกเขา แต่จริงๆ แล้วทางแบรนด์ให้ชื่อนาฬิการุ่นนี้ว่า Toledo และในปี 2003 ทางแบรนด์ก็เคยนำเสนอรุ่น Toledo ที่มากับฟังก์ชั่นคอมพลีตคาเลนดาร์ออกมาด้วย มาในปีนี้ คอลเลคชั่น Toledo ก็ได้รับการปรับโฉมออกรุ่นใหม่มาอีกครั้งในรูปแบบการบอกเวลา 3 เข็มที่เรียบง่ายโดยจัดอยู่ในคอลเลคชั่น Historiques อันทรงเกียรติ ใช้ชื่อว่า Historiques Toledo
1951 Historiques Toledo 1951 มาในตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ขนาด 33.30 x 42.30 มิลลิเมตร หนา 8.93 มิลลิเมตร ร่วมกับแผ่นหน้าปัดทองคำ 18k ผิวโอปอลีนเงิน ที่แต่งลายกิโยเช่ด้วยมือบริเวณกลางหน้าปัด พร้อมหลักชั่วโมงพิงค์โกลด์ สวมคู่กับสายหนังจระเข้มิสซิสซิปปี้สีน้ำตาล ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติความถี่ 4 เฮิร์ตซ์ Calibre 2460 SC โรเตอร์ทองคำ 22k กำลังสำรอง 40 ชั่วโมง แต่รุ่นนี้จะไม่สามารถมองเห็นกลไกได้นะครับเพราะจะมากับฝาหลังแบบทึบ
Patrimony Contemporaine Small Model in White Gold
เมื่องาน SIHH 2013 ที่จัดขึ้นในช่วงต้นปี ทางแบรนด์ได้เปิดตัว Patrimony Contemporaine Small Model รุ่นนี้มาให้กับคุณผู้หญิงได้เป็นเจ้าของกันไปแล้วในตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ มาคราวนี้ก็ถึงทีที่จะออกตัวเรือนและสายวัสดุไวท์โกลด์คู่กับหน้าปัดโอปอลีนเงินทรงโค้งพร้อมหลักชั่วโมงและเข็มไวท์โกลด์มาเป็นทางเลือกอีกแบบหนึ่งด้วย
สำหรับรายละเอียดต่างๆ นอกจากวัสดุแล้วยังคงเป็นเหมือนกับแบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ ทั้งขนาดตัวเรือน 36 มิลลิเมตร หนา 9.15 มิลลิเมตร ที่ประดับเพชร 68 เม็ดเรียงรายบนขอบตัวเรือน หลักนาทีประดับเพชร 48 เม็ด ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติความถี่ 4 เฮิร์ตซ์ Calibre 2450 Q6 โรเตอร์ทองคำตกแต่งกิโยเช่ด้วยมือ ซึ่งมีฟังก์ชั่นแสดงวันที่ให้มาด้วย
Patrimony Contemporaine Ultra-Thin Calibre 1731
มาถึงงานกลไกระดับคอมพลิเคทกันบ้าง Patrimony Contemporaine รุ่นนี้มากับความพิเศษด้วยกลไกมินิทรีพีทเตอร์ที่เหนือชั้น คือ เป็นกลไกไขลานความถี่ 3 เฮิร์ตซ์ กำลังสำรอง 65 ชั่วโมง พร้อมกลไกตีบอกเวลาที่มีความบางเพียง 3.90 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงสามารถบรรจุเข้าไปในตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ขนาด 41 มิลลิเมตรที่มีความหนาเพียง 8.09 มิลลิเมตรได้ ถือได้ว่ากลไก Calibre 1731 เครื่องนี้ยังคงเป็นกลไกฟังก์ชั่นมินิทรีพีทเตอร์ที่บางที่สุดในปัจจุบัน แม้ว่าจะหนากว่ากลไก Calibre 1755 ที่ออกมาในปี 1993 ซึ่งมีความหนาอยู่ที่ 3.28 มิลลิเมตรก็ตาม ซึ่งก็ยังคงทำให้นาฬิการุ่นนี้กลายเป็นนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์ที่บางที่สุดในปัจจุบันอยู่ดี
ความหนาของกลไกที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมเล็กน้อยมาจากการเปลี่ยนมาใช้ระบบควบคุมการตีแบบฟลายอิ้งแทนแบบเลเวอร์เพื่อให้ทำงานได้อย่างเงียบกริบและยังทำให้มีกำลังสำรองยาวนานกว่าเดิมด้วย บอกเวลาชั่วโมงกับนาทีด้วยเข็มพร้อมเข็มวินาทีขนาดเล็กที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกาบนพื้นหน้าปัดโอปอลีนเงินทรงโค้งซึ่งติดตั้งด้วยหลักชั่วโมงพิ้งค์โกลด์ สวมคู่กับสายหนังจระเข้มิสซิสซิปปี้สีน้ำตาล
Traditionnelle 14-Day Tourbillon Collection Excellence Platine
Traditionnelle ตูร์บิยองรุ่นนี้ ถือเป็นนาฬิกาสุดพิเศษจาก VACHERON CONSTANTIN เพราะนอกจากจะใช้กลไกชั้นสูง Calibre 2260 ซึ่งเป็นกลไกไขลานความถี่ 2.5 เฮิร์ตซ์ที่เดินอย่างเที่ยงตรงด้วยตูร์บิยองโดยมีกำลังสำรองอย่างยาวนานเหนือสามัญถึง 14 วันด้วยบาร์เรล 4 ตัวพร้อมเข็มแสดงกำลังสำรองแล้ว ยังถูกบรรจุอยู่ในตัวเรือนวัสดุแพลตินั่มอันล้ำค่าอีกด้วย
ขนาดของตัวเรือนอยู่ที่ 42 มิลลิเมตร หนา 12.22 มิลลิเมตร โดยจะมากับหน้าปัดผิวแซนด์บลาสต์วัสดุแพลตินั่ม สวมคู่กับสายหนังจระเข้มิสซิสซิปปี้สีน้ำเงินเข้ม และจะผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือนเท่านั้น
Métiers d’Art Les Univers Infinis
คอลเลคชั่นนาฬิกาศิลป์ Métiers d’Art Les Univers Infinis ที่เห็นอยู่นี้เป็นซีรี่ส์ที่สองต่อจากซีรี่ส์แรกซึ่งได้เผยโฉมไปในงาน SIHH ที่เจนีวาเมื่อปี 2012 โดยสำหรับซีรี่ส์ที่สองนี้ทาง VACHERON CONSTANTIN ได้รับแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ลวดลายบนหน้าปัดมาจากผลงานศิลป์สุดคลาสสิกของศิลปินชาวดัตช์ Maurits Cornelis Escher ซึ่งเป็นลักษณะของการสร้างภาพกราฟฟิกแต้มสีสัน โดยทางแบรนด์ได้ถ่ายทอดลวดลายและสีสันเหล่านี้บนพื้นหน้าปัดด้วยการผสมผสานเทคนิคต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้งการสลัก งานอีนาเมล งานประดับอัญมณี งานกิโยเช่ หรืองานต่อชิ้นส่วนทองคำและเปลือกหอยมุกเข้าด้วยกันอันเป็นเทคนิคอันเก่าแก่ที่เรียกว่าเทสเซลเลชั่น ตามความเหมาะสมของแต่ละลวดลาย
นาฬิกาทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติความถี่ 4 เฮิร์ตซ์ บอกเวลาแบบสามเข็มเรียบง่ายขึ้นลานด้วยโรเตอร์ทองคำ 22k กำลังสำรอง 40 ชั่วโมง Calibre 2460 SC ผลิตออกมาด้วยกัน 3 รูปแบบลวดลายและสีสันในจำนวนจำกัดแบบละ 20 เรือน โดยจะมากับตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 40 มิลลิเมตร หนา 8.9 มิลลิเมตร คู่กับสายหนังจระเข้มิสซิสสิปปี้สีดำ
3 รูปแบบที่ว่านั้นก็มี Angel Watch ที่เป็นศิลปะการสลักร่วมกับการทำกิโยเช่และงานอีนาเมลแบบกรองเฟอ ต่อด้วย Lizard Watch ที่ใช้การสลักร่วมกับการทำกิโยเช่ งานอีนาเมลแบบกรองเฟอ และงานประดับเพชร ส่วนแบบสุดท้ายคือ Horsemen watch ที่เป็นงานสลักร่วมกับงานต่อชิ้นส่วนต่างซึ่งเป็นทองคำและเปลือกหอยมุกในลักษณะของจิ๊กซอว์
ย้ำกันอีกครั้งว่านาฬิกาทุกแบบของ VACHERON CONSTANTIN นั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการรับรองคุณภาพด้วยตรา Hallmark of Geneva ซึ่งเป็นมาตรฐานอันเข้มข้นในการควบคุมคุณภาพของนาฬิกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
By: Viracharn T.