The Ocean Race Diver Chronograph
ในปีนี้ ULYSSE NARDIN มีการเปิดตัวผลงานนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด The Ocean Race Diver Chronograph ที่รังสรรค์เพื่อฉลองความยิ่งใหญ่ ของการแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์ The Ocean Race ที่ถือเป็นความพยายามของมนุษย์ ในการทำงานร่วมกันเป็นทีมบนเรือใบในมหาสมุทร ซึ่ง ULYSSE NARDIN และ The Ocean Race ต่างก็ยกย่องต่อความหลงใหลในท้องทะเล
พร้อมความรู้สึกร่วมกันในด้านความมุ่งมั่น เพื่อการปกป้องมหาสมุทรของโลก ที่มนุษย์ต่างหวงแหนและต้องการรักษาไว้เพื่อผู้คนในอนาคต โดย ULYSSE NARDIN ในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน พร้อมการเข้าร่วมโครงการ Time to Act ซึ่งเป็นโครงการที่มีจุดประสงค์ในการลดผลกระทบ ด้านมลพิษอันร้ายแรงต่อสภาพภูมิอากาศในมหาสมุทร
รวมไปถึงคุณภาพของน้ำในพื้นที่กว่า 60,000 กิโลเมตร และปัญหาของเชือกพลาสติกที่เป็นภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่ของมหาสมุทร ที่การแข่งขัน The Ocean Race นี้จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยทำความเข้าใจต่อปัญหา ที่เกิดขึ้นกับท้องทะเลสู่ผู้คนมากมายในโลก ดังนั้นในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการแข่งขัน The Ocean Race ทางแบรนด์จึงนำเสนอนาฬิการุ่น The Ocean Race Diver Chronograph
ที่มีความสามารถในการกันน้ำได้ลึกระดับ 300 เมตรกับนาฬิกาตัวเรือนไทเทเนียมดีแอลซีสีดำพ่นทรายในขนาด 44 มิลลิเมตร ที่ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติโครโนกราฟคาลิเบอร์ UN-150 ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังที่กรุกระจกแซฟไฟร์ พร้อมหมายเลข '50' เพื่อเป็นการรำลึกถึงปีที่ครบรอบนี้ พร้อมโลโก้ The Ocean Race บนชิ้นส่วนประกอบของนาฬิกา
พร้อมขอบเบเซลแบบหมุนได้ทิศทางเดียว ที่เคลือบด้วยคารโบเนียม® ที่รีไซเคิลจากส่วนของลำตัวเครื่องบิน และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าวัสดคุอมโพสิตคาร์บอนอื่นๆ ถึง 40% โดย ULYSSE NARDIN ถือเป็นผู้ผลิตนาฬิการายแรกที่ใช้วัสดุที่เป็นนวตักรรมใหม่นี้ กับนาฬิกาในปี 2019 กับคุณสมบัติเด่นด้านความทนทาน มีน้ำหนักเบา และเอฟเฟ็คท์ลายหินอ่อนที่ดูแตกต่างจากวัสดุอื่นๆ
The Ocean Race Diver Chronograph จะผลิตในจำนวนจำกัด เพียง 100 เรือนทั่วโลก โดย Patrick Pruniaux ซีอีโอของแบรนด์กล่าวว่า "ทางแบรนด์ร่วมฉลองสำหรับการแข่งขันเรือใบในตำนานนี้ พร้อมความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งแวดลอ้มในมหาสมุทร รวมทั้งโครงการวิจัย และการอนุรักษ์ทางทะเลที่ ULYSSE NARDIN ภูมิใจให้การสนับสนุนด้วยดีตลอดมา"
The Ocean Race เริ่มการแข่งขันจากนิวพอรต์ในวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา และต่อเนื่องไปยังยุโรปโดยผ่านเมืองออฮสุ ประเทศเดนมารก์, เมืองคีล ประเทศเยอรมัน และเมืองเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อนที่จะจบการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่เมืองเจนัว ประเทศอิตาลีในปลายเดือนมิถุนายน โดยนาฬิการุ่นพิเศษนี้จะมีจำหน่ายเฉพาะในตัวแทนจำหน่ายบางแห่ง และจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 565,000 บาท
