HermesSlim d’HERMÉS Minuit au Faubourg
ผงาดอย่างมั่นใจ ก้าวย่างอย่างปราดเปรียว ด้วยความอ่อนโยน องอาจ และสง่างาม ณ ช่วงเวลาเที่ยงคืนในย่านโฟบูร์ก ท่ามกลางเมืองแห่งแสงสว่าง ที่ระงมไปด้วยเสียงเรียกหาฮีโร่ม้าติดปีก ผู้มีนามว่า Super H ผู้เป็นฮีโร่ผู้กล้าหาญและสันโดษ ที่เป็นเรื่องเล่าและเป็นการบรรจบกัน ระหว่างตัวละครในหนังสือการ์ตูนและเทพเจ้ากรีก ที่ Super H ได้นำพาให้ HERMÉS เปิดประตูสู่การแสดงสลับฉากของห้วงเวลา อันสนุกสนานที่สร้างสรรค์ขึ้น ในฐานะเรือนเวลาอันทรงคุณค่าเรือนล่าสุด โดย Slim d’HERMÉS Minuit au Faubourg ถ่ายทอดโลกแห่งศิลปะป็อบอาร์ตพร้อมฉากหลังของปารีส ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะย่อส่วน แห่งเครื่องบอกเวลาที่เรืองรองไปด้วยแสงสว่างและความแปลกใหม่ โดยเป็นการผลิตขึ้นในสองซีรีส์ และกำหนดมีจำนวนจำกัดเพียงซีรี่ส์ละ 24 เรือน ภายใต้แนวคิดที่ได้มาจาก ผ้าพันคอไหม ซึ่งออกแบบขึ้นในปี 2014 โดย Dimitri Rybaltchenko เพื่อให้จินตนาการอันบรรเจิดนี้ ได้มาโลดแล่นอยู่บนหน้าปัดนาฬิกา โดยยังคงรูปลักษณ์แบบเดียวกันอย่างครบถ้วน
เพื่อถ่ายทอดภาพหอไอเฟลอันเด่นตระหง่าน เหนือท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยริ้วลายของก้อนเมฆ และมวลหมู่ดาวอเวนจูรีน ซึ่งเป็นฉากหลังอันยิ่งใหญ่ เหนือหลังคาสังกะสีสไตล์ปารีเซียงอันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนเล่นกับแสงเหลือบสีน้ำเงินอ่อนของดวงจันทร์ พร้อมทั้งแสงสีกุหลาบเรืองรองยามอาทิตย์อัสดงคล้อยหลัง ที่ยังมองเห็นหลังคาโดมของอนุสรณ์วาลีดจากระยะไกล รวมถึงเสาโอเบลิสก์แห่งปลัสเดอลากงกอร์ด ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ที่ถือเป็นการรวบรวมภาพสัญลักษณ์ต่างๆ ของปารีสไว้อย่างครบถ้วนและถัดไปเพียงไม่กี่ถนน ยังปรากฏภาพปีกกังหันลมของมูแลงรูจ ที่หมุนไปตามสายลมแห่งฤดูร้อน ทว่า ยังมีองค์ประกอบหลักของฉากที่คงอยู่ ณ แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่จะเป็นที่อื่นใดได้เล่า นอกจาก ณ เลขที่ 24 รูว์ดูว์โฟบูร์ก แซงต์-โตโนเร่ สถานที่ซึ่ง “HERMÉS Sellier” ได้ครอบครองอยู่ตั้งแต่ปี 1880 ดังที่ปรากฎชื่อไว้บนป้ายกำแพงและ ณ ชั้นบนสุด ยังเป็นที่ตั้งของสวนลับซึ่งรายล้อม ด้วยระเบียงดาดฟ้าทอดเรียงรายด้วยเสา และเมื่อพลันเรียกชื่อของเขา แสงแห่งอักษร H ก็พร้อมแผ่รัศมีออกจากยอดหอไอเฟล
ทันใดนั้นเอง Super H ก็พร้อมบินถลา ด้วยผ้าคลุมที่โบกสะบัดไปตามสายลม เผยให้เห็นชื่อย่อของเขา ด้วยอักษร H สีส้ม-น้ำตาล พร้อมทั้งปรากฏโฉมตัวละครคอมิกส์ของ Pegasus ซูเปอร์ฮีโร่ผู้ทรงพลังและภาคภูมิเกียรติ ที่ปลุกซึ่งจินตนาการว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาจึงถูกเรียกหา และเขาจะบินไปยังแห่งหนใด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้นั่นคือ Super H ก็พร้อมที่จะบินถลาท่ามกลางแสงเรืองรองอันแสนนุ่มนวล และฉากหลังอันตระการตา อันเป็นผลลัพธ์มาจากทักษะฝีมือของเหล่าช่างศิลป์ของ HERMÉS ผู้ร่วมถ่ายทอดให้เกิดลำแสง ที่ทอดทอมาจากสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา และฉายรัศมีออกจากหอไอเฟล โดยเฉพาะยามราตรี โดยแสงนี้ยังส่องประกายเรืองรองบนพื้นผิวของหน้าปัด และโค้งไปตามโครงร่างของลำแสงแห่ง Super H ที่รายล้อมไปด้วยฉากของปารีส ที่บรรจงวาดขึ้นด้วยมือจากเทคนิคงานวาดภาพย่อส่วน จากการผสมผสานระหว่างงานการเพนท์สีชั้นต่างๆ อย่างพิถีพิถันและละเอียดอ่อน และจากฝีมืองานช่างระดับสูง อันมีประสบการณ์การทำงานทางด้านนี้โดยเฉพาะ
และสำหรับชั้นที่หนากว่าของสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา ที่มอบให้หน้าปัดนี้มีมิติพื้นผิวแบบเกรนเล็กน้อย ราวดั่งผืนผ้าใบ ซึ่งในแต่ละหน้าปัดนั้นล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว จากการรังสรรค์ขึ้นด้วยมือทั้งหมด และเป็นผลลัพธ์มาจากการทำงานกว่า 50 ชั่วโมง ในตัวเรือนวัสดุไวท์โกลด์ขนาด 39.5 มิลลิเมตร และทำงานดด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ H1950พร้อมประสิทธภาพการทำงานในระดับสูง เพื่อให้เรือนเวลารุ่นนี้ครบครันทั้งความงดงามด้านงานศิลปะ และความสามารถด้านการแสดงเวลา