LOUIS VUITTON Tambour Slim Vivienne Jumping Hour
มาสคอตลึกลับตัวเล็กปรากฏโฉมขึ้นที่ LOUIS VUITTON เป็นครั้งแรกในปี 2017 ด้วยบุคลิกเปี่ยมเสน่ห์และซุกซน ที่สามารถสะกดใจทุกคนที่ได้รู้จักเธอ และที่โดดเด่นอีกอย่างก็คือนิสัยที่ยากจะคาดเดา เพราะไม่มีใครรู้ว่าเธอจะไปปรากฏตัวครั้งต่อไปที่ไหน อาจจะบนแคนวาสโมโนแกรมไอคอนิคของ LOUIS VUITTON หรือในรูปแบบจี้และเข็มกลัดขนาดจิ๋วจากคอลเลคชั่น Vivienne Travellers หรืออาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิกาจากเมซงก็เป็นได้ ดังเช่นที่ปรากฏอยู่ในนาฬิกา Tambour Spin Time Air Vivienne ซึ่งเธอได้แยกร่างตัวเองออกแบบ 12 ตัวเพื่อปรากฏตัวอยู่บนโมดูลชั่วโมงแบบหมุน รวมทั้งในนาฬิการุ่น Vivienne Bijou Secret ซึ่งเป็นเหมือนเกมเล่นซ่อนหา เพื่อให้เธอทำหน้าที่แสดงเวลาได้ราวกับใช้เวทมนตร์
และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ใครเอ่ยถึงเธอ สิ่งเดียวที่เธอจะเผยให้ได้รู้เกี่ยวกับเธอก็คือชื่อ Vivienne ที่เป็นที่เห็นพ้องต้องกันว่าเธอควรมาเป็นมาสคอตของ LOUIS VUITTON ซึ่งเป็นบทบาทที่เธอยอมรับด้วยดวงตาเป็นประกาย ที่ ณ วันนี้ Vivienne หวนกลับมาปรากฏโฉมอย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมเผยพลังใหม่ที่เธอครอบครอง ซึ่งยิ่งกว่าพลังในการสะกดทุกคนที่เธอได้พบเห็น ในการเป็นกุญแจลึกลับในการเปิดประตู เพื่อนำทุกคนเดินทางสู่โลกแฟนตาซี ของความสง่างามเหนือธรรมชาติ และอัตลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แม้เธอจะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เห็นเธอ หรือเธอจะเป็นหมอดูผู้กำลังทำนายอนาคตอยู่หรือเปล่า? หรือเธอจะเป็นพนักงานคาสิโนที่กำลังแจกจ่ายไพ่? หรือเธอคือนักมายากลจักกลิ้งในละครสัตว์ ที่กำลังโยนบอลสะกดใส่ทุกคนรอบตัวเธอกัน?
เพราะ Vivienne จะแสดงเวลาด้วยความขี้เล่นแสนซนของเธอตามสไตล์ LOUIS VUITTON โดยหน่วยเวลาชั่วโมงจะเปลี่ยนไปในมือของเธอ ในขณะที่เครื่องรางแห่งเวทย์จะลอยวนรอบตัวเธอเพื่อแสดงนาทีที่ผ่านไป เพราะนี่คือโลกของ Vivienne และเวลาของทุกคนจะอยู่ในมือเธอ แล้วจะเล่นตามเกมของเธอหรือไม่? จากการที่นาฬิกา LOUIS VUITTON Tambour Slim Vivienne Jumping Hour อันสุดอัศจรรย์ทั้ง 3 แบบต่างผ่านการตกแต่งอย่างงดงามด้วยมือ ทั้งในแบบตัวเรือนไวท์โกลด์ พิ๊งค์โกลด์ หรือเยลโลว์โกลด์ ที่มาพร้อมเม็ดมะยมประดับด้วยเพชรหนึ่งเม็ดเจียระไนทรงเหลี่ยมกุหลาบ ที่ทั้งหมดนี้รวมหล่อหลอมเป็นนาฬิกา Tambour Slim Vivienne Jumping Hour นาฬิกาคอลเลคชั่นสุดล้ำล่าสุดจาก LOUIS VUITTON
สำหรับในรุ่นตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์ Vivienne จะแปลงโฉมเป็นหมอดู โดยมีพื้นของหน้าปัดประดับอเวนเจอรีนสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งชวนให้นึกถึงท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ส่วนรุ่นตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ Vivienne จะรับบทเป็นพนักงานคาสิโน บนหน้าปัดที่ประดับด้วยสการ์น ซึ่งเป็นแร่ที่ไม่ค่อยได้เห็นใครนำมาใช้ในศิลปะการผลิตนาฬิกา และโดดเด่นในเฉดสีเขียวสะกดใจเหมือนโต๊ะคาสิโน สุดท้ายกับตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับมุกสีขาวนวลระเรื่อ ไฮไลท์รูปโฉมสุดอัศจรรย์ของ Vivienne ซึ่งแต่งตัวเป็นนักมายากลในละครสัตว์ โดยทุกรุ่นจะทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์สุดล้ำ ที่พัฒนาและผลิตโดย La Fabrique du Temps โรงงานซึ่งเชี่ยวชาญการผลิตกลไกของ LOUIS VUITTON ที่ตั้งอยู่ในเจนีวา
แล้วจะดูเวลาอย่างไรน่ะหรือ? อย่าได้ถาม Vivienne เพราะเธอจะปิดปากสนิท และดวงตาของเธอซึ่งประดับเพชรสีดำในรุ่น Fortune, กรีนซาวอไรต์ในรุ่น Casino และบลูแซฟไฟร์ในรุ่น Circus จะเปล่งประกายความฉลาดแต่จะไม่ได้เผยความนัยอะไรให้รู้ และอย่าได้คิดที่จะดูเข็มเหมือนนาฬิกาปกติทั่วไป แต่ให้ดูที่มือของ Vivienne แทนเพราะสเน่ห์เล่ห์กลของนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้จะอยู่ที่ปลายนิ้วของวิเวียน จากการที่บนหน้าปัดจะมีช่องหน้าต่างสองช่อง ซึ่งจะทำหน้าที่สลับกันแสดงเวลาชั่วโมง โดยถูกซ่อนไว้ภายใต้การดีไซน์หน้าปัด ซึ่งต่างกันไปในแต่ละรุ่น และหากอยากเห็นการแสดงมายากลศาสตร์นี้ ก็ให้จับจ้องไปที่ช่องหน้าต่างที่ปลายมือของ Vivienne ที่จะชี้อยู่ในทุกๆ 60 นาที เพื่ออ่านตัวเลขที่บ่งบอกชั่วโมง ที่จะเปลี่ยนแบบทันท่วงทีราวกับการกระโดด
ซึ่งเป็นที่มาของชื่อฟังก์ชั่นจั๊มป์ปิ้ง-อาวร์ (jumping hour) โดยสลับกันไปมาระหว่างสองช่องหน้าต่าง ที่ติดตั้งอยู่ที่ปลายมือของ Vivienne ในขณะที่แสดงเวลาชั่วโมงใหม่ หน้าต่างอีกช่องที่แสดงเวลาชั่วโมงก่อนหน้านั้น ก็จะเปลี่ยนเป็นลวดลายที่ตกแต่งตามธีมของนาฬิกาในแต่ละรุ่น ที่นับเป็นครั้งแรกในโลกนาฬิกาสมัยใหม่ ที่มีการใช้การแสดงเวลาแบบจั๊มป์ปิ้ง-อาวร์ ด้วยหน้าต่างสองช่องสลับกันไปมาในนาฬิกาข้อมือ ส่วนการแสดงเวลานาทีนั้น จะใช้ไม้แวนด์ขนาดเล็กซึ่งแทบมองไม่เห็น และยื่นออกมาจากหัวใจของวิเวียน โดยจะหมุนวนไปรอบหน้าปัดทุกชั่วโมง ซึ่งปลายไม้จะประดับไพ่ทาโรต์ในรุ่น Fortune, ไพ่ในรุ่น Casino และลูกบอลโมโนแกรมฟลาวเวอร์ในรุ่น Circus เพื่อให้เข้ากับโลกแห่งเวทมนต์ของ Vivienne
แต่เบื้องหลังเวทมนต์นี้ ว่ากันว่าถ้าเผยเบื้องหลังกลเกมมายากล ก็อาจทำให้กลนั้นหมดเวทมนต์ได้ แต่จะไม่ใช่เช่นนั้นสำหรับ Tambour Slim Vivienne Jumping Hour แถมการได้ล่วงรู้ความลับหลังม่าน ยังทำให้สามารถชื่นชมและเข้าใจในพลังความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งองค์ความรู้ด้านกลไกอินเฮ้าส์จาก La Fabrique du Temps มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งนาฬิกา Tambour Slim Vivienne Jumping Hour ทั้งสามรุ่นจะใช้กางเขนเจนีวาที่มีหลายแขน หรือที่เรียกว่ามัลทิสครอส (Maltese Cross) ผนวกเข้ากับมัลติ-ลีเวอร์แคม (multi-lever cam) พร้อมลูกบอลทับทิมสังเคราะห์ในการแสดงชั่วโมงสุดล้ำ ที่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าระบบเก่าซึ่งใช้วีลและจั๊มเปอร์สปริง โดยเฉพาะในเรื่องของประสิทธิภาพการส่งพลังงาน เพื่อความแม่นยำในการแสดงเวลาและในการเปลี่ยนชั่วโมงแบบทันที
กล่าวอีกอย่างก็คือดิสเพลย์แบบจั๊มป์ปิ้ง-อาวร์ของ LOUIS VUITTON Tambour Slim Vivienne Jumping Hour อาจดูขัดกับองค์ความรู้ที่สืบต่อกันมาของโลกนาฬิกา ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายมากกว่าความซับซ้อน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าระบบนี้มีความยอดเยี่ยมในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นาฬิกาที่งดงาม และไร้ที่ติในด้านกลไกการทำงาน ผนวกเข้ากับศิลปะบนหน้าปัดนาฬิกาที่ LOUIS VUITTON สั่งสมความเชี่ยวชาญในทักษะชั้นสูงอันเก่าแก่มาเป็นเวลานานนับศตวรรษ ซึ่งด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจหากนาฬิกา LOUIS VUITTON Tambour Slim Vivienne Jumping Hour จะใช้เทคนิคและการตกแต่งอันหลากหลาย เพื่อให้ Vivienne และโลกของเธอเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
การเขียนภาพขนาดเล็กหรือจุลจิตรกรรมด้วยมือ ซึ่งนำมาใช้ในนาฬิกาของ LOUIS VUITTON เป็นครั้งแรกในปี 2014 ในนาฬิการุ่น Escale Worldtime ได้ถูกนำมาใช้สร้างเวทมนตร์ลวงตาของ Vivienne ทั้งไพ่ทาโรต์, ไพ่โมโนแกรมฟลาวเวอร์ และตัวเลขที่ล้วนแล้วแต่ลงสีโดยศิลปินในเวิร์กช็อปของ LOUIS VUITTON ในเจนีวา โดยหน้าปัดของ Tambour Slim Vivienne Jumping Hour ซึ่งประดับด้วยเพชรล้ำค่า ล้วนแต่สร้างสรรค์จากวัสดุตกแต่งล้ำค่า และเป็นที่รู้จักกันดีอย่างอเวนเจอรีนและมุกรวมไปถึงสการ์น (Skarn) อัญมณีชนิดใหม่สำหรับใช้เพื่อการตกแต่งซึ่งขุดค้นได้จากประเทศปากีสถาน ซึ่งรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าซานนาน (Sannan) ซึ่งเฉดสีเขียวเข้มของอัญมณีชนิดนี้เกิดขึ้นจากโครเมียม ส่วนเท็กซ์เจอร์นั้นมาจากการก่อตัวใต้ผืนโลกนานนับล้านๆ ปี
ดังนั้นไม่ว่าจะมองจากมิติไหน LOUIS VUITTON Tambour Slim Vivienne Jumping Hour ก็จะนำพาทุกคนก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ พร้อมการเลือกใช้ศิลปะตกแต่งพิเศษแบบต่างๆ จากเมซง ก็จะช่วยให้โลกเหล่านี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้จริงภายในตัวเรือนนาฬิกาขนาด 38 มิลลิเมตรที่อยู่บนข้อมือได้อย่างงดงามเป็นที่สุด