Kodo Constant-force Tourbillon by GRAND SEIKO, Part I
เรือนเวลา Kodo นาฬิกาแบบไฮคอมพลิเคชั่นรุ่นแรกจาก GRAND SEIKO ที่รวมกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซ และตูร์บิยอง เข้าเป็นหนึ่งบนแกนเดียวกัน ครั้งแรกในประวัติศาสตร์การประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาโลก พร้อมการทำงานของกลไกแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์ เพื่อรวมกันสร้างจังหวะหัวใจที่ไม่เหมือนใครให้กับแบรนด์ กับช่วงเวลาที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ 62 ปีของ GRAND SEIKO พร้อมการนำเสนอ GRAND SEKO Kodo Constant-force Tourbillon กับนวัตกรรมกลไกรูปแบบเฉพาะตัวที่มอบความเที่ยงตรง ด้วยเสถียรภาพระดับสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเรือนเวลาจากแบรนด์
เรือนเวลารุ่นนี้มีชื่อว่า Kodo ซึ่งเป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึงการเต้นของหัวใจ ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของการทำงาน และเสียงการทำงานของกลไกที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เรือนเวลาระดับปฏิวัติวงการรุ่นนี้ จึงแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวาทั้งทางเสียงและรูปลักษณ์ ด้วยดีไซน์แบบโอเพน-เวิร์ค และฝาหลังกรุกระจกแซพไฟร์ ที่เผยให้เห็นความงดงามของกลไกอย่างชัดเจน พร้อมสิ่งโดดเด่นที่สุดของเรือนเวลารุ่นนี้ก็คือ การรวมกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซ ซึ่งมอบแรงขับเคลื่อนอย่างคงที่ และกลไกตูร์บิยองซึ่งมอบความเที่ยงตรงในระดับสูงสุดเข้าไว้ด้วยกัน ในดีไซน์ที่สอดคล้องควรคู่กับ GRAND SEIKO ผู้นำอัจฉริยภาพทางเทคนิคในเรือนเวลาที่งามสง่าและเหมาะกับการสวมใส่เป็นอย่างยิ่ง
โดยปี 2020 เป็นปีที่ GRAND SEIKO ได้แนะนำ “T0 Constant-force Tourbillon” นาฬิกาในรูปแบบคอนเซ็ปท์ซึ่งมาพร้อมกับกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซ ตูร์บิยองที่ทาง GRAND SEIKO ได้จดสิทธิบัตรไว้แล้ว โดยการนำรูปแบบของกลไกชุดนี้มาสู่การใช้งาน ในนาฬิกาที่ผลิตออกจำหน่ายจริงนั้นต้องใช้ความทุ่มเทอย่างสูง ของคณะทำงานซึ่งประกอบด้วย นักออกแบบ วิศวกร ไปจนถึงช่างฝีมือที่ได้รับความไว้วางใจ ให้ทำการประกอบและตกแต่งกลไกและตัวเรือน ซึ่งแต่ละชิ้นของส่วนประกอบ 340 ชิ้นในคาลิเบอร์ต้นแบบ จะถูกตรวจสอบและทบทวนอีกครั้ง โดยบางชิ้นก็จำเป็นต้องออกแบบและสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับการผลิตขึ้นเพื่อใช้งานในนาฬิกาที่จะออกจำหน่ายจริง
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือกลไกคาลิเบอร์ 9ST1 ที่ไม่เพียงแต่มีขนาดที่เล็กกว่ากลไกชุดเดิมที่เป็นชุดต้นแบบ แต่ระบบคอนสแตนท์-ฟอร์ซของกลไกคาลิเบอร์ 9ST1 ยังสามารถคงเสถียรภาพของความเที่ยงตรงระดับสูงไว้ได้ ในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้กำหนดมาตรฐานใหม่ของความเที่ยงตรงแม่นยำขึ้นมา โดยกลไกคาลิเบอร์ 9ST1 แต่ละชุดจะต้องได้รับการทดสอบเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมงเต็มในแต่ละตำแหน่งของ 6 ตำแหน่งและใน 3 ระดับอุณหภูมิ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเป็น 2 เท่าของมาตรฐานนาฬิกาเดิมจาก GRAND SEIKO รวมทั้งมาตรฐานของอุตสาหกรรมนาฬิกา และการประเมินเพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงของกลไกแต่ละชุดจะต้องใช้เวลานานถึง 34 วัน
และเมื่อผ่านการทดสอบตามมาตรฐานใหม่นี้แล้ว ประสิทธิภาพการทำงานของกลไกแต่ละชุดไม่ว่าจะเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน หรือยอดเยี่ยมกว่ามาตรฐานก็จะถูกระบุไว้ในเอกสารรับรอง ของกลไกแต่ละชุดที่มอบมาให้กับนาฬิกาในแต่ละเรือนอีกด้วย ทั้งนี้อาจนับได้ว่าจากจุดเริ่มต้นของโครงการตั้งแต่แนวคิด จนบรรลุผลสำเร็จเป็นเรือนเวลา Kodo โดยสมบูรณ์นี้ ต้องใช้ทักษะ ความทุ่มเท และการทำงานอย่างหนัก เป็นเวลายาวนานถึง 10 ปีเต็ม เพื่อให้ได้นวัตกรรมแห่งความแม่นยำ ความงดงาม และเสียงการทำงานของกลไก อันเป็นรายละเอียดเล็กน้อยแต่สำคัญสำหรับนาฬิกาจาก GRAND SEIKO
ซึ่งกลไกคาลิเบอร์ 9ST1 จะมีความซับซ้อนในด้านวิศวกรรมและการออกแบบ แต่สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก โดยการรวมกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซและกลไกตูร์บิยอง จะทำให้ไม่ต้องมีจักรหรือส่วนประกอบอื่นใดระหว่าง 2 กลไกนี้ จึงไม่มีการสูญเสียหรือเปลี่ยนแปลงแรงบิดที่ส่งจากกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซไปสู่จักรกลอก และยังส่งผลให้กลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซ มีแรงขับเคลื่อนที่คงที่ได้นานขึ้นในระยะเวลาถึง 50 ชั่วโมง พร้อมกับยังทำให้ระยะแกว่งตัวของจักรกลอกมีความเสถียรยิ่งขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยลดขนาดของชุดกลไกให้เล็กลงได้ จึงทำให้สามารถนำมาใช้กับความงดงามตามแบบฉบับของ GRAND SEIKO ได้เป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็คือการมอบความโดดเด่นและความสบายบนข้อมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กรงตูร์บิยองที่อยู่ภายในจะเคลื่อนหมุนรอบตัวเองอย่างราบรื่น โดยมีจักรกลอกแกว่งขยับอย่างต่อเนื่องด้วยความถี่ 8 ครั้งต่อวินาที ในขณะที่กรงคอนสแตนท์-ฟอร์ซจะเคลื่อนหมุนที่จังหวะละ 1 วินาที พร้อมเสียงการปล่อยจักรและแรงกระตุ้น 1 ครั้งต่อวินาทีของกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซ จะประสานกับจังหวะของภาพที่ปรากฏ และสร้างลักษณะดุจการเต้นของหัวใจที่น่าประทับใจยิ่งสู่สายตาและโสตสัมผัส ซึ่งเสียงเสน่ห์ที่ทรงพลังแต่อ่อนโยนนี้ถูกปรับตั้งให้เป็นเสียงโน้ตตัวที่ 16 หรือเซมิ-ควอฟเวอร์ ซึ่งสามารถทำได้เพราะกลไกคาลิเบอร์ 9ST1 เป็นกลไกชุดที่มีความถี่ในการทำงานที่สูงที่สุด ในบรรดากลไกนาฬิกาที่มีกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซอยู่ เท่าที่เคยถูกสร้างขึ้นมาในประวัติศาสตร์วงการนาฬิกาโลก
