CARTIER at Watches and Wonder, Geneva 2022
CARTIER เผยโฉมคอลเลคชั่นเรือนเวลาประจำปี 2022 ในงาน Watches & Wonders งานแสดงนาฬิกาอันยิ่งใหญ่ ณ เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีแนวคิดที่ว่า “สำหรับ CARTIER ความสำคัญของเวลามิใช่มาตราในการวัด หากแต่คือการเลือกที่จะใช้ทุกช่วงเวลาอย่างมีความหมาย” โดยมีการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่มากมายตั้งแต่
Tank ที่สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี 1917 และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งในปีนี้ Tank Louis CARTIER มาพร้อมความสง่างามที่เหนือกว่า ด้วยหน้าปัดแบบโมโนโครมในเฉดสีแดง อันเป็นสีสัญลักษณ์ของ CARTIER และสีเทาแอนทราไซท์ เฉดสีเฉพาะจากแผนกเรือนเวลาประจำเมซง นอกจากนี้ยังเพื่อเผยความโก้หรูกว่าเคยดังนั้นเรือนเวลา Tank Louis CARTIER รุ่นที่สาม จึงถูกแต่งแต้มหน้าปัดด้วยสีดำสนิท ตัดกับตัวเรือนสีทองเป็นประกาย
และในปีนี้ Pasha de CARTIER Grille ก็กลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง ด้วยดีไซน์อันทรงพลังผ่านลายเส้นกราฟิกสี่เหลี่ยมตะแกรง ซึ่งครอบบริเวณหน้าปัดวงกลม โดยสามารถถอดออกได้เมื่อต้องการ รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติต่อเรือนเวลา Pasha de CARTIER ชิ้นแรก ที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสุลต่านแห่งมาร์ราเคชในปี 1943 โดยขับเน้นรูปทรงกราฟิกโดยรวมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ร่วมไปกับตัวเลขอารบิกขนาดใหญ่สี่ตัวที่เห็นได้อย่างเด่นชัด
นาฬิกา CARTIER มีการเติมเต็มคอลเลคชั่น Santos-Dumont ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยนาฬิกาในแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น 3 รุ่น โดยมีให้เลือก 3 คู่สี ได้แก่ สีแดงเบอร์กันดีพร้อมตัวเรือนแพลทินัม สีเบจพร้อมตัวเรือนโรสโกลด์ และสีดำพร้อมตัวเรือนสตีล ซึ่งทั้งสามโมเดลจะรังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคแลคเกอร์ ก่อนจะถูกขัดให้แวววาวเรียบเนียนด้วยมือ ซึ่งช่วยผสานให้ทุกองค์ประกอบของเรือนเวลายิ่งเปล่งประกายความโดดเด่นและสร้างมิติที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้น
Panthère de CARTIER คือเครื่องประดับบอกเวลาซึ่งใช้ชื่อเดียวกันกับกำไลข้อมือชิ้นไอคอนิคประจำเมซง โดยบริเวณสายนาฬิกาจะประกอบขึ้นจากข้อต่อทรงโค้ง ที่มีความเงาแวววาวและยืดหยุ่นขนาบไปกับข้อมือของผู้สวมใส่ ซึ่งในปีนี้มีการแนะนำ Panthère de CARTIER ในอีก 4 รุ่นใหม่ในตัวเรือนโรสโกลด์, เยลโลโกลด์ และสตีล ที่มาพร้อมหน้าปัดพื้นผิวซาตินเรียบหรู 4 สีทั้งโกลด์เด้นพลัม, มิดไนท์บลู, สีทอง และสีดำ
Coussin de Cartier ในปี 2022 นี้มากับรูปทรงหมอนอิงสุดคลาสสิกซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหลัก โดยรังสรรค์ขึ้นเพื่องานกาล่ายามค่ำคืน มาพร้อมตัวเรือนไวท์โกลด์ประดับเพชรและประดับอัญมณีสองสี รวมไปถึงแบบอัญมณีหลากสีที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังมีความพิเศษในด้านการออกแบบที่ล้ำสมัย โดยมีตั้งแต่การนำเทคนิคการฝังอัญมณีแบบกลับด้านมาใช้ ไปจนถึงการฝังเพชรบนตัวเรือนตาข่ายทองคำที่มีพื้นสัมผัสนิ่มและขยับเคลื่อนไหวได้ ซึ่งต้องอาศัยทั้งความประณีตและความชำนาญของบรรดาช่างฝีมือชั้นครู
ส่วนคอลเลคชั่น CARTIER Libre จะมีแรงบันดาลใจมาจากกำไลอัญมณีและเพชรที่รังสรรค์ขึ้นในยุค 1930 ซึ่งสวมใส่โดยนักแสดงสาว Gloria Swanson ซึ่งนับเป็นเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์เสรีตามแบบฉบับของ CARTIER โดยเรือนเวลาชั้นสูงประดับอัญมณีชิ้นนี้สามารถสวมใส่ได้สองแบบ โดยการกลับด้านด้วยสายอิลาสติกอันยืดหยุ่น ซึ่งด้านหน้าจะเป็นนาฬิกาแต่เมื่อพลิกด้านหลังจะกลายเป็นกำไลข้อมืออันโดดเด่น
Crash, Metier’s d’Art ในคอลเลคชั่น Crash อันเลื่องชื่อที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 1967 ใจกลางยุคเฟื่องฟูทางศิลปะ โดยนาฬิกาเรือนล่าสุดนี้ถือเป็นศิลปะการสร้างสรรค์เครื่องประดับ ผสานกับเทคนิคการลงยาชั้นสูง และการคัดสรรเฉดสีฟ้าและเขียว อันเป็นองค์ประกอบสีที่เป็นอัตลักษณ์ของ CARTIER โดยนาฬิการุ่นนี้จะผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัด พร้อมเลขกำกับในแต่ละเรือนรวมจำนวนเพียง 50 เรือนทั่วโลก
CARTIER Privé นำเสนอและเผยโฉมเรือนเวลาชิ้นไอคอนิค เพื่อฉลองให้กับเหล่านักสะสมโดยถือเป็นการรวบรวมผลงานในรุ่นที่ผลิตเพียงจำนวนจำกัดและหายาก ต่อจากเรือนเวลารุ่น Crash, Tank Cintré, Tonneau, Tank Asymétrique และ Cloche CARTIER กับ Tank Chinoise ที่จะเป็นบทที่ 6 ของคอลเลคชั่น CARTIER Privé ประจำปีนี้เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีจากศิลปะและวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของประเทศจีน มาพร้อมตัวเรือนทองคำและหน้าปัดลายกราฟฟิก ที่เผยให้เห็นกลไกเปลือยแบบสเกเลตันภายในกรอบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าบริเวณใจกลางหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง
สุดท้ายกับ Masse Mystérieuse ปริศนาล่าสุดแห่งศิลปะการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงจาก CARTIER ซึ่งรังสรรค์โดยแหล่งผลิตเรือนเวลาชั้นสูงประจำเมซง พร้อมกลไกเปลือยภายในทรงครึ่งวงกลมที่ทำหน้าที่เป็นโรเตอร์ และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจากเข็มนาฬิกา พร้อมทั้งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน จากงานวิจัย, ออกแบบ และพัฒนาเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว