Golden Boy from The Unnamed Society by L’EPÉE
Golden Boy เป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะระดับไฮเปอร์เอ็กซ์คลูซีฟคลาส ซึ่งกำหนดนิยามใหม่ของศิลปะ พร้อมการยกระดับความคิดสร้างสรรค์ สุนทรียศาสตร์ และงานฝีมือสู่ระดับสูงสุด โดยถือเป็นผลงานศิลปะในรูปแบบ และฟังก์ชันที่เพิ่มมิติใหม่ให้กับเรื่องราว ที่น่าหลงใหลจากแรงบันดาลใจที่มี จากการนำปืนไรเฟิลแอคชั่นคันโยก อันมีเอกลักษณ์ในตำนาน กลับมาจินตนาการใหม่ในรูปแบบของนาฬิกา โดยยังคงกลไกการโหลดและขึ้นนกในรูปแบบดั้งเดิมไว้ เพื่อใช้สำหรับการไขลานกลไกรวมถึงการตั้งเวลา ซึ่งงานฝีมือชิ้นนี้จะกระตุ้นความฝันในวัยเด็ก ที่ช่วยหล่อหลอมความคิดมาถึงในยุคปัจจุบัน โดยสามารถแสดงผลได้ทั้งบนโต๊ะ บนหิ้ง หรือแม้บนฝาผนัง ในรูปแบบที่นาฬิกาทั่วไปไม่อาจมีได้ Golden Boy จะไม่เพียงแค่แสดงค่าเวลา แต่ยังเปิดจินตนาการและพาไปยังที่ที่วัวเคยเดินเตร่ และชายหญิงผู้กล้าหาญได้บุกเข้าไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก ยืนหยัด และช่วยกันสร้างโลกใหม่จากความร่วมมือกันระหว่าง The Unnamed Society และ L’EPÉE 1839 ที่ช่วยกันเปิดหน้าประวัติศาสตร์กับการสร้างสรรค์อันน่าทึ่ง สำหรับผู้ที่เข้าถึงและชื่นชอบงานศิลปะที่ประณีต รวมถึงสำหรับนักสะสมที่มีวิสัยทัศน์ ที่ไม่ได้มองเพียงแค่ความงาม วิศวกรรม และความเป็นเลิศด้านงานฝีมือเท่านั้น แต่เห็นถึงตัวตนในยุคนั้น ที่เป็นยุคหนึ่งในวิวัฒนาการของมนุษย์ ที่เป็นตัวอย่างของความกล้าหาญ ความยืดหยุ่น และความเพียรพยายาม
ตำนานแห่งชัยชนะของดินแดนตะวันตก กับชื่อเล่นของวินเชสเตอร์ไรเฟิล ที่ยังคงเป็นหนึ่งในอาวุธปืนที่โดดเด่นที่สุดตลอดกาล และถูกใช้โดยทั้งผู้รักษากฎหมายและนอกกฎหมาย โดยปืนไรเฟิลได้ทำหน้าที่ต่อสู้ในตำนานระหว่างผู้รักษาสันติภาพและโจรได้อย่างลงตัว ได้รับความนิยมในบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายเช่น Billy the Kid, Butch Cassidy และ Buffalo Bill ที่ต่างก็กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 1866 ณ ประเทศที่กว้างใหญ่และความปรารถนา รวมถึงความมุ่งมั่นในตนเอง กับดินแดนที่ไม่รู้จักซึ่งก็หมายถึงอันตรายที่ไม่รู้จักเช่นกัน ดังนั้นทางที่ดีจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งก็คือการเป็นเจ้าของปืนด้วย ดังนั้นบรรดาผู้ที่เป็นเจ้าของวินเชสเตอร์ไรเฟิล จึงได้รับการกล่าวขานว่าเตรียมพร้อมดีกว่าคนอื่นๆ ซึ่งสิ่งที่ชาวอินเดียนแดงกระทำเมื่อพวกเขาเห็น โลหะผสมสีทองเหลืองเงาแวววาว พวกเขาก็จะเปลี่ยนสินค้ามากมายเพื่อรับ 'แท่งไฟ' เหล่านี้มาเป็นของตน ซึ่งทำให้พวกเขาเท่าเทียมกันกับผู้ที่อาจมาบุกรุกอาณาเขตของตน อย่างที่นักประวัติศาสตร์ต่างเห็นพ้องกันว่า ชัยชนะของชาวอินเดียนแดงที่ลิตเติลบิ๊กฮอร์นในปี 1876 ซึ่งนับเป็นการต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะนักรบภายใต้การบัญชาการของ Sitting Bull ใช้ปืนไรเฟิลชนิดนี้ที่มีความสามารถในการบรรจุกระสุนได้รวดเร็ว และสามารถยิงได้อย่างแม่นยำแม้กระทั่งขณะควบม้าที่วิ่งอยู่
Golden Boy มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับปืนไรเฟิลดั้งเดิม พร้อมให้ความรู้สึกในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นการถือครองความเป็นตำนาน ในยุคอันน่าทึ่งที่กำหนดความเป็นชาติ และจุดประกายจินตนาการของผู้คนในหลายชั่วอายุ ที่ถือกำเนิดในช่วงเวลาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสมือนการเอ่ยคำว่า 'กาลครั้งหนึ่ง...' ที่จะยังคงดังก้องอยู่ใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ขณะเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ หรือท่ามกลางสายลมที่พัดโชยเมื่อคุณนั่งข้างฝูงวัวกระทิง ที่กำลังลากเกวียนอยู่ โดย Arnaud Nicolas ซีอีโอของ L'EPÉE กล่าวว่า "Golden Boy เป็นการงานวิศวกรรมที่ก้าวข้ามไปสู่งานศิลปะอย่างแท้จริงตามดีเอ็นเอของ The Unnamed Society” ที่เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างสุนทรียศาสตร์ วิศวกรรม และงานฝีมือ โดยย้อนคิดไปถึงช่วงอายุในวัยเด็ก เมื่อได้เล่นบทบาทต่างๆ ที่กำหนดชัยชนะของตะวันตกเช่น คาวบอย ทหารอินเดียนแดง หรือผู้มาตั้งถิ่นฐานใหม่ ดังนั้นการได้เห็น Golden Boy วางตัวอยู่บนโต๊ะ บนหิ้ง บนฝาผนัง หรือที่ใดก็ตามในห้อง Golden Boy ก็จะกลายเป็นมากกว่าภาพวาดที่ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวแต่เป็นหลายพันเรื่อง กับโทนสีสันของวัสดุที่มีให้เลือกได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีสตีล เยลโลว์โกลด์ โรสโกลด์ หรือไวท์โกลด์ รวมทั้งแพลลาเดียม จากความคิดสร้างสรรค์ของ The Unnamed Society ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์สิ่งที่พิเศษขึ้นมาโดยตลอด
ซึ่งมาจากแนวคิดของ The Unnamed Society ในการสร้างไอเท็มพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ให้ประสบการณ์เหนือกว่าซึ่งนั่นก็คือ “การสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ที่ท้าทายจินตนาการ” และเป็นคำขวัญของ The Unnamed Society จากการวัดที่คุณภาพอันแท้จริง รวมทั้งความซับซ้อน และความพิเศษเฉพาะตัวอย่าง เมื่อทุกสิ่งสามารถบรรลุได้ เมื่อความปรารถนาทางโลกใดๆ ที่เป็นไปได้อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ดังนั้นความหมายของความปรารถนาเหล่านี้ จะนำไปสู่แนวคิดระดับใหม่ที่สูงขึ้นสำหรับผู้คน โดยผลงานชิ้นต่างๆ นี้จะเป็นความเซอร์ไพรส์ที่ไม่ธรรมดา ที่ไม่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปทั้งทางสายตาและจิตวิญญาณ สำหรับผู้คนที่พิเศษกว่าเท่านั้น