TAG Heuer, The Return of the Night Diver
หลังจากการเปิดตัวของนาฬิกาในตระกูล Aquaracer Professional 300 จากงาน Watches and Wonders 2021 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา TAG Heuer ก็ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น Aquaracer Professional 300 โฉมใหม่เพิ่มถึงสามรุ่น พร้อมต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของนาฬิการุ่นAquaracer Professional 300 Night Diver สีดำสนิท ในชื่อ “Night Diver” ซึ่งเป็นชื่อที่รู้จักกันดีในหมู่แฟนนาฬิกา TAG Heuer ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ 1980 และกลายเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้สวมใส่นาฬิกาสายแอคทีฟที่ใส่ใจแฟชั่น แบะรักการผจญภัยในธรรมชาติ รวมทั้งชอบความท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง
โดยเหล่าทีมนักออกแบบและวิศวกร ได้ทำงานร่วมกันเพื่อนำ TAG Heuer Aquaracer Professional 300 นาฬิการะดับไอคอนนิคอันเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนมาปัดฝุ่นอีกครั้ง นำไปสู่การพัฒนารูปแบบที่ยังคงรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ อย่างขอบหน้าปัดรูปทรงสิบสองเหลี่ยม และลายเส้นสลักเป็นแนวขวางบนหน้าปัด เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาโมเดิร์นคลาสสิคที่มีความประณีตและใช้ได้หลากหลายโอกาส พร้อมการผสาน 3 พลัง กับ 3 รุ่นใหม่ จาก TAG Heuer Aquaracer Professional 300 โดยจะเป็นนาฬิกาในคอลเลคชั่นหลัก มาพร้อมตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตร ผลิตจากสตีลและสายยางที่สามารถปรับความยาวจากบานพับได้
สำหรับรุ่นสีดำและสีน้ำเงินที่เปิดตัวในงาน Watches and Wonders 2021 นั้น มาพร้อมสายยางสีเดียวกันที่แมทซ์เข้าชุดกับสีของหน้าปัด และขอบหน้าปัดเซรามิคได้อย่างลงตัว แต่รุ่นที่โดดเด่นที่สุด คงหนีไม่พ้นนาฬิการุ่น “Night Diver” ที่ถูกรังสรรค์มาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิกาใน Ref. 844 โดยตัวเรือนสตีล เม็ดมะยม ฝาหลัง และบานพับ จะเคลือบแบบดีแอลซีสีดำด้านสนิท ซึ่งเป็นการเคลือบพื้นผิวที่มีประสิทธิภาพสูง และมีความทนทานต่อทุกสภาวะที่ท้าทาย นอกจากนี้ยังมาพร้อมขอบหน้าปัดที่ผลิตจากเซรามิคสีดำที่มีความทนทานสูง และใช้งานง่ายในทุกสภาวะการใช้งาน
คุณสมบัติเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Night Diver คือการเคลือบหน้าปัดด้วยสารซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® ที่ทำให้หน้าปัดสามารถเรืองแสงในที่มืดอย่างสวยงาม เพิ่มความมั่นใจให้ผู้สวมใส่แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย รวมทั้งเข็มนาทีและเข็มวินาทีถูกออกแบบให้ส่องแสงสีฟ้า ตัดกับพื้นหลังหน้าปัดที่สะท้อนแสงสีเขียว โดยหลักชั่วโมงทรงแปดเหลี่ยมนอกเหนือจากตำแหน่ง 12 3 6 และ 9 นาฬิกา จะเคลือบเป็นสีดำสนิท นอกจากนี้ รูปทรงสามเหลี่ยมบนตัวขอบเบเซิล ซึ่งหมุนได้ทิศทางเดียวที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาก็จะส่องแสงสีฟ้าแมทซ์กับเข็มนาทีและเข็มวินาทีอีกด้วย เพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถจับเวลาดำน้ำได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
ยืดหยุ่นทุกสถานการณ์ด้วยบานพับที่ปรับระดับได้ ซึ่ง TAG Heuer Aquaracer Professional 300 รุ่นใหม่ทั้งหมดจะมาพร้อมสายยางและบานพับแบบปรับได้ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ โดยสายนาฬิกาจะตัดโดยผู้เชี่ยวชาญให้พอดีกับขนาดข้อมือของผู้สวมใส่ ณ ช็อป TAG Heuer ทุกสาขา เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถปรับสายนาฬิกาได้อย่างอิสระยามสวมใส่ชุดดำน้ำ หรือเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่ทำให้ข้อมือขยายหรือหดตัว ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้ดำน้ำ
กลไกนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดยวิศวกรของ TAG Heuer เพื่อส่งมอบประสิทธิภาพที่ดีที่สุดให้แก่ผู้สวมใส่ เพราะความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถปรับได้อย่างละเอียดเพียงการกดและสไลด์ปุ่มบริเวณด้านข้างบานพับ นอกจากนี้ตัวบานพับยังมีปุ่มกดเพื่อความปลอดภัยแบบสองชั้น ที่ช่วยป้องกันการปลดล็อกโดยบังเอิญได้อีกด้วย ประสบการณ์การการใช้งานเหนือระดับคือสิ่งที่ตอกย้ำจุดยืนของนาฬิกาสุดหรูจากตระกูล Aquaracer Professional 300 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อการดำน้ำโดยเฉพาะ ที่ถือเป็นงานที่ TAG Heuer ให้ความใส่ใจทุกรายละเอียดอย่างไร้ที่ติ
เช่นเดียวกับนาฬิกาอีกแปดรุ่นในตระกูลที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ นาฬิกาโฉมใหม่ทั้งสามรุ่นนี้ยังได้หยิบยกคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาดำน้ำ TAG Heuer ตั้งแต่ปี 1983 มาสืบทอดต่ออีกด้วยได้แก่ ขอบเบเซิลที่หมุนได้ทิศทางเดียว เม็ดมะยมแบบขันเกลียวแน่น ความสามารถในการกันน้ำได้อย่างน้อย 200 เมตร หลักชั่วโมงแบบเรืองแสง กระจกแซฟไฟร์ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน และบานพับพร้อมชุดล็อคนิรภัยสองชั้น ซึ่งฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริงเหล่านี้ คือหัวใจสำคัญของการออกแบบที่สร้างความมั่นใจ แก่นักสำรวจใต้น้ำมาอย่างยาวนานเกือบสี่ทศวรรษ
นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยดีเทลที่ช่วยเสริมความรู้สึกหรูหรา และประสิทธิภาพการใช้งานในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นขอบเบเซิลทั้ง 12 ด้านที่เจียระไนเพื่อความงดงามสูงสุด เม็ดมะยมที่ได้รับการป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อมภายนอก รวมถึงไซคลอปส์หน้าต่างวันที่ซึ่งประกบไว้ด้านล่างของกระจกคแซฟไฟร์ เพื่อความเรียบเนียนยามสัมผัส ซึ่งดีเทลทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดเหนือหน้าปัดที่สลักเส้นลายขวาง ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ TAG Heuer และขัดเกลาให้เข้ากับนาฬิกายุคใหม่มากขึ้น ซึ่งมีความแตกต่างจาก TAG Heuer Aquaracer รุ่นก่อนเล็กน้อย ช่วยอัพเลเวลความสง่างามและความภูมิฐานขึ้นไปอีกขั้น