TAG Heuer Aquaracer Professional 300: Beyond the Edge
เราดำดิ่งลึกลงไปกว่าที่เคยสู่ จักรวาลของแบรนด์ในการทดสอบที่ก้าวล้ำ ผ่านกระบวนการทำงานที่ก้าวข้ามขีดจำกัด... Beyond fear, beyond reason, beyond the edge (ก้าวข้ามความกลัว ก้าวข้ามเหตุผล ก้าวข้ามขีดจำกัด) โดย TAG Heuer ก้าวไปอีกขั้นในการสร้างมาตรฐานความงดงามในโลกนาฬิกาดังเช่น การเลือกใช้
สีเข้มสดที่สะท้อนถึงพลัง
อย่างที่เห็นได้ในภาพยนตร์แคมเปญโดย Jonas Egi นักสร้างภาพยนตร์ชาวสวิส พร้อมสามนักกีฬาผู้มีฝีมือโดดเด่นที่แสดงพลังในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองทั้ง Kai Lenny นักกระดานโต้คลื่นชาวอเมริกันซึ่งเป็นแอมบาสเดอร์ของแบรนด์มาอย่างยาวนาน, Julie Gautier แชมป์ฟรีไดฟ์ ช่างวิดีโอ และเฟรนด์ของแบรนด์ รวมทั้ง Robin George นักดำน้ำ
โดยทั้งสามได้ไต่ขึ้นสู่ปลายสุดของคลื่นยักษ์ ดิ่งลึกลงไปในมหาสมุทรและล่องลอยอยู่ในอากาศ.. ซึ่งภาพการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมเหล่านี้ถ่ายทำขึ้นที่นีซ ประเทศฝรั่งเศส, นาซาเร ประเทศโปรตุเกส และเกาะฮาวาย โดยทั้งหมดจะเป็นภาพที่ท้าทายธรรมชาติ ไต่ในที่สูง ไกลขึ้นกว่าเดิม และดำดิ่งลึกลงไปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สะท้อนให้เห็นภาพการเอาชนะ เมื่อสามารถฝ่าฟันขีดจำกัดของความเป็นไปได้ ที่ซึ่งเวลาก็จะหยุดนิ่ง หรือเคลื่อนที่ช้าลง
ในทางจิตวิทยาเรียกช่วงเวลานี้ว่าภาวะลื่นไหล (flow state) หรือการอยู่ในโซนที่ถือเป็นสภาวะจิตแห่งความสำเร็จ ซึ่งเป็นสภาวะที่ในการมีสมาธิขั้นสูงสุด ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกพิเศษจากการจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะที่ก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย หรือคอมฟอร์ตโซนเพื่อพัฒนาตนเอง ให้กลายเป็นตัวเองในอีกเวอร์ชั่นที่ดียิ่งขึ้น ในแนวคิดเรื่องของประสิทธิภาพและประสบการณ์ทางด้านจิตวิญญาณ ซึ่งไม่จำกัดแค่เพียงนักกีฬาระดับแชมป์เท่านั้น
“เรารู้สึกภูมิใจและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สร้างสรรค์แคมเปญเปิดตัวผลงานใหม่ในคอลเลคชั่น TAG Heuer Aquaracer โดยแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญนี้ คือการนำทุกคนออกเดินทางไปให้ไกลเกินขอบเขตของกีฬาเอ็กซ์ตรีม เราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ด้วยการให้ความสำคัญกับช่วงเวลาพิเศษเหล่านี้ เมื่อนักกีฬาชั้นนำระดับโลกฝ่าฟันขีดจำกัดของตัวเอง และก้าวเข้าสู่มิติใหม่ และด้วยแนวคิดเดียวกันนี้ เรายังสามารถนำเสนอคุณภาพชั้นยอดของนาฬิกา Aquaracer รุ่นใหม่ได้พร้อมกันอีกด้วย” Mr. George Ciz ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ TAG Heuer กล่าว
“การตัดสินใจนำเสนอภาพที่มีความเข้มข้น ใช้เฉดสีที่สดเข้ม และสไตล์แอบสแตรกท์ ที่ดูคาบเกี่ยวกับภาพแนวไซไฟตัดด้วยภาพกีฬาโต้คลื่น และภาพมหาสมุทรที่เราคุ้นเคย เราจึงรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่อีกมิติที่ดิ่งลึกลงไปในจินตนาการ โดยเราตั้งใจนำเสนอภาพกีฬา ความหรูหรา ความแม่นยำ และมุมมองทางศิลปะ ที่อาจเรียกว่าหยินหยาง หรือจะเรียกว่าการผสมผสานสิ่งสุดขั้วเข้าด้วยกันก็ได้ ซึ่งนั่นเป็นเอกลักษณ์ของ TAG Heuer” Alexander Kalchev ผู้บริหารฝ่ายครีเอทีฟ จากเอเจนซี่ครีเอทีฟ DDB Paris กล่าว
นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอนาฬิกา ในฐานะอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชั่นใช้งานได้จริงแล้ว TAG Heuer ยังตอกย้ำการแสวงหาความท้าทายอย่างไม่สิ้นสุด โดยเชิดชูความแข็งแกร่งของจิตใจที่มีอยู่ในตัวเราทุกคน “ตอนที่เริ่มสวมเว็ทสูท ในขณะที่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดพลุ่งพล่านขึ้น พร้อมกับจิตวิญญาณในการแข่งขัน แต่การแข่งขันนี้ไม่ใช่การเอาชนะผู้อื่น แต่เป็นการผลักดันตัวเองให้ฟันฝ่าขีดจำกัด และพยายามแสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มกำลัง”
“ดังนั้น “Beyond The Edge” จึงเป็นจุดขั้นสุดของช่วงเวลาที่ไม่มีทางย้อนกลับ เมื่อมีความมุ่งมั่นเต็มร้อย และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อมั่นในตัวเองอย่างถึงที่สุด เพราะไม่ใช่แค่ตัวคุณ แต่คุณยังสัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่รอบตัว และหลังจากนั้นจะรู้สึกเหมือนเพิ่งหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ที่จะมองเห็นในสิ่งที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน” Kai Leny แชมป์กีฬาโต้คลื่น วินด์เซิร์ฟ ไคท์เซิร์ฟ และแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ TAG Heuer กล่าว