AP Royal Oak Offshore Selfwinding Flying Tourbillon Flyback Chronograph
AUDEMARS PIGUET แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวเรือนเวลาคอมพลิเคชั่นรุ่นใหม่ในคอลเลคชั่น Royal Oak Offshore ที่ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือน โดยผสานทั้งกลไกฟลายอิ้งตูร์บิยองและกลไกฟลายแบ็คโครโนกราฟเข้าด้วยกัน กับขนาดตัวเรือนใหม่ที่ 43 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นการเบิกทางให้กับการออกแบบในอนาคตของ Royal Oak Offshore ซึ่งแม้ว่านาฬิการุ่นนี้จะคงรายละเอียดดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน แต่ทว่าตัวเรือนก็ยังได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น เพื่อมอบสุนทรียะและความสะดวกสบายในการสวมใส่ ที่ตอบรับกับสรีระของข้อมือได้อย่างลงตัว โดยหน้าปัดยังเผยให้เห็นโครงสร้างของกลไกใหม่ ที่รังสรรค์ด้วยมืออย่างพิถีพิถัน ผนวกกับระบบการถอดเปลี่ยนสายนาฬิกาแบบใหม่ล่าสุด จึงทำให้เรือนเวลาชั้นสูงเรือนนี้มีทั้งประสิทธิภาพในการบอกเวลา และความซับซ้อนของเทคนิคกลไกการผลิตไปพร้อมกัน
กลไกใหม่แบบสปอร์ตพร้อมขนบธรรมเนียมในการสร้างสรรค์แบบดั้งเดิม ฟลายอิงตูร์บิยองและกลไกฟลายแบ็คโครโนกราฟคาลิเบอร์ 2967 ที่เปิดตัวครั้งแรกในคอลเลคชั่น Code 11.59 ซึ่งฟังก์ชันฟลายแบ็คจะทำให้สามารถเริ่มต้นการจับเวลาได้ใหม่โดยไม่ต้องหยุดหรือรีเซ็ท ในขณะที่กลไกฟลายอิงตูร์บิยองที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา จะช่วยการให้ทำงานของนาฬิกา ได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงน้อยที่สุด กับตัวเรือนขนาดใหม่ที่นำเสนอดีไซน์ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่น ซึ่งบริดจ์ที่ผลิตจากไทเทเนียม ถูกออกแบบใหม่พร้อมการเคลือบพีวีดีสีดำ และขัดลายซาตินผนวกกับการขัดเงาลบมุมด้วยมือ เข้ากันกับชุดฟันเฟืองไทเทเนียม ที่นำเสนอผิวสัมผัสที่แตกต่างด้วยเทคนิคการขัดแบบแซนด์บลาสท์ และเคลือบเงาจนเกิดเป็นดีไซน์แบบทูโทน ที่ตัดกันอย่างลงตัวและโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้เหลี่ยมมุมด้านนอกของบริดจ์ ยังได้รับการขัดเงาอย่างพิถีพิถันเพื่อลบการเคลือบพีวีดี สร้างให้เกิดรายละเอียดที่คอนทราสท์กันของสีและผิวสัมผัส
อีกทั้งส่วนของบริดจ์ยังเผยให้เห็นกลไกการทำงานที่ซับซ้อนของส่วนประกอบ ภายในดีไซน์ทูโทนที่สามารถเห็นได้ทั้ง 2 ด้านของตัวเรือน และส่วนของกรอบหน้าปัดย่อยของกรงฟลายอิ้งตูร์บิยอง ยังเผยให้เห็นถึงบาลานซ์วีลสีโรเดียมที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใน ซึ่งนอกเหนือจากการเปิดเผยส่วนหนึ่งของชุดเฟืองแล้ว ฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ยังเผยให้เห็นโรเตอร์ ที่ผลิตจากทองคำ 22 กะรัตพร้อมผ่านการเคลือบพีวีดีสีดำ พร้อมคุณสมบัติในการกักเก็บพลังงานขั้นต่ำได้ถึง 65 ชั่วโมงเมื่อไม่ได้สวมใส่อยู่บนข้อมือ พร้อมทั้งคุณสมบัติในการกันน้ำลึกระดับ 100 เมตร ดังนั้นนาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นเรือนนี้ จึงเหมาะสำหรับทุกกิจกรรมที่ท้าทายและการผจญภัยระดับหรูในสไตล์สปอร์ต
ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียมในขนาด 43 มิลลิเมตรที่ตอบรับกับสรีระข้อมือของผู้สวมใส่ ซึ่งผสานทั้งเอกลักษณ์อันทรงพลังของนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ เข้ากับดีไซน์ที่สวมใส่ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยตัวเรือนไทเทเนียมนี้จะมาพร้อมการขัดเหลี่ยมมุมที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนขอบเบเซิลและกระจกแซฟไฟร์ถูกออกแบบให้มีความโค้งมนเพื่อดีไซน์ที่ดูร่วมสมัยยิ่งขึ้น รวมไปถึงเม็ดมะยมแบบสกรูว์ล็อคและปุ่มกดสำหรับฟังก์ชันจับเวลาซึ่งรังสรรค์ขึ้นด้วยเซรามิคสีดำ ยังถูกออกแบบให้มีความโค้งมนตอบรับกับเฉดสีเข้มและสีเทาของกลไกนาฬิกาได้อย่างลงตัว เพิ่มความน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยการผสมผสานการขัดลายซาตินและการขัดเงาลบมุมด้วยมือบริเวณตัวเรือนและขอบตัวเรือน ที่สร้างความแตกต่างอันโดดเด่นและสะดุดตา นอกจากนี้ฝาหลังที่ผลิตจากไททาเนียมกรุกระจกแซฟไฟร์ ยังมีการเก็บรายละเอียดด้วยการขัดลายซาติน พร้อมสลัก Royal Oak Offshore Limited Edition of 100 Pieces เพื่อเน้นย้ำถึงความพิเศษของเรือนเวลารุ่นนี้
สุนทรียะด้านความงามจากการปรับเปลี่ยนหน้าปัดให้แตกต่างจากรุ่นแบบดั้งเดิม ด้วยการรังสรรค์โครงสร้างของกลไกอันซับซ้อนที่นำเสนอความงามของหน้าปัดแบบแปลกใหม่ ทั้งส่วนของหน้าปัดย่อยโครโนกราฟทั้งสอง ที่ดีไซน์มาให้โปร่งใสพร้อมขอบสเกลสีดำ เผยให้เห็นกลไกภายในได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้เฉดสีเข้มของกลไก ยังช่วยขับให้เข็มนาฬิกาที่ผลิตจากไวท์โกลด์และตัวเลขแสดงเวลานาที ที่ปรากฏอยู่บนขอบตัวเรือนด้านในสีดำยิ่งโดดเด่น เช่นเดียวกับโลโก้อักษรย่อ AP ในสีโรเดียมที่ดูสะดุดตาโดยไม่มีชื่อแบรนด์แบบเต็ม ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคกาลวานิคโกรธ์ นอกจากนี้การเลือกใช้เข็มแสดงเวลาโครโนกราฟเป็นสีแดง ยังช่วยเพิ่มสีสันอันโดดเด่นให้กับหน้าปัดนาฬิกาโดยรวมอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นของสายนาฬิกา ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้แบบใหม่ของ AUDEMARS PIGUET ที่ใช้กับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Royal Oak Offshore รุ่นล่าสุดโดยเฉพาะ ซึ่งระบบการถอดเปลี่ยนสายนี้ เป็นการล็อคสายนาฬิกาเข้ากับสลักและตัวล็อคบนตัวเรือนโดยตรง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้สวมใส่ ให้สามารถเปลี่ยนสายและหัวเข็มขัดของนาฬิกาเรือนใหม่นี้ ได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพเพียงการกดปุ่มเพื่อปลดล็อคสาย ซึ่งเป็นการใช้ระบบกดสองครั้งเพื่อรักษาความปลอดภัยของนาฬิกาเมื่อสวมใส่บนข้อมือ ซึ่งเข้าคู่กันมากับสายยางสีดำแบบถอดเปลี่ยนได้ ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันพร้อมดีไซน์อันโดดเด่นของลายเส้น ที่ลากต่อเนื่องมาจากสลักบริเวณตัวเรือน อีกทั้งยังมาพร้อมสายหนังจระเข้ที่เย็บเก็บขอบอย่าประณีตด้วยมือ และเข็มขัดล็อคสายนาฬิกาไทเทเนียมขัดแบบแซนด์บลาสท์ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ AUDEMARS PIGUET