Pre-SIHH 2018 จาก ULYSSE NARDIN กับรุ่น Marine Torpilleur Military หน้าปัดดีไซน์นาฬิกาทหาร
Marine Torpilleur (มารีน ตอร์ปิเยอร์) เป็นนาฬิการุ่นใหม่ที่ ULYSSE NARDIN (ยูลิสส์ นาร์แดง) เพิ่งผลิตออกจำหน่ายเมื่อกลางปี 2017 โดยวางตำแหน่งเป็นนาฬิกาที่มีน้ำหนักเบาและมีขนาดที่บางกว่ารุ่น Marine Chronometer ที่มีจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว โดยชื่อ Torpilleur (ตอร์ปิเยอร์) นั้น มาจากชื่อของเรือเร็วขนาดเล็กในสมัยอดีตซึ่งก็คือ เรือตอร์ปิโด เพื่อเป็นการสื่อสารถึงลักษณะของนาฬิการุ่นนี้ โดยเอดิชั่นแรกของรุ่นนั้นจะมากับหน้าปัดสีขาว หรือสีน้ำเงิน แต่ล่าสุดในช่วงปลายปีก็ได้เผยโฉมเอดิชั่นใหม่ซึ่งเป็นแบบผลิตจำนวนจำกัด ลิมิเต็ด เอดิชั่น ออกมาเพิ่มเติมในฐานะนาฬิกาใหม่ของปี 2018 ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน SIHH 2018 โดยจะมีคำว่า Military ต่อท้ายชื่อเดิม เพื่อบ่งบอกถึงลักษณะเด่นประจำเอดิชั่น นั่นก็คือหน้าปัดสไตล์นาฬิกาทหาร ชื่อเต็มของรุ่นนี้จึงค่อนข้างยาวอยู่สักหน่อยว่า Marine Topilleur Military (มารีน ตอร์ปิเยอร์ มิลิแทรี) นี่ขนาดยังไม่ได้ต่อท้ายคำว่า Limited Edition เข้าไปนะ
ความแปลกใหม่ของเอดิชั่นนี้อยู่ที่ ลักษณะของหน้าปัดที่ทำให้บุคลิกของนาฬิกาต่างไปจากเอดิชั่นเดิมมากๆ ด้วยดีไซน์ที่เปลี่ยนจากการใช้หลักชั่วโมงเลขโรมันทรงเรียวยาวตามแบบฉบับนาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์สมัยโบราณตามสไตล์ของแบรนด์อันแสนคุ้นตามาเป็นหน้าปัดที่ใช้ตัวเลขอารบิกขนาดใหญ่เคลือบสารเรืองแสงในดีไซน์แบบนาฬิกาวินเทจของทหาร ซึ่งหากเป็นแบรนด์อื่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับ ULYSSE NARDIN แล้ว นี่ถือเป็นรูปแบบใหม่ของพวกเขาเลยทีเดียว ขณะที่เข็มทั้งสามยังคงใช้เป็นรูปทรงเอกลักษณ์ของแบรนด์เหมือนเช่นเคย นอกจากนี้ยังนำเสนอความเรียบง่ายด้วยการถอดฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองด้วยเข็มกับฟังก์ชั่นวันที่ออกไปด้วย ซึ่งก็ทำให้ย้ายชื่อแบรนด์กับถิ่นผลิตไปไว้ทางด้านบนได้ ขณะที่ในวงวินาทีนั้นระบุด้วยข้อความ 2 ชุด โดยบรรทัดบนเป็นตัวเลขสีแดง ซึ่งเป็นหมายเลขประจำเรือน โดยแต่ละเรือนจะมีเลขไม่ซ้ำกันและจะมีตัวเลขสูงสุดที่ 300 อันหมายความว่าเอดิชั่นนี้เป็นการผลิตแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ด้วยจำนวนจำกัดแค่ 300 เรือนเท่านั้นเอง ส่วนบรรทัดล่างเป็นอักษรย่อ C. W. ที่หมายความถึง “Chronometer Watch” (นาฬิกาโครโนมิเตอร์)
นอกจากนี้ตัวเรือนของเอดิชั่นนี้ยังเป็นวัสดุสเตนเลสสตีลที่ฟินิชชิ่งแบบแซนด์บลาสต์ให้เป็นผิวด้านทั้งหมด และถึงแม้ว่าจะมาในดีไซน์คลาสสิกเรียบง่ายพร้อมขอบตัวเรือนเพรียวบางสกัดร่องฟลุ้ต ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน และกันน้ำได้ถึงระดับ 50 เมตร เช่นเดียวกับเอดิชั่นก่อนหน้า แต่ก็ได้ขยายขนาดจากเดิม 42 มม. ขึ้นไปเป็น 44 มม. และมีการเปลี่ยนรูปทรงของเม็ดมะยมเม็ดใหญ่มาเป็นทรงเพชร และเปลี่ยนจากฝาหลังแบบผนึกกระจกแซฟไฟร์มาเป็นฝาหลังแบบแผ่นทึบที่ปั๊มนูนเป็นภาพเรือ Torpilleur แทน พร้อมระบุข้อความ LIMITED EDITION กำกับไว้ที่บริเวณขอบของฝาหลัง โดยทั้งเม็ดมะยมและฝาหลังก็ฟินิชชิ่งให้เป็นผิวด้านด้วย ส่วนสายที่ให้มานั้นเป็นสายหนังผิวด้านสไตล์วินเทจ ล็อคด้วยตัวล็อคแบบบานพับวัสดุสตีล ทั้งหมดนี้มอบบุคลิกที่ดูแข็งแกร่งและสง่างามสมกับเป็นนาฬิกาของนายทหารผู้กล้าอย่างแท้จริง
การขับเคลื่อนของเอดิชั่น Military นี้ ยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขันด้วยกลไกอินเฮ้าส์ ขึ้นลานอัตโนมัติ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 60 ชั่วโมง คาลิเบอร์ UN-118 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การได้รับการรับรองมาตรฐานถึง 2 มาตรฐาน ทั้งโครโนมิเตอร์ของ COSC และมาตรฐานการทดสอบของแบรนด์เอง และใช้เอสเคปเม้นท์กับแฮร์สปริงที่ทำจากซิลิเซียม ซึ่งมีความแม่นยำ แข็งแรง และทนทานเป็นเลิศ โดยแตกต่างกับเอดิชั่นก่อนหน้าตรงที่มีการตัดฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองด้วยเข็ม กับฟังก์ชั่นแสดงวันที่ออกไป
Marine Torpilleur Military เผยโฉมออกมาพร้อมกัน 2 เวอร์ชั่นด้วยกันคือ Ref. 1183-320LE/60 ซึ่งใช้หน้าปัดสีขาวเปลือกไข่ ที่ตัดขอบเลขอารบิกเคลือบสารเรืองแสงสีเบจออกเขียวๆ ของหลักชั่วโมงด้วยสีดำ และใช้เข็มเคลือบสีดำ โดยมาพร้อมกับสายหนังสีน้ำตาลแทน ซึ่งเดินตะเข็บเย็บด้วยด้ายสีขาวเปลือกไข่ กับ Ref. 1183-320LE/62 ซึ่งใช้หน้าปัดสีดำ และใช้สารเรืองแสงสีส้มเคลือบบนหลักชั่วโมงเลขอารบิก ขณะที่เข็มนั้นเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าสีขาว ส่วนสายจะเป็นหนังสีดำเดินตะเข็บเย็บด้วยด้ายสีส้ม ผลิตแบบจำนวนจำกัด ลิมิเต็ด เอดิชั่น เวอร์ชั่นละ 300 เรือน
By: Viracharn T.