AUDEMARS PIGUET เผยโฉม ROYAL OAK FROSTED GOLD นาฬิการุ่นครบ 40 ปีของ ROYAL OAK สำหรับสาวๆ
หลังจากที่นาฬิการะดับไอค่อนสุดอมตะ Royal Oak (รอยัล โอ๊ค) ของ AUDEMARS PIGUET (โอเดอมาร์ ปิเกต์) ผลงานการออกแบบของ Gérald Genta (เจฮาลด์ เจนตา) เปิดตัวออกมาเมื่อ ค.ศ.1972 สี่ปีหลังจากนั้น (ค.ศ.1976) ทางแบรนด์ก็ได้เปิดตัว Royal Oak รุ่นสำหรับคุณผู้หญิงออกมา โดยเป็นผลงานที่ดีไซเนอร์สาวแห่ง AUDEMARS PIGUET ชื่อ Jacqueline Dimier (ฌาคลีน ดิมิเยร์) นำเอารูปแบบของ Royal Oak เรือนผู้ชายที่ Genta ออกแบบไว้ มาขัดเกลาให้มีขนาดและสัดส่วนเหมาะกับข้อมือของสาวๆ และนี่เองที่ทำให้ปี 2016 ถือเป็นขวบปีที่ 40 ของนาฬิกา Royal Oak สำหรับสาวๆ และนำมาซึ่งการออกนาฬิการุ่นครบ 40 ปีในครานี้ โดยเผยโฉมให้เห็นกันเมื่อช่วงปลายปี 2016 และจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่เดือนมีนาคม 2017 เป็นต้นไป
นาฬิการุ่นครบ 40 ปีของ Royal Oak สำหรับสาวๆ นี้ มีชื่อเรียกขานว่า Royal Oak Frosted Gold (รอยัล โอ๊ค ฟรอสต์ โกลด์) โดยมาจากลักษณะการฟินิชชิ่งบนตัวเรือนทองคำที่ทางแบรนด์ได้ให้ Carolina Bucci (แคโรลีนา บุชชี่) นักออกแบบและสร้างสรรค์อัญมณีชื่อดังแห่งเมืองฟลอเรนซ์ในอิตาลีเป็นผู้ออกแบบสร้างสรรค์งานตกแต่งบนนาฬิกา Royal Oak สำหรับสาวๆ โดยเธอได้เลือกวิธีการตกแต่งแบบฟรอสต์ ซึ่งเป็นลักษณะของเกล็ดฝ้าน้ำแข็ง ลงบนพื้นผิวด้านหน้าของตัวเรือนและสายทองคำ ด้วยกรรมวิธีการตอกผิวทองคำด้วยสลักหัวเพชรอย่างประณีตให้เกิดเป็นรอยประทับขนาดเล็กสุดละเอียดบนพื้นผิวจนมีลักษณะคล้ายเกล็ดฝ้าน้ำแข็ง โดยรูปแบบการตกแต่งเช่นนี้ เป็นเทคนิคโบราณในการตกแต่งผิวโลหะของช่างแห่งเมืองฟลอเรนซ์ที่เรียกกันว่า Florentine Technique (ฟลอเรนทีน เทคนิค) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ Carolina Bucci เชี่ยวชาญและใช้ในการตกแต่งผลงานเครื่องประดับอัญมณีของตนมากว่าทศวรรษแล้ว
การตกแต่งแบบฟรอสต์ บนผิวด้านหน้าของตัวเรือน ขอบตัวเรือน และสาย ประสานกับงานขัดเงาบนบริเวณขอบสัน และงานขัดลายซาตินบนผิวด้านข้าง ได้อย่างลงตัวสวยงามและดูแตกต่างจาก Royal Oak รุ่นอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
Royal Oak Frosted Gold เปิดตัวออกมาพร้อมกัน 4 แบบด้วยกัน แยกออกเป็นรุ่นตัวเรือนขนาด 37 มม. กลไกขึ้นลานอัตโนมัติอินเฮ้าส์ ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 60 ชั่วโมง คาลิเบอร์ 3120 แสดงเวลาแบบสามเข็ม กับรุ่นตัวเรือนขนาด 33 มม. กลไกควอตซ์ คาลิเบอร์ 2713 แสดงเวลาแบบสองเข็ม โดยทั้ง 2 รุ่นจะมีทั้งแบบวัสดุพิ้งค์โกลด์และแบบวัสดุไวท์โกลด์ และต่างก็ใช้หน้าปัดลายตารางขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Grand Tapisserie (กรองด์ ตาปิสซีรี่ย์) (แบบเรือนพิ้งค์โกลด์ใช้เป็นหน้าปัดสีเงิน, แบบเรือนไวท์โกลด์ใช้หน้าปัดสีเงินแบบโรเดียมซึ่งแลดูวาวกว่า) เจาะช่องหน้าต่างสี่เหลี่ยมแสดงวันที่ไว้ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา พร้อมติดตั้งแท่งหลักชั่วโมงทรงเรียววัสดุเดียวกับตัวเรือน และแสดงเวลาด้วยเข็มทรงเรียววัสดุเดียวกับตัวเรือน พร้อมเคลือบสารเรืองแสงบนหลักชั่วโมงและเข็ม อันเป็นลักษณะพื้นฐานของนาฬิกา Royal Oak แบบคลาสสิกเช่นเดียวกัน ทำให้ลักษณะของแบบวัสดุไวท์โกลด์ดูขลังด้วยประกายโทนสีเงินตลอดทั้งเรือนและหน้าปัด ขณะที่แบบวัสดุพิ้งค์โกลด์จะงามหรูในลักษณะรูปแบบทูโทนจากสีเงินของพื้นหน้าปัดและหัวสกรูว์ทั้งแปดชิ้นบนขอบตัวเรือน
Royal Oak Frosted Gold 37 mm ตัวเรือนขนาด 37 มม. หนา 9.8 มม. ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ เรือนซ้ายเป็นแบบวัสดุพิ้งค์โกลด์ Ref.15454OR.GG.1259OR.01
ส่วนเรือนขวาเป็นแบบวัสดุไวท์โกลด์ Ref.15454BC.GG.1259BC.01
Royal Oak Frosted Gold 33 mm ตัวเรือนขนาด 33 มม. หนา 7 มม. ทำงานด้วยกลไกควอตซ์ เรือนซ้ายเป็นแบบวัสดุพิ้งค์โกลด์ Ref.67653OR.GG.1263OR.01
ส่วนเรือนขวาเป็นแบบวัสดุไวท์โกลด์ Ref.67653BC.GG.1263BC.01
ประกายความงามระยิบระยับยามต้องแสงของการตกแต่งพื้นผิวแบบฟรอสต์ สร้างความโดดเด่นไม่เหมือนใครได้อย่างชัดเจนขณะอยู่บนข้อมือ
เทคนิคการตกแต่งแบบฟรอสต์นี้ ทำให้เกิดประกายงามระยิบระยับบนผิวของตัวเรือนและสายได้โดยไม่ต้องพึ่งการประดับเพชรใดๆ ส่งผลให้นาฬิกา Royal Oak สำหรับสาวๆ รุ่นนี้มีความโดดเด่นและแตกต่างไม่เหมือนใครไม่ว่าจะเป็นในหมู่นาฬิกา Royal Oak ด้วยกันหรือในบรรดานาฬิกาสำหรับสาวๆ ของแบรนด์อื่นๆ
กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 3120 ที่ใช้กับรุ่นตัวเรือนขนาด 37 มม. เด่นด้วยโรเตอร์ทองคำ 22 กะรัต ที่สลักลวดลายอย่างสวยงามและงานขัดแต่งสุดคลาสสิกบนบริดจ์ มองเห็นได้ชัดๆ ผ่านกระจกแซฟไฟร์ที่กรุอยู่บนฝาหลัง
(ซ้าย) Carolina Bucci, (ขวา) Jacqueline Dimier
By: Viracharn T.
