AUDEMARS PIGUET Pre-SIHH 2018 : New Royal Oak Offshore & Millenary
AUDEMARS PIGUET (โอเดอมาร์ ปิเกต์) เองก็ยึดธรรมเนียมเฉกเช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ ที่ร่วมจัดแสดงนาฬิกาในงาน SIHH ที่มักจะเผยโฉมหน้านาฬิการุ่นใหม่บางรุ่นบางแบบสำหรับปีถัดไปมาให้เห็นกันในช่วงปลายปี ก่อนที่จะเปิดตัวที่งาน SIHH ณ กรุงเจนีวา ในเดือนมกราคม ซึ่งสำหรับปี 2018 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ก็ได้ปล่อยภาพและข้อมูลของบางรุ่นออกมาแล้ว โดยมีทั้งรุ่นใหม่ๆ ของตระกูลนาฬิกาสปอร์ตยอดนิยม Royal Oak Offshore (รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์) และรุ่นใหม่ๆ ของนาฬิกาเดรสหรูตระกูล Millenary (มิเลนนารี) รุ่นสำหรับคุณผู้หญิง
สองรุ่นใหม่ของ Royal Oak Offshore
นับจาก ค.ศ. 1993 เป็นต้นมาที่ทาง AP นำ Royal Oak Offshore นาฬิกาสปอร์ตหรูสไตล์แกร่งออกสู่ตลาด มาถึงปี 2018 ก็เป็นปีที่นาฬิกาตระกูลนี้จะเข้าสู่วัยเบญจเพศ 25 ปีแล้ว ทาง AP จึงถือโอกาสนี้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ๆ ของตระกูลเพื่อยืนยันถึงการเติบโตอย่างมั่นคง โดยรุ่นที่เผยโฉมมาให้ชมกันก่อนเริ่มเข้าสู่ปี 2018 จะมี 2 รุ่นด้วยกัน คือ Re-edition of the original Royal Oak Offshore กับ Royal Oak Offshore Tourbillon Chronograph
รุ่น Re-edition of the original Royal Oak Offshore (Ref. 26237ST) เป็นการนำลักษณะของ Royal Oak Offshore รุ่นต้นกำเนิด กลับมาสร้างขึ้นใหม่อีกครั้งโดยถ่ายทอดด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 42 มม. กันน้ำลึก 100 เมตร พร้อมพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินผิวลาย “Petite Tapisserie” (เปอตีท์ ตาปิสเซอรี่) และใช้ฝาหลังที่มีการสลักด้วยข้อความ “Royal Oak Offshore” พร้อมสายสตีลดีไซน์เอกลักษณ์ รวมกันเป็นความงามคลาสสิกในแบบฉบับดั้งเดิมของตระกูล ส่วนกลไกที่ใช้นั้นจะเป็นแบบขึ้นลานอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลา 12 ชั่วโมง และฟังก์ชั่นวันที่ กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง คาลิเบอร์ 3126/3840
ส่วนรุ่น Royal Oak Offshore Tourbillon Chronograph ที่เผยโฉมออกมาใหม่นี้ ถือเป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของนาฬิกาสปอร์ตระดับสูงรุ่นนี้ โดยได้พลิกโฉมการดีไซน์วงขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมด้วยการลดความหนาของวงขอบลงเพื่อให้เกิดดีไซน์ลักษณะโปร่งคล้ายกับปล่อยวงหน้าปัดแบบโอเพ่นเวิร์คลอยอยู่ชั้นใน โดยยึดโยงกลไกด้วยท่อนบริดจ์ที่ออกแบบเป็นสถาปัตย์แนวแท่งฉลุสเกเลตัน ซึ่งดูน่าตื่นตากว่าที่เคย ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน คาลิเบอร์ 2947 ที่ทำงานอย่างแม่นยำจากการควบคุมของตูร์บิยอง พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลา 30 นาที และมีกำลังสำรองอย่างยาวนานถึง 173 ชั่วโมง นาฬิการุ่นนี้เผยโฉมออกมาใน 2 ทางเลือกวัสดุ คือ เวอร์ชั่นตัวเรือนสเตนเลสสตีล (Ref. 26421ST)กับเวอร์ชั่นตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ (Ref. 26421OR) ทั้งคู่ใช้ตัวเรือนขนาด 45 มม. กันน้ำได้ 100 เมตร และใช้เม็ดมะยมกับปุ่มกดที่ทำจากเซรามิกสีดำ สวมคู่มากับสายยางสีดำ ซึ่งดูเข้ากันเป็นอย่างดีกับหน้าปัดจับเวลาและวงขอบหน้าปัดสีดำ โดยมีเข็มและท่อนบริดจ์กลไกเป็นสีโทนเดียวกับวัสดุตัวเรือน ผลิตแบบจำนวนจำกัดแค่เวอร์ชั่นละ 50 เรือน
สองรุ่นใหม่ของนาฬิกาสำหรับผู้หญิงตระกูล Millenary
AP เผยโฉมหน้ารุ่นใหม่ๆ ของ Millenary เรือนสำหรับผู้หญิง คอลเลคชั่นปี 2018 มาให้ชมกัน 2 รุ่น นั่นก็คือ รุ่นที่มาคู่กับสายข้อมือแบบใหม่ที่เป็นแบบทองคำถักสไตล์วินเทจที่เรียกว่า “เมลานีส” อันเป็นที่นิยมกันในยุคทศวรรษที่ 50s ถึง 60s โดยทาง AP นำทองคำขัดเงามาถักทอแบบสลับไปมารอบแกนแทนการถักทอแบบทิศทางเดียวอย่างธรรมเนียมปฏิบัติของสายชนิดนี้ โดยให้เหตุผลว่าการถักทอในลักษณะใหม่นี้จะเพิ่มช่องว่างและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับตาข่ายและมอบสัมผัสที่บางเบาดุจเส้นไหมเพื่อให้โอบรับข้อมือได้ดียิ่งขึ้น โดยเวอร์ชั่นที่เผยโฉมมาก่อนก็คือ เวอร์ชั่นตัวเรือนและสายวัสดุไวท์โกลด์ กับเวอร์ชั่นตัวเรือนและสายวัสดุพิ้งค์โกลด์ ซึ่งทั้ง 2 เวอร์ชั่นนั้นต่างมาพร้อมกับการประดับเพชรบนขอบและขาของตัวเรือน และวงหน้าปัดเปลือกหอยมุกแสดงเวลาแบบสองเข็มพร้อมวงแสดงวินาทีด้วยเข็มขนาดเล็กซึ่งจัดวางแบบเยื้องศูนย์มาทางฝั่งขวาโดยเปิดพื้นที่ส่วนนอกให้มองเห็นกลไกที่ได้รับการตกแต่งมาอย่างงดงาม โดยวงหน้าปัดจะล้อมด้วยกรอบทอง เข้ากันกับสีของเข็มและท่อนบริดจ์ของบาลานซ์ ส่วนหลักชั่วโมงเลขโรมันนั้นรุ่นเรือนไวท์โกลด์จะใช้เป็นสีเทาดำ ขณะที่รุ่นเรือนพิ้งค์โกลด์จะใช้เป็นสีทอง ส่วนกลไกที่ใช้นั้นเป็นแบบไขลาน คาลิเบอร์ 5201 ที่ให้กำลังสำรองได้ 49 ชั่วโมง
ส่วนอีกรุ่นที่เผยโฉมออกมาก็คือ รุ่นตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ที่ตกแต่งด้วยเทคนิคเก่าแก่ในการตกแต่งเครื่องประดับ ซึ่งเรียกว่า “ฟลอเรนทีน เทคนิค” อันเป็นการใช้สลักหัวเพชรตีเนื้อผิวทองด้วยความถี่ 200 เฮิร์ตซ์ เพื่อให้เกิดรอยประทับขนาดเล็ก มอบประกายแสงระยิบระยับเสมือนประกายจากเพชรหรืออัญมณี เทคนิคนี้ถูกกระทำลงบนผิวทองคำของขอบตัวเรือนทั้งด้านในและด้านนอก ด้านข้างของตัวเรือน และส่วนของขานาฬิกา เพื่อสร้างสัมผัสอันล้ำลึกให้เกิดทางสายตาสลับกับการขัดเงาและขัดลาย และเสริมเสน่ห์ด้วยเม็ดอัญมณีโปร่งแสงรูปทรงคาโบชองประดับบนเม็ดมะยมทองคำ สวมคู่มากับสายยางสีฟ้าครามที่มีผิวด้านนอกเป็นลักษณะรอยขนาดเล็กเพื่อความสอดคล้องกับรอยบนตัวเรือน ขณะที่วงหน้าปัดแบบเยื้องศูนย์ล้อมด้วยกรอบทองซึ่งแสดงเวลาด้วยเข็มสีทองนั้น ใช้เป็นพื้นหน้าปัดโอปอล โดยเว้นพื้นที่ส่วนนอกให้มองเห็นกลไกที่ถูกตกแต่งมาอย่างสวยงาม ซึ่งก็เป็นกลไกไขลาน คาลิเบอร์ 5201 เช่นเดียวกับรุ่นสายเมลานีสนั่นเอง
By: Viracharn T.
