iamwatch

Twitter

ปี 2018 ที่กำลังจะมาถึงนี้ นับเป็นปีที่แบรนด์นาฬิกาเก่าแก่อย่าง IWC จะมีอายุครบ 150 ปี แน่นอนว่าโอกาสพิเศษเลขปีสวยๆ เช่นนี้ ทางแบรนด์ก็ต้องออกนาฬิการุ่นพิเศษมาเพื่อเฉลิมฉลองเป็นแน่แท้ ฉะนั้นก่อนที่จะนำออกแสดงในงาน SIHH ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมกราคม 2018 ทางแบรนด์ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยบางรุ่นมาให้เห็นกันก่อนเริ่มงานดังที่เรานำมาเสนอนี้

ในโอกาสฉลอง 150 ปีนี้ ทาง IWC ไม่ได้เพียงแค่ออกนาฬิกามาเป็นรุ่นพิเศษแค่หนึ่งหรือไม่กี่รุ่น แต่สร้างสรรค์ออกมาเป็นคอลเลคชั่นใหญ่ที่เรียกว่า Jubilee Collection โดยมีนาฬิกาทั้งหมดถึง 27 รุ่นซึ่งทุกรุ่นล้วนเป็นการผลิตแบบจำนวนจำกัด ลิมิเต็ด เอดิชั่น ด้วยกันทั้งสิ้น ในจำนวน 27 รุ่นนี้ มีทั้งที่เป็นรุ่นพิเศษจากนาฬิกาตระกูลต่างๆ ในปัจจุบัน อันได้แก่ Portugieser, Portofino, Pilot’s Watches และ Da Vinci แล้วก็มีนาฬิการุ่นพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ นั่นก็คือ IWC Tribute to Pallweber Edition ‘150 Years” ซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกที่มากับรูปแบบการแสดงชั่วโมงกับนาทีด้วยตัวเลขในลักษณะเดียวกับนาฬิกาพกของ Pallweber เมื่อสมัยปี ค.ศ. 1884 และเมื่อทั้ง 27 รุ่นนี้ล้วนมาในนามของ Jubilee คอลเลคชั่นเช่นเดียวกัน ทุกรุ่นจึงมีลักษณะเฉพาะร่วมกันนั่นก็คือ การใช้หน้าปัดสีขาวคู่กับเข็มสีน้ำเงินและพิมพ์หลักชั่วโมงกับสเกลด้วยสีดำ หรือหน้าปัดสีน้ำเงินคู่กับเข็มเคลือบโรเดียม ซึ่งเป็นความงดงามของการเคลือบแล็กเกอร์แบบหลายชั้น เพื่อให้ดูคล้ายกับงานสีอีนาเมลของนาฬิกาในยุคก่อน และทุกรุ่นจะจับคู่มากับสายหนังจระเข้สีดำซึ่งผลิตโดย Santoni ผู้ผลิตรองเท้าหนังรายเก่าแก่ และมีสัญลักษณ์ 150 ปี ปรากฏในลักษณะของเหรียญตราที่ตัวกลไก หรือบนโรเตอร์ หรือบนฝาหลัง แล้วแต่รุ่น และข้อความสลัก ‘EDITION 150 YEARS’ อยู่ที่ฝาหลัง มาชมกันเลยครับว่า รุ่นต่างๆ ของคอลเลคชั่น Jubilee ที่ IWC เผยโฉมมาให้ชมกันก่อนนั้น มีรุ่นไหนกันบ้าง

IWC Tribute to Pallweber Edition “150 Years” (Ref. IW505002)

นาฬิกาสุดพิเศษซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่รุ่นนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำการแสดงค่าชั่วโมงกับนาทีด้วยตัวเลขขนาดใหญ่บนจานดิสก์รวม 3 จาน เคลื่อนขยับแบบจัมปิ้งเพื่อบอกค่าผ่านช่องหน้าต่างในแบบที่เรียกว่า “ดิจิตอล” มาใช้กับนาฬิกาข้อมือ โดยมีที่มาจากรูปแบบการแสดงเวลาของนาฬิกาพก Pallweber ที่ IWC เคยสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1884

นาฬิการุ่นนี้ใช้ตัวเรือนเร้ดโกลด์ ร่วมกับความหมดจดงดงามของหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว กลมกลืนกับจานแสดงค่าสีขาว มอบความคมชัดในการอ่านค่าด้วยตัวเลข โลโก้ เส้นวงคู่ตกแต่ง และสเกลวินาทีสีดำ และตัดสีด้วยสีน้ำเงินของเข็มวินาทีขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังปรากฏข้อความ “Hours” และ “Minutes” กำกับอยู่ที่ช่องหน้าต่างเพื่อให้มีลักษณะคล้ายกับนาฬิกาพก Pallweber เรือนที่นำมาเป็นแรงบันดาลใจด้วย โดยจำกัดจำนวนการผลิตไว้เพียงแค่ 250 เรือนเท่านั้น

กระจกหน้าปัดของรุ่นนี้เป็นแซฟไฟร์แบบขอบโค้ง เคลือบสารกันแสงสะท้อนมาทั้งฝั่งด้านนอกและด้านใน เพื่อมอบทั้งความงามละมุนและการมองเห็นที่ชัดเจนที่สุด ตัวเรือนเป็นเร้ดโกลด์ดีไซน์วินเทจขนาดใหญ่ถึง 45 มม. และหนา 12 มม. ได้อารมณ์นาฬิกาพกในยุคอดีต และเพื่อให้การแสดงค่าและการทำงานของกลไกเป็นไปอย่างยอดเยี่ยมที่สุด นักประดิษฐ์ของ IWC จึงได้พัฒนากลไกการขับเคลื่อนจานดิสก์จัมปิ้งขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มีความแม่นยำสูงสุดและมีกำลังสำรองได้ยาวนานถึง 60 ชั่วโมง และทางแบรนด์ก็ได้ยื่นขอสิทธิบัตรระบบกลไกนี้ไว้แล้ว ชื่อรหัสเรียกขานของกลไกไขลานอินเฮ้าส์ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง เครื่องนี้ก็คือ คาลิเบอร์ 94200 โดยมีการประดับเหรียญตรา จูบิลี่ 150 ปี ซึ่งทำจากทองคำ 18 เค ไว้บนด้านหลังของกลไก ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง และมีการสลักหมายเลขประจำเรือนเอาไว้ที่ขอบฝาหลังด้วย

Portugieser Constant-Force Tourbillon Edition “150 Years” (Ref. IW590202)

นี่คือนาฬิกาสุดพิเศษผลิตจำนวนจำกัดเพียง 15 เรือน ที่เลอค่าทั้งวัสดุและกลไก ซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวขบวนของคอลเลคชั่น Jubilee นี้ นั่นก็เพราะใช้ตัวเรือนวัสดุแพลตินั่มพร้อมหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาวและเข็มสีน้ำเงินที่ขับเคลื่อนด้วย คาลิเบอร์ 94805 กลไกไขลานอินเฮ้าส์ ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 4 วัน (96 ชั่วโมง) ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งมอบความเที่ยงตรงแม่นยำสูงสุดด้วยตูร์บิยองระบบกลไกคอนสแตนท์-ฟอร์ซ ตูร์บิยอง อันเป็นสิทธิบัตรของ IWC พร้อมฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวลมูนเฟสที่คงความแม่นยำได้ถึง 577.5 ปี ฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองด้วยเข็ม และมีเข็มวินาทีติดตั้งมาให้ด้วย

ตัวเรือนขนาด 46 มม. หนา 13.5 มม. ของรุ่นนี้ ทำจากแพลตินั่มล้ำค่า ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ขอบโค้งที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนไว้ทั้งสองฝั่ง หน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว พิมพ์หลักชั่วโมง โลโก้ และสเกลต่างๆ ด้วยสีดำ ส่วนที่ด้านหลังของตัวกลไกประดับด้วยเหรียญตรา จูบิลี่ 150 ปี วัสดุทองคำ 18 เค มองเห็นได้ชัดเจนผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง และมีการสลักหมายเลขประจำเรือนไว้ที่ขอบฝาหลัง

Portugieser Perpetual Calendar Tourbillon Edition “150 Years” (Ref. IW504501)

ความพิเศษของ Portugieser รุ่นนี้ นอกจากจะเป็นนาฬิกาคอลเลคชั่น Jubilee รุ่นที่ใช้กลไกระดับสูงแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ทาง IWC นำกลไกฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์มาใช้ร่วมกับการแสดงตูร์บิยองบนฝั่งหน้าปัดอีกด้วย โดยเป็นการขับเคลื่อนของกลไกอินเฮ้าส์ คาลิเบอร์ 51950 ความถี่ 19,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 7 วัน พร้อมฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรอง ขึ้นลานแบบอัตโนมัติด้วยโรเตอร์ทองคำ 18 เค ฉลุโปร่งสลักตราสัญลักษณ์ 150 ปี โดยเป็นการเพิ่มโมดูลฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์เข้าไปบนกลไกคาลิเบอร์ 51900 ความน่าสนใจของกลไกเครื่องใหม่นี้ก็คือ การออกแบบให้การแสดงค่าต่างๆ บนหน้าปัดดูกลมกลืนเหมาะเจาะและสอดคล้องกับตำแหน่งของตูร์บิยองซึ่งเป็นแบบฟลายอิ้ง ได้อย่างลงตัวเป็นที่สุด ทั้งหมดนี้บรรจุมาในตัวเรือนเร้ดโกลด์ ขนาด 45 มม. หนา 15.3 มม. ผนึกกระจกแซฟไฟร์แบบขอบโค้งที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนมาทั้งสองฝั่ง พร้อมหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาวและแสดงค่าต่างๆ ด้วยเข็มสีน้ำเงินร่วมกับหลักชั่วโมงและสเกลพิมพ์สีดำ ผลิตขึ้นเพียงแค่ 50 เรือน

ค่าปฏิทินและมูนเฟส ออกแบบตำแหน่งมาอย่างลงตัว โดยแสดงวันที่ เดือน กับวัน ด้วยเข็ม บนหน้าปัดขนาดเล็ก ณ ตำแหน่ง 3, 6, 9 นาฬิกา สมดุลย์กับวงตูร์บิยองตำแหน่ง 12 นาฬิกาเป็นที่สุด ส่วนเข็มแสดงกำลังสำรองนั้นจัดวางไว้บนแกนเดียวกับเข็มวันที่ และวางจานมูนเฟสไว้ในวงหน้าปัดแสดงเดือน ขณะที่ตัวเลข 4 หลักสำหรับแสดงปีซึ่งใช้จานวงแหวน 3 จานประกอบกันนั้นจะแสดงผ่านช่องหน้าต่างขนาดเล็กยาว ณ ตำแหน่งราว 8 นาฬิกา ส่วนตราสัญลักษณ์ 150 ปี จะถูกสลักไว้บนโรเตอร์ทองคำ 18 เค ฉลุโปร่ง ซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง

Da Vinci Automatic Moon Phase 36 Edition “150 Years” (Ref. IW459304)

นาฬิกา Da Vinci ผลิตจำนวนจำกัด 50 เรือน รุ่นสำหรับคุณผู้หญิงรุ่นนี้ มอบความพิเศษสมกับเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่น Jubilee ด้วยการประดับเพชรอย่างประณีตบรรจงในสไตล์ยุคปลายทศวรรษที่ 80 ถึงช่วงทศวรรษที่ 90 อย่างที่เคยเห็นกันใน Ref. IW8435 ซึ่งเป็นนาฬิกา Lady Da Vinci ในตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ ในยุคนั้น สไตล์การตกแต่งอันน่าหลงใหลนี้ถูกนำมาใช้อีกครั้งบนขอบตัวเรือนและขายึดสาย วัสดุเร้ดโกลด์ของรุ่นนี้ ซึ่งเป็นการประดับด้วยเพชรจำนวนถึง 206 เม็ด น้ำหนักเพชรรวมประมาณ 2.26 กะรัต พร้อมมอบความงามพิสุทธิ์ด้วยหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาวที่แสดงค่าด้วยเข็มสีน้ำเงินพร้อมฟังก์ชั่นมูนเฟส โดยขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ กำลังสำรอง 42 ชั่วโมง ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง คาลิเบอร์ 35800 เช่นเดียวกับเวอร์ชั่นปกติของรุ่น Da Vinci Automatic Moon Phase 36

ตัวเรือนเร้ดโกลด์ ขนาด 36 มม. หนา 11.7 มม. ของรุ่นนี้ ผนึกด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ทรงโค้งที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนมาทั้ง 2 ฝั่ง ประดับเพชรจำนวน 206 เม็ด บนขอบตัวเรือนและขายึดสาย หน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว พิมพ์หลักชั่วโมงและสเกลด้วยสีดำ แสดงเวลาด้วยเข็มสีน้ำเงิน แสดงมูนเฟสผ่านช่องหน้าต่าง ฝาหลังเป็นแบบแผ่นทึบสลักตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์ 150 ปี พร้อมข้อความ EDITION 150 YEARS และหมายเลขประจำเรือน

Da Vinci Automatic Edition “150 Years” (Ref. IW358102)

Da Vinci รุ่นนี้นอกจากจะเป็นรุ่น Jubilee แล้ว ยังแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ด้วยการเป็นรุ่นแรกที่ได้ใช้กลไกอินเฮ้าส์เครื่องใหม่ คาลิเบอร์ 82200 ด้วย กลไกความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง แสดงเวลาแบบสองเข็มร่วมด้วยเข็มวินาทีขนาดเล็ก ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเครื่องนี้ขึ้นลานแบบอัตโนมัติด้วยระบบ “เพลเลตัน” โดยให้กำลังสำรองได้นานถึง 60 ชั่วโมง ตัวโรเตอร์ถูกฉลุสเกเลตันมาอย่างสวยงามพร้อมประดับเหรียญทองคำตราสัญลักษณ์ 150 ปี ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากกระจกแซฟไฟร์บนฝาหลัง นอกจากนี้ตัวกลไกยังได้รับการตกแต่งลายเซอร์คูลาร์เกรนนิ่งและเจนีวาสไตรพ์อีกต่างหาก บรรจุมาในตัวเรือนสตีล ขนาด 40.4 มม. หนา 12.1 มม. ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์แบบขอบโค้งที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนมาทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนหน้าปัดใช้เป็นแล็กเกอร์สีน้ำเงิน แสดงเวลาด้วยเข็มเคลือบโรเดียม ชี้ไปยังหลักชั่วโมงและสเกลที่พิมพ์ด้วยสีขาว ผลิตจำนวนจำกัด 500 เรือน โดยระบุข้อความ “ONE OUT OF 500” สลักอยู่ที่ขอบฝาหลัง

ส่วนรุ่นอื่นๆ ของ JUBILEE COLLECTION นั้นจะเปิดตัวเพิ่มเติมให้เห็นกันในงาน SIHH 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมกราคมที่กรุงเจนีวา

By: Viracharn T.