SPEAKE-MARIN J-Class Collection: One & Two ทุกองค์ประกอบคือดีไซน์
ปี 2017 นี้ Speake-Marin (สพีค-มาริน) แบรนด์นาฬิกาอิสระผู้รังสรรค์ผลงานสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยที่มีรูปแบบเฉพาะตัวสูง ได้ก้าวเข้าสู่มิติใหม่ของการนำเสนอทั้งในส่วนของแบรนด์ที่ก้าวเข้าร่วมจัดแสดง ณ งาน SIHH เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น และในส่วนของนาฬิกาที่ได้เปิดตัวนาฬิกาสไตล์คลาสสิกรุ่นใหม่ของคอลเลคชั่น J-Class ออกมาโดยใช้ชื่อเรียบง่ายว่า One & Two นาฬิการุ่นใหม่นี้มีกลไกอินเฮ้าส์รุ่นใหม่เป็นองค์ประกอบหลักของความงดงามอันน่าประทับใจ ทั้งยังคงมีอดีต เจมส์ บอนด์ อย่าง Pierce Brosnan รับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างต่อเนื่อง เพราะบุคลิกอันสุขุมแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันร้ายกาจของเขาผู้นี้ ช่างเหมาะกับคาแรกเตอร์ของนาฬิกา Speake-Marin เป็นอย่างยิ่ง
เสน่ห์ของนาฬิกา Speake-Marin นั้น นอกจากคุณภาพการผลิตที่ประณีตพิถีพิถันและไอเดียการออกแบบที่น่าสนใจแล้ว ดีเอ็นเอ ของแบรนด์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนในนาฬิกาทุกรุ่น ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ชวนให้ตกหลุมรัก ไม่ว่าจะเป็นลักษณะดีไซน์ของตัวเรือนที่ทางแบรนด์เรียกว่า “พิคคาดิลลี (Piccadilly)” ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากตัวเรือนของนาฬิกาโบราณ โดยตั้งชื่อตามย่าน พิคคาดิลลี ในกรุงลอนดอน ลักษณะของเข็มชั่วโมงกับนาทีรูปแบบเฉพาะตัวที่เรียกว่าเข็มสไตล์ Speake-Marin ลักษณะเม็ดมะยมขนาดใหญ่รูปทรงเพชรซึ่งมีร่องเป็นจีบสวยงาม ลักษณะโลโก้ของแบรนด์ที่เป็นรูปทรง “ท็อปปิ้ง ทูล” อันมีที่มาจากวงล้อของเครื่องจักรท็อปปิ้ง ทูล ซึ่งใช้ทำและแต่งร่องฟันของเฟืองจักร ที่มักปรากฎเป็นลักษณะของวีลอยู่กับนาฬิกาหลายรุ่น และสุดท้ายก็คือ การผลิตที่ทุกรุ่นทุกแบบล้วนถูกกระทำขึ้นแบบจำนวนจำกัดในจำนวนไม่มากนัก เพื่อให้ทางแบรนด์ได้คิดสร้างสรรค์รูปแบบการตกแต่งและเทคนิคการตกแต่งใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ และเพื่อให้แต่ละรุ่นแต่ละแบบที่ผลิตขึ้นมีความพิเศษอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม
J-Class Collection: One & Two ที่ออกมาใหม่นี้ อาจถือได้ว่าเป็นตัวแทนแห่งก้าวใหม่ของ Speake-Marin ที่แม้ว่าจะยังคงเป็นนาฬิกาสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยภายใต้การดีไซน์อย่างมีคอนเซ็ปต์ชัดเจนเฉกเช่นเดียวกับรุ่นพี่ร่วมคอลเลคชั่น J-Class แต่ก็มีการเพิ่มระดับความเชื่อมโยงระหว่างคอนเซ็ปต์การออกแบบกับดีไซน์ของกลไกให้มากยิ่งขึ้นจนเรียกได้ว่าตัวกลไกนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญของดีไซน์นาฬิกาในภาพรวมเลยทีเดียว
One & Two เป็นดีไซน์ที่ถูกออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด จึงมีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตระกูล J-Class ด้วยกันอย่างชัดเจน แต่ยังคงมี ดีเอ็นเอ เดียวกันอยู่โดยเห็นได้ชัดจากลักษณะของตัวเรือนดีไซน์ใหม่ ที่ยังคงมีลักษณะเค้าโครงของตัวเรือนแบบ “พิคคาดิลลี” อยู่ แต่นำมาปรับให้มีความร่วมสมัยยิ่งขึ้นกว่าตัวเรือนแบบ พิคคาดิลลี ที่ใช้กับรุ่นอื่นๆ ของตระกูล J-Class
ตัวเรือนแบบ พิคคาดิลลี โฉมใหม่ ของรุ่น One & Two แตกต่างจากตัวเรือน พิคคาดิลลี ของ J-Class รุ่นอื่นๆ ตรงที่มีการลดระดับความสูงและความหนาของชั้นวงขอบตัวเรือนและขอบฝาหลังลง และใช้กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนที่เป็นแบบทรงกล่องครอบแทนการติดตั้งไว้ในวงขอบตัวเรือน ซึ่งก็ทำให้ตัวเรือนมีขนาดที่บางลง อีกทั้งขาตัวเรือนก็มีขนาดที่สั้นลงด้วยเพื่อให้ตำแหน่งของจุดยึดสายอยู่ใกล้กับตัวเรือนยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังออกแบบให้ส่วนล่างของเม็ดมะยมขนาดใหญ่รูปแบบเฉพาะตัวของแบรนด์ จมลึกเข้าไปในตัวเรือนมากขึ้นอีกต่างหาก ภาพรวมของตัวเรือนโฉมใหม่นี้จึงมีความคลาสสิกที่ดูเรียบร้อยและละมุนละไมยิ่งขึ้น แต่ยังคงเป็นตัวของตัวเองอยู่ในทุกรายละเอียด
อีกประการสำคัญที่เป็นจุดกำเนิดแห่งความงดงามของรุ่น One & Two ก็คือ กลไกอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ รุ่นใหม่ คาลิเบอร์ SMA01 กำลังสำรอง 52 ชั่วโมง ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก กลไกเครื่องนี้เป็นเลิศทั้งทางด้านเทคนิคด้วยขนาดตัวเครื่องที่บางลงจากการออกแบบที่เหนือชั้น โดยเฉพาะการออกแบบให้โรเตอร์ขึ้นลานขนาดเล็กผนึกเข้ากับชิ้นบริดจ์และวางตัวอยู่ภายในช่องกลมของเพลทกลไก และทางด้านความงดงามของการออกแบบเลย์เอ้าท์ชิ้นเพลทและบริดจ์ พร้อมการขัดแต่งอย่างประณีต ตลอดจนการวางเข็มวินาทีขนาดเล็กไว้ที่ตำแหน่ง 1.30 นาฬิกา ซึ่งแตกต่างจากนาฬิกาทั่วไป
เพลทและบริดจ์ของกลไกเครื่องนี้นอกจากจะได้รับการขัดแต่งมาอย่างสวยงามแล้ว ยังถูกเคลือบให้เป็นสีเทา โดยใช้เสมือนหนึ่งเป็นพื้นหน้าปัดไปในตัว ขณะที่สเกลสำหรับอ่านค่าเวลาถูกพิมพ์ลงบนวงขอบหน้าปัดสีเงิน และมีหน้าปัดขนาดเล็กสีขาวสำหรับแสดงวินาทีด้วยเข็มบลูด์สตีลดีไซน์แบบหัวห่วง ส่วนเข็มชั่วโมงกับนาทีจะติดตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางตามปกติ สำหรับเรื่องของความแม่นยำในการทำงานก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผ่านการรับรองตามมาตรฐานโครโนมิเตอร์ของ COSC มาเป็นที่เรียบร้อย
ความสวยงามทางฝั่งด้านหลังของกลไก เผยสู่สายตาอย่างชัดเจนผ่านกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนบานใหญ่ที่ผนึกอยู่บนฝาหลัง
One & Two เปิดตัวมาพร้อมกันใน 2 ทางเลือกวัสดุ คือ เวอร์ชั่นตัวเรือนเร้ดโกลด์ คู่กับเข็มชั่วโมงกับนาทีเคลือบเร้ดโกลด์ และสายหนังจระเข้สีน้ำตาล กับเวอร์ชั่นตัวเรือนไทเทเนี่ยม คู่กับเข็มบลูด์สตีล และสายหนังจระเข้สีดำ ซึ่งทั้ง 2 เวอร์ชั่นวัสดุ จะมีตัวเรือนให้เลือก 2 ขนาด คือ 38 มม. กับ 42 มม. โดยทุกวัสดุและทุกขนาดจะเป็นการผลิตแบบ ลิมิเต็ด เอดิชั่น ในจำนวนจำกัด
เรือนซ้ายเป็นเวอร์ชั่นตัวเรือนเร้ดโกลด์ ขนาด 38 มม. ส่วนเรือนขวาเป็นเวอร์ชั่นตัวเรือนไทเทเนี่ยม ขนาด 42 มม.
พบกับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.speake-marin.com
By: Viracharn T.