SEIKO นำเสนอ 1968 Automatic Diver นาฬิกาดำน้ำสไตล์คลาสสิกรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2018 จากตระกูล PROSPEX

By: Viracharn Termpipatpong 

 

หลังจากที่ SEIKO ประสบความสำเร็จกับการนำรูปแบบและแรงบันดาลใจจากนาฬิกาดำน้ำรุ่นเด่นในประวัติศาสตร์ของตนกลับมารังสรรค์เป็นนาฬิการุ่นใหม่หลายๆ รุ่นตลอดช่วงไม่กี่ปีมานี้ จึงไม่เป็นเรื่องเกินความคาดหมายที่จะดำเนินกลยุทธ์เช่นนี้ต่อไป และในปี 2018 นี้ นาฬิกาที่ถูกนำมาเป็นต้นแบบในการสร้างสรรค์ก็คือ นาฬิกาดำน้ำลึก 300 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ ไฮ-บีท ความถี่สูง ซึ่งทาง SEIKO เริ่มผลิตออกจำหน่ายในปี 1968

 

ความสำคัญของรุ่นดั้งเดิมปี 1968 นี้ก็คือ ฐานะการเป็นนาฬิกาดำน้ำที่ใช้กลไกจักรกลแบบความถี่การทำงานสูงรุ่นแรกของประเทศญี่ปุ่น และมีคุณสมบัติทางเทคนิคอันยอดเยี่ยมและเป็นบรรทัดฐานของนาฬิกาดำน้ำชั้นเลิศ อย่างเช่น ระดับการกันน้ำถึงความลึก 300 เมตร โครงสร้างตัวเรือนแบบชิ้นเดียว เม็ดมะยมแบบล็อคเกลียว และขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทิศทางเดียวสำหรับจับเวลาการดำน้ำ เป็นต้น

 

1968 original

นาฬิกาดำน้ำ 300 เมตร กลไกอัตโนมัติ ไฮ-บีท รุ่นดั้งเดิมที่เริ่มผลิตเมื่อปี 1968

 

นาฬิการุ่นใหม่ที่สืบทอดคุณลักษณะมาจากรุ่นต้นฉบับปี 1968 นี้ ทาง SEIKO ให้ชื่อว่า The 1968 Automatic Diver โดยแยกเป็น 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น ผลิตจำนวนจำกัด 2 รุ่น คือ The 1968 Automatic Diver’s Re-creation Limited Edition รหัส SLA025 กับ The 1968 Automatic Diver’s Commemorative Limited Edition รหัส SLA019 และหนึ่งรุ่นปกติ The 1968 Automatic Diver’s Modern Re-interpretation ซึ่งมี 2 เวอร์ชั่น คือ เวอร์ชั่นสายสตีล รหัส SPB077 กับเวอร์ชั่นสายซิลิโคน รหัส SPB079 โดยแต่ละรุ่น ล้วนใช้ตัวเรือนวัสดุสตีล ที่เคลือบเพิ่มความแข็งแกร่งทนทานด้วยเทคนิค ซูเปอร์-ฮาร์ด โค้ตติ้ง ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ใช้เม็ดมะยมแบบเกลียวล็อค ติดตั้งที่ตำแหน่งราว 4 นาฬิกา แต่มีรายละเอียดหลายประการที่แตกต่างกัน ทั้งตัวเรือน ขนาดตัวเรือน การขัดแต่ง รูปแบบดีไซน์ของหน้าปัด เข็ม และสายนาฬิกา ไปจนถึงกลไกอัตโนมัติที่เป็นคนละคาลิเบอร์กัน โดยทั้งหมดนี้จัดอยู่ในคอลเลคชั่น Prospex อันเป็นตระกูลนาฬิกาสปอร์ตสมรรถนะสูงของ SEIKO

 

 The 1968 Automatic Diver’s Re-creation Limited Edition รหัส SLA025

SLA025 เป็นรุ่นที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับรุ่นต้นฉบับที่สุด ทั้งลักษณะและรูปทรงของตัวเรือนที่เป็นแบบชิ้นเดียวซึ่งมีผิวด้านหลังเป็นแบบราบเรียบ ดีไซน์ของรายละเอียดบนหน้าปัดสีดำและชิ้นหลักชั่วโมงกับเข็มสีทอง และใช้สายยางดีไซน์ปิระมิดสไตล์ดั้งเดิมแต่ทำขึ้นจากวัสดุซิลิโคนความทนทานสูงที่ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีล่าสุด นอกจากนี้ยังเพิ่มเติมความเป็นเลิศด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ที่เป็นแบบผิวโค้งทั้งสองฝั่งพร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนเพื่อให้มองเห็นหน้าปัดได้กระจ่างชัดที่สุด และมีการขัดเงาที่ขอบชิ้นหลักชั่วโมงซึ่งให้ทั้งความคมชัดในการอ่านค่าและความสวยงามยามต้องแสง ส่วนกลไกที่ใช้กับรุ่นนี้เป็น กลไกอัตโนมัติ ไฮ-บีท ความถี่สูงถึง 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง (10 บีท เท่ากับกลไกของรุ่นต้นฉบับปี 1968) กำลังสำรอง 55 ชั่วโมง คาลิเบอร์ 8L55 ซึ่งถูกออกแบบและผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับใช้กับนาฬิกาดำน้ำโดยเฉพาะ จากฝีมือของนักประดิษฐ์กลไกที่สตูดิโอผลิตนาฬิกา Shizukuishi ซึ่งตั้งอยู่ที่ โมริโอกะ ในภาคเหนือของญี่ปุ่น โดยบรรจุอยู่ในตัวเรือนขนาด 44.8 มม. หนา 15.7 มม. ที่ถูกขัดเงาด้วยกรรมวิธี ซารัตสึ ซึ่งเป็นเทคนิคการขัดแต่งระดับสูงสุดของ SEIKO พร้อมแผ่นวงแหวนสีดำบนวงขอบตัวเรือนดีไซน์เดียวกับต้นฉบับ โดยตัวเรือนนี้สามารถกันน้ำได้ถึงระดับ 300 เมตร และกันสนามแม่เหล็กได้ถึงระดับ 16,000 A/m ผลิตขึ้นด้วยจำนวนจำกัดเพียงแค่ 1,500 เรือน

 

SLA025 b 

SLA025 ถอดแบบดีไซน์มาจากรุ่นต้นฉบับปี 1968 ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,500 เรือน

 

The 1968 Automatic Diver’s Commemorative Limited Edition รหัส SLA019

สำหรับ SLA019 นี้ เป็นรุ่นที่สร้างให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับรุ่นต้นฉบับเช่นกัน หากแต่มีการออกแบบการตกแต่งที่เพิ่มเติมลักษณะพิเศษเฉพาะรุ่นในดีไซน์แบบร่วมสมัยเข้าไป อันได้แก่ สีเขียวเข้มที่ใช้กับพื้นหน้าปัดและแผ่นวงแหวนวัสดุเซอร์โคเนียเซรามิกบนขอบตัวเรือน ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากความเขียวชอุ่มของต้นซีดาร์อันเก่าแก่บนเกาะ ยากุชิมะ ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใต้สุดของหมู่เกาะญี่ปุ่น อันเป็นจุดหมายที่เหล่านักดำน้ำหลงรัก อีกทั้งบนหลักนาทีที่ 5, 10, 15 และ 20 บนขอบตัวเรือนยังได้เคลือบสารเรืองแสง ลูมิไบรท์ เอาไว้ด้วย และบนหน้าปัดก็มีโลโก้ “X” อันหมายถึงนาฬิกาตระกูล Prospex กำกับเอาไว้

 

SLA019 a

SLA019 ผสมผสานดีไซน์ของรุ่นต้นฉบับเข้ากับดีไซน์แบบร่วมสมัยและเพิ่มรูปแบบเฉพาะตัวเข้าไป โดยชูสีเขียวเข้มแห่งต้นซีดาร์เป็นเอกลักษณ์ประจำรุ่น ผลิตจำนวนจำกัด 1,968 เรือน

 

ตัวเรือนขนาด 44.3 มม. หนา 15.4 มม. ที่มีคุณสมบัติการกันน้ำได้ถึงระดับ 300 เมตร และกันสนามแม่เหล็กได้ถึงระดับ 16,000 A/m ของรุ่นนี้ บรรจุกลไกอัตโนมัติ ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง คาลิเบอร์ 8L35 เอาไว้ภายใน ส่วนสายที่มากับตัวนาฬิกานั้นจะเป็นสายสตีลเคลือบ ซูเปอร์-ฮาร์ด โค้ตติ้ง ดีไซน์สปอร์ตหรูซึ่งมีตัวล็อคสายที่สามารถเลื่อนปรับระดับความยาวของสายได้ โดยมีสายซิลิโคนความทนทานสูงให้มาสลับใช้งานอีกเส้นหนึ่ง จำนวนการผลิตของรุ่นนี้ ถูกกำหนดเอาไว้ที่ 1,968 เรือน ตามเลขปีกำเนิดของรุ่นต้นฉบับ

 

The 1968 Automatic Diver’s Modern Re-interpretation รหัส SPB077 และรหัส SPB079 

นอกจาก 2 รุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น แล้ว SEIKO ก็สร้างรุ่นโปรดักชั่นปกติออกมาด้วย โดยยังคงมีดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น ทั้งสอง แต่มาในรูปแบบที่ดูสมัยใหม่กว่าด้วยการใช้ลักษณะการออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ ตามแบบอย่างนาฬิกาดำน้ำ Prospex ยุคปัจจุบัน อาทิ วงขอบตัวเรือนที่บางกว่า รูปทรงของเข็ม และโลโก้ “X” บ่งบอกความเป็นตระกูล Prospex เป็นต้น อีกทั้งตัวเรือนสตีลที่ใช้ก็มีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย เป็น 44 มม. หนา 13.1 มม. โดยมีคุณสมบัติการกันน้ำถึงระดับความลึก 200 เมตร และกันสนามแม่เหล็กได้ถึงระดับ 4,800 A/m โดยใช้ตัวเรือนแบบปกติที่มีฝาหลังเป็นแบบล็อคเกลียว

 

SPB077 และ SPB079 สองรุ่นโปรดักชั่นปกติที่หลอมรวมดีไซน์แบบดั้งเดิมสมัยปี 1968 เข้ากับดีไซน์นาฬิกาดำน้ำตระกูล Prospex ในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว 

1968 Automatic Diver รุ่นโปรดักชั่นปกติ ใช้กลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 6R15 ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 50 ชั่วโมง เปิดตัวออกมาพร้อมกัน 2 เวอร์ชั่น คือ รหัส SPB077 ซึ่งใช้วงแหวนขอบตัวเรือนเป็นสีดำและมาพร้อมกับสายวัสดุสตีล เคลือบ ซูเปอร์-ฮาร์ด โค้ตติ้ง และใช้ตัวล็อคสายที่สามารถขยายระดับความยาวของสายได้ และรหัส SPB079 ที่ใช้วงแหวนขอบตัวเรือนเป็นสีน้ำเงิน และมากับสายซิลิโคนสีดำ โดยทั้งคู่ต่างใช้หน้าปัดสีดำเช่นเดียวกัน

 

2

 

SPB077 และ SPB079