iamwatch

Twitter

แฟนๆ ของ GLASHÜTTE ORIGINAL (กลาสฮุตเตอ ออริกินาล) คงทราบกันอยู่แล้วว่าเมื่อปี 2015 แบรนด์นาฬิกาเยอรมันแบรนด์นี้ได้เปิดตัวนาฬิกาเวิลด์ไทม์ของตระกูล Senator โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Cosmopolite ออกมา ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบกันมากเพราะเป็นนาฬิกาฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ที่มีหน้าปัดเรียบง่ายไม่วุ่นวายซึ่งต่างกับนาฬิกาเวิลด์ไทม์โดยส่วนใหญ่ เรียกว่าหากดูเผินๆ อาจคิดว่ามันเป็นนาฬิกาฟังก์ชั่นโครโนกราฟด้วยซ้ำไป แถมยังปรับตั้งเวลาได้ง่ายและใช้งานได้ครอบคลุมถึงไทม์โซนที่มีเวลาต่างไปครึ่งชั่วโมงหรือ 15 กับ 45 นาทีอีกต่างหาก ซึ่งที่จริงก็เป็นการสืบทอดลักษณะการแสดงเวลาเวิลด์ไทม์มาจากสุดยอดนาฬิกาของแบรนด์รุ่น Grande Cosmopolite Tourbillon (ฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์+เพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ ที่ทำงานอย่างแม่นยำด้วยตูร์บิยองแบบฟลายอิ้ง) ที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2012 นั่นเอง และจากแรกเปิดตัวเมื่อปี 2015 ในวัสดุตัวเรือนไวท์โกลด์หรือเร้ดโกลด์ มาถึงปี 2018 นี้ทางแบรนด์ก็ปล่อยเวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล ซึ่งมีราคาค่าตัวที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ออกมาให้เชยชมกันอีกเวอร์ชั่นหนึ่งแล้ว

ด้วยความที่ตัวเรือนสตีลกับตัวเรือนไวท์โกลด์นั้น หากเพียงเห็นแต่ไม่ได้สัมผัสก็คงบอกไม่ได้ว่าเรือนไหนเป็นวัสดุใด ดังนั้นทางแบรนด์จึงต้องปรับดีไซน์ของหน้าปัดเวอร์ชั่นเรือนสตีลให้ต่างออกไปจากเวอร์ชั่นเรือนทองคำทั้งสอง รูปแบบที่ทางแบรนด์ใช้ก็คือ การใช้ดีไซน์ที่ดูเป็นทางการน้อยกว่ากันอีกนิดด้วยการเปลี่ยนหลักชั่วโมงจากการพิมพ์เลขโรมันสีดำสไตล์คลาสสิกมาเป็นเลขอารบิกร่วมกับชิ้นแท่งขีดสีน้ำเงิน เปลี่ยนสเกลนาทีกับวินาทีจากแบบรางรถไฟมาเป็นแบบขีด เอาสีน้ำเงินบนพื้นครึ่งกลางคืนของวงหน้าปัดแสดงกลางวัน/กลางคืนออก แล้วใช้เป็นภาพพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดวง เป็นสีดำ และล้อมวงหน้าปัดแสดงเวลาขนาดเล็ก 2 วงด้วยขอบวงแหวนสีเงิน แต่ยังคงใช้พื้นหน้าปัดสีขาวผิวด้านกึ่งเงา และใช้เข็มสตีลสีน้ำเงินเหมือนเดิม อีกทั้งยังจับคู่มากับสายหนังจระเข้ หลุยเซียน่า สีน้ำเงินเข้มเช่นเดียวกับเวอร์ชั่นไวท์โกลด์

รายละเอียดทางเทคนิคยังคงไม่แตกต่างจากเวอร์ชั่นเรือนทองคำ นั่นก็คือ รูปแบบอันโดดเด่นของการแสดงเวลาจากการทำงานของชุดโมดูลกลไกอันซับซ้อนโดยใช้เข็มชั่วโมงกับนาที 2 ชุด ซึ่งแยกการทำงานเป็นอิสระจากกัน คือ ชุดเข็มขนาดเล็กสำหรับเวลาโฮมไทม์ที่แสดงค่าบนวงหน้าปัดตำแหน่ง 12 นาฬิกาพร้อมสัญลักษณ์สีขาวหรือดำเพื่อแสดงกลางวัน/กลางคืนในช่องกลมขนาดเล็ก ซึ่งปรับตั้งเวลาด้วยเม็ดมะยมตำแหน่ง 2 นาฬิกา กับชุดเข็มกลางสำหรับเวลาท้องถิ่นปัจจุบันซึ่งปรับตั้งด้วยเม็ดมะยมตำแหน่ง 8 นาฬิกา โดยชุดเข็มแสดงเวลาท้องถิ่นปัจจุบัน จะทำงานสัมพันธ์กับเข็มวินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เข็มแสดงกลางวัน/กลางคืนที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และฟังก์ชั่นวันที่แบบพานอรามาเดท ซึ่งแสดงด้วยตัวเลขขนาดใหญ่ 2 หลักในช่องหน้าต่างตำแหน่ง 4 นาฬิกา และเชื่อมโยงเข้ากับฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ ซึ่งอ้างอิงแต่ละไทม์โซนด้วยอักษรย่อของชื่อเมือง (ตามโค้ดสนามบินที่ IATA กำหนด) ที่ปรากฎอยู่ภายในช่องหน้าต่างสี่เหลี่ยม 2 ช่อง ซึ่งขนาบขีดหลักชั่วโมง 8 นาฬิกาเอาไว้ เหตุผลที่มีหน้าต่าง 2 ช่องก็เพื่อให้ปรับตั้งได้ว่าในช่วงเวลานั้นเป็นเวลาเดย์ไลท์เซฟวิ่งไทม์ (DST) หรือเวลาปกติ สแตนดาร์ดไทม์ (STD) ของเมืองนั้นๆ ซึ่งทำให้แสดงเวลาได้ตรงตามความเป็นจริงที่สุด

ฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์ของกลไกเครื่องนี้สามารถแสดงเวลาได้มากถึง 36 ไทม์โซน (24 ไทม์โซนที่เป็นแบบเต็มชั่วโมงจะเป็นอักษรสีดำ ส่วน 9 ไทม์โซนที่เวลาต่างไปครึ่งชั่วโมงจะเป็นอักษรสีน้ำเงิน และอีก 3 ไทม์โซนซึ่งมีเวลาต่างไป 15 นาทีหรือ 45 นาทีจะเป็นอักษรสีแดง) ซึ่งมากกว่าฟังก์ชั่นเวิลด์ไทม์รูปแบบปกติทั่วไปที่แสดงเวลาได้แค่ 24 ไทม์โซน อันเป็นเวลาแบบเต็มชั่วโมงเท่านั้น การปรับเลือกไทม์โซนจะใช้เม็ดมะยมตำแหน่ง 4 นาฬิกา ที่สามารถหมุนได้ทั้งไปข้างหน้าและย้อนกลับจนกว่าชื่อเมืองที่ต้องการจะปรากฏอยู่ในช่องหน้าต่าง DST หรือ STD ตามที่ต้องการ โดยเข็มแสดงเวลาท้องถิ่นปัจจุบันก็จะหมุนไปข้างหน้าหรือย้อนกลับตามการเคลื่อนของชื่อเมืองเป็นจังหวะละ 15 นาที ซึ่งจานแสดงวันที่และเข็มแสดงกลางวัน/กลางคืนก็จะปรับไปข้างหน้าหรือย้อนกลับตามกันไปด้วย การออกแบบระบบกลไกในลักษณะนี้ถือเป็นความชาญฉลาดอย่างยิ่งเพราะทำให้สามารถอ่านค่าและปรับตั้งเวลาได้อย่างสะดวกง่ายดายมากๆ แถมยังมีฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองมาให้โดยใช้แถบสีดำ-ขาว แสดงผ่านช่องทรงโค้งในวงหน้าปัด 12 นาฬิกาอีกต่างหาก

เครื่องที่ใช้กับเวอร์ชั่นสตีลนี้ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเวอร์ชั่นเรือนทอง นั่นก็คือเครื่องอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ ขึ้นลานด้วยโรเตอร์ขนาดเล็กที่มีชิ้นถ่วงน้ำหนักเป็นวัสดุทองคำ 21 เค ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 72 ชั่วโมง คาลิเบอร์ 89-02 ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ถึง 39.2 มม. แผ่กว้างเต็มตัวเรือน ซึ่งสามารถมองผ่านกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนบนฝาหลังเพื่อชื่นชมความงามของลักษณะกลไกตามแบบฉบับของแบรนด์ อันได้แก่ เพลทแบบทรีควอเตอร์ ระบบปรับตั้งเรทด้วยสปริงสวอนเน็ค การสลักข้อความและชื่อแบรนด์พร้อมลงสีทอง โรเตอร์ฉลุสเกเลตันเป็นโลโก้ดับเบิ้ลจีของแบรนด์ การขัดแต่งแบบลายแถบริ้ว การขัดเงาลบเหลี่ยม การขัดเงาบนชิ้นส่วนวัสดุสตีล การใช้สกรูว์สีน้ำเงิน และการสลักลวดลายด้วยมือบนค็อกบริดจ์ ได้อย่างชัดเจนเต็มตา ส่วนตัวเรือนขนาดเท่าเดิม คือ 44 มม. หนา 14 มม. ผนึกกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนมาทั้ง 2 ฝั่ง ก็มีการขัดแต่งตามธรรมเนียมของแบรนด์เช่นเดียวกัน นั่นก็คือ การขัดลายที่บริเวณด้านข้าง การขัดเงาลบเหลี่ยมบริเวณขอบมุม และการขัดเงาบนขอบตัวเรือนกับขาตัวเรือน

ทางแบรนด์เปิดราคาของ Senator Cosmopolite เวอร์ชั่นตัวเรือนสตีลรุ่นนี้ไว้ที่ 20,700 ยูโร หากใช้ตัวล็อคสายเป็นแบบหัวเข็มขัด (Ref. 1-89-02-03-02-01) หรือ 21,000 ยูโร หากใช้ตัวล็อคสายเป็นแบบบานพับ (Ref. 1-89-02-03-02-30) ซึ่งต่ำกว่าราคา 38,400 ยูโรของเวอร์ชั่นตัวเรือนไวท์โกลด์ หรือราคา 36,900 ยูโรของเวอร์ชั่นตัวเรือนเร้ดโกลด์อยู่เยอะเลย

By: Viracharn T.