History written in the present tense

นาฬิกาที่มีโครงสร้างอันเรียบง่าย จากการออกแบบที่แสดงให้เห็นได้ จากความบริสุทธิ์ของหน้าปัดสีขาว และแสดงเวลาด้วยเข็มเพียงเข็มเดียว แต่ยังคงสามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างแม่นยำ จากสิ่งที่กำเนิดขึ้นเมื่อกว่าสองศตวรรษก่อน แต่ยังไม่เคยได้สร้างขึ้น สู่รูปแบบนาฬิกาพก Souscription อันเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ที่มาพร้อมความล้ำสมัยที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบนาฬิกาข้อมือ กับหน้าปัดเคลือบสีขาวแวววาวอันวิจิตรงดงาม ซึ่งจำลองจิตวิญญาณของนาฬิกา ที่เคยผลิตขึ้นที่เวิร์กช็อปของ Abraham-Louis Breguet
อย่างเช่นนาฬิกาหมายเลข 246, 324 และ 383 พร้อมด้านหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรง มาจากสถาปัตยกรรมของนาฬิกา Souscription เรือนแรกที่ลงนามโดย A.-L. Breguet ที่มาพร้อมหน้าปัดเคลือบแบบอีนาเมล อันเป็นสัญลักษณ์ของความงามอันประณีตจากความตั้งใจ กับหน้าปัดที่มีความเรียบง่ายและสามารถอ่านค่าได้ง่าย ผนวกกับส่วนกลางหน้าปัดที่เป็นเข็มแบบบริเกต์ ในแบบปลายเปิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งผลิตจากสตีลที่ผ่านการเผาไฟ จนเกิดเป็นสีน้ำเงินและผ่านการดัดโค้งด้วยมือในทุกกระบวนการ
จนเกิดเป็นปลายที่เรียวแหลมของเข็มนาฬิกา ที่ชี้จรดอยู่เหนือตัวเลขในแบบบริเกต์ อันเลื่องชื่อซึ่งจะชี้โดยการงุ้มลงบนหน้าปัดเล็กน้อย เช่นเดียวกันกับแทร็คนาฬิกา (Chemin de Fer) พร้อมการแบ่งส่วนเวลาซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อระบุค่าเวลาชั่วโมงและเครื่องหมาย 5, 10, 15 และ 30 นาที ผนวกตัวเลขและเครื่องหมายนาที ที่เป็นสีดำจากการเคลือบอีนาเมลแบบเปอตีฟูว์ (Petit Feu) ร่วมกันกับตราสัญลักษณ์แบรนด์ BREGUET ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา โดยมีส่วนที่จะเห็นได้จากมุมของแสงตกกระทบในบางมุม
เช่นเดียวกันกับนาฬิกาพก Souscription ในอดีต ทั้งชื่อรุ่น หมายเลขซีเรียลเฉพาะประจำเรือน และลายเซ็นต์ลับของ BREGUET ที่จะปรากฏอย่างแนบเนียน ระหว่างส่วนกลางหน้าปัดและตำแหน่ง 6 นาฬิกา โดยลายเซ็นต์นี้ได้รับการถ่ายทอด มาจากนาฬิการุ่น Souscription ดั้งเดิม ซึ่งทำหน้าที่ในการรับรองผลงานที่แท้จริงจากเวิร์กช็อปของ BREGUET เพื่อป้องกันการปลอมแปลง โดยทำขึ้นได้โดยเครื่องมือที่มีความแม่นยำ ในแบบเดียวกันกับในสมัยของ A.-L. Breguet ด้วยเครื่องแพนโทกราฟปลายแหลมแบบเพชร
ซึ่งทำให้สามารถแกะสลักตัวอักษรไว้ ลงบนแผ่นหน้าปัดที่ผ่านการเคลือบอีนาเมลมาแล้วได้อย่างประณีต พร้อมลักษณะความคลาสสิคที่ได้รับการปกป้อง ด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่มีรูปทรงที่โค้งมน โดยนวัตกรรมนี้ถือเป็นผลงานอีกชิ้นของ A.-L. Breguet ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับหน้าปัดนี้ที่มีความบาง และยังมีความโค้งมนเข้าหาขอบอย่างนุ่มนวล เพื่อให้กลมกลืนเข้ากับตัวเรือนได้อย่างงดงาม ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสมัยนั้น โดยรูปร่างที่โดดเด่นนี้ก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่ง ของคำศัพท์ในวงการนาฬิการ่วมสมัยในทุกวันนี้
นอกจากนี้ Classique Souscription ใน Ref. 2025 จาก BREGUET ยังมีการนำเสนอโลหะผสมทองของตัวเองในชื่อบริเกต์โกลด์ อันเป็นโลหะมีค่าที่ผสมผสานระหว่างทอง เงิน ทองแดง และแพลเลเดียม ในตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตรและหนา 10.8 มิลลิเมตร พร้อมดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่นโดยให้ความสำคัญ กับเรื่องของหลักการทางสรีรศาสตร์เป็นพิเศษ โดยร่องหยักในแบบบริเกต์อันเป็นเอกลักษณ์ ถูกแทนที่ด้วยตัวเรือนแบบขัดลายซาตินอันประณีต ซึ่งยังคงไว้ซึ่งสไตล์ของนาฬิกาในแบบรุ่นดั้งเดิม ในขณะที่ขาตัวเรือนจะโค้งงอ
เพื่อให้พอดีกับข้อมือมากขึ้น และด้วยเหตุนี้จึงให้รูปลักษณ์โดยรวม ที่มีความลื่นไหลกว่าขาตัวเรือนแบบดั้งเดิม โดยที่ด้านหลังของตัวเรือนจะกรุด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ในแบบทรงโดมขนาดใหญ่ที่เผยให้เห็นโครงสร้างกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ VS00 ใหม่ในโทนสีทองในเฉดสีเดียวกับบริเกต์โกลด์ ที่ตกแต่งด้วยลวดลายกิโยเช่แบบใหม่ ที่เปิดตัวในนาฬิการุ่นนี้ในชื่อเรียกว่าไควเดอฮอโลจ (Quai de l’Horloge) ที่มีความประณีตและละเอียดอ่อน เพื่อสร้างความกลมกลืนได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จากงานกิโยเช่อันเป็นศิลปะที่มีชีวิต
ด้วยความเชี่ยวชาญของ BREGUET จากรูปแบบของโครงสร้างของกลไกในนาฬิกาSouscription รุ่นแรกที่ผลิตโดย A.-L. Breguet ที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับกลไกคาลิเบอร์นี้ ที่ทำงานด้วยความถี่ระดับ 3 เฮริท์ซหรือ 21,600 รอบต่อชั่วโมง และให้พลังสำรองที่น่าประทับใจอย่างยาวนาน ถึงสี่วันจากชุดบาร์เรลเพียงชุดเดียว พร้อมกับสปริงบาลานซ์ซึ่งเป็นสปริงขดขนาดเล็ก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการแสดงค่าเวลาที่แม่นยำของกลไกนาฬิกา ที่ผ่านการเคลือบสีน้ำเงินและมีโอเวอร์คอยล์ ในแบบบริเกต์ที่ผลิตขึ้นจากนิวาครอง
อันเป็นโลหะผสมที่ไม่เป็นแม่เหล็ก ซึ่งประกอบไปด้วยไททาเนียมเป็นหลัก ที่ทำให้กลไกนี้ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ สนามแม่เหล็ก และแรงกระแทกได้ดี พร้อมแผ่นเพลทและบริจด์ในเทคนิคการพ่นทรายอันประณีต ซึ่งเป็นการตกแต่งในรูปแบบใหม่ ที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงมาจากกลไกของ A.-L. Breguet พร้อมสกรูว์แบบบลูด์ในโทนสีน้ำเงิน ที่ช่วยเสริมกลไกให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมบริเวณกึ่งกลางที่เป็นชุดเฟืองวงล้อขนาดใหญ่ ซึ่งมีการสลักข้อความสำคัญจากอดีตอันมีความหมายเอาไว้