New GRAND SEIKO in Ref. SLGB003 from Evolution 9 Collection

การแสวงหาความแม่นยำในระดับสูง ถือเป็นรากฐานของค่านิยมแห่ง GRAND SEIKO มาตั้งแต่การสร้างนาฬิการุ่นแรกในปี 1960 ที่ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษ 1970s การพัฒนากลไกสปริงไดรฟ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะผสมผสานระบบการให้พลังงาน ตามแบบดั้งเดิมด้วยสปริงลานเข้ากับความก้าวหน้า ของการผลิตนาฬิกาอิเล็กทรอนิก อันล้ำสมัยได้อย่างกลมกลืน และในปี 2004 GRAND SEIKO ก็ได้เปิดตัวกลไกสปริงไดรฟ์คาลิเบอร์9R65 ที่มอบอัตราความแม่นยำได้ไม่เกิน 15 วินาทีต่อเดือน
วันนี้ มรดกแห่งความแม่นยำในการสร้างนาฬิกา ได้ก้าวสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัวกลไกสปริงไดรฟ์ คาลิเบอร์ 9RB2 ที่ได้รับการรับรองด้วยเกณฑ์มาตรฐานใหม่ U.F.A. ที่ย่อมาจาก “Ultra Fine Accuracy” (อัลตรา ไฟน์ แอคคิวเรซี) ซึ่งแปลว่า “ความแม่นยำระดับสูงเป็นพิเศษ” โดยกลไกสุดล้ำนี้จะมอบความแม่นยำในระดับ ที่ไม่ได้วัดค่าเป็นวินาทีต่อวัน ต่อสัปดาห์ หรือต่อเดือน แต่วัดจากค่าความแม่นยำในตลอดระยะเวลาถึง 1 ปีในระดับไม่เกิน 20 วินาที และทำให้กลไกชุดนี้เป็นกลไกสำหรับนาฬิกาข้อมือ
ที่ผ่านการขับเคลื่อนด้วยสปริงลาน ที่ทำงานได้แม่นยำมากที่สุดในปัจจุบัน จากข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2025 ซึ่งอ้างอิงจากการค้นคว้าของทาง GRAND SEIKO จากในปี 2025 ที่กลไกคาลิเบอร์ 9RB2 ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในคอลเลคชั่น Evolution 9 ที่มาพร้อมรูปแบบการตกแต่งอันมีที่มา จากภูมิทัศน์ทางทิศตะวันออกของชินชูว็อชสตูดิโอ นั่นก็คือที่ราบสูงคิริกามิเนะซึ่งสามารถพบเห็นเหล่าต้นไม้ ที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งได้ในช่วงฤดูหนาว ที่นำสู่ลายผิวอันประณีตบนหน้าปัด ที่จับภาพความงามของป่าน้ำแข็งแห่งนี้
ด้วยเทคนิคการตกแต่งหลายชนิด ที่ก่อให้เกิดโทนสีฟ้าอ่อนที่ดูละเมียดละไม แต่สะดุดตาด้วยรูปแบบที่เป็นธรรมชาติ และกับกลไกคาลิเบอร์ใหม่นี้ที่มีประสิทธิภาพ ที่เป็นผลมาจากการใช้วิธีและกระบวนการ ในด้านการผลิตแบบใหม่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น จากการใช้ควอท์ซออสซิลเลเตอร์ที่ถูกบ่มเป็นเวลานาน 3 เดือนพร้อมการออกแบบวงจรรวมขึ้นใหม่ โดยความถี่ของควอท์ซออสซิลเลเตอร์แต่ละชิ้นนี้ จะถูกวัดที่อุณหภูมิที่แตกต่างกันในหลายระดับ โดยมีการชดเชยอุณหภูมิที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ ที่วงจรรวมชนิดใช้พลังงานระดับต่ำ
เช่นเดียวกับกลไกสปริงไดรฟ์ซีรี่ส์ 9RA ที่ทั้งออสซิลเลเตอร์และเซ็นเซอร์จะถูกผนึก ในแบบสูญญากาศเพื่อลดความแตกต่างของอุณหภูมิ และป้องกันผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น ความชื้น ไฟฟ้าสถิต และแสงสว่าง จึงสามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ และทำให้ควอท์ซออสซิลเลเตอร์ มีประสิทธิภาพและมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น และยังเป็นครั้งแรกที่กลไกสปริงไดรฟ์ จะมีสวิตช์เพื่อควบคุมและปรับตั้งในการซ่อมบำรุง เพื่อแก้ไขความคลาดเคลื่อนของความแม่นยำ ที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อนาฬิกาถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน
มาพร้อมกับลวดลายบนหน้าปัดที่เกิดจากการกดประทับ อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามของป่าน้ำแข็งในโทนสีฟ้าอมเงิน ที่ชวนให้นึกถึงป่าน้ำแข็งที่มองเห็นได้ในขณะอากาศสดใส พร้อมเสริมเสน่ห์ความงามด้วยการใช้เข็มวินาที ที่ผ่านอุณหภูมิที่สูงจนเกิดเป็นสีน้ำเงิน พร้อมด้วยดีไซน์ที่กะทัดรัดของชุดกลไก จึงทำให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวเรือนเพียง37 มิลลิเมตร และทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นนาฬิการุ่นที่มีขนาดที่เล็กที่สุด ในนาฬิกากลไกซีรี่ส์ 9R ณ ปัจจุบันซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีข้อมือขนาดเล็ก
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดล็อคสาย ที่ผ่านการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อให้สามารถปรับตั้ง ระยะของความยาวสายได้อย่างละเอียดอีกถึง 3 ระดับในช่วงระยะละ 2 มิลลิเมตรโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และความสบายในขณะสวมใส่ พร้อมความสวยงามของชุดกลไก ที่เผยให้เห็นผ่านฝาหลังที่กรุด้วยกระจกแซพไฟร์ และความแวววาวด้วยพื้นผิวด้านนอก ที่ถูกขัดเงาดุจกระจกบนแนวลาด ของส่วนขอบ จากดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ของชินชูว็อชสตูดิโออันเป็นแหล่งผลิต
และสะท้อนให้เห็นถึงความงาม อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของญี่ปุ่น ที่โดดเด่นด้วยเสน่ห์ของความสง่างามอย่างเรียบง่าย พร้อมชิ้นทับทิมที่ปรากฏและเปรียบเสมือนดวงดาว อันเปล่งประกายระยิบระยับอยู่เหนือภูเขา ในช่วงต้นของฤดูหนาว ขณะที่พื้นผิวกลไกซึ่งถูกตกแต่งอย่างละเอียดอ่อน สะท้อนถึงน้ำค้างที่จับตัวแข็งในฤดูหนาว ที่ปกคลุมเหล่าต้นไม้ในชินชู ซึ่งเป็นแหล่งผลิตนาฬิกา GRAND SEIKO กับชุดกลไกสปริงไดรฟ์ทุกเรือน โดยนาฬิกาใน Ref. SLGB003 ใหม่ล่าสุดนี้จะมีราคาจำหน่ายที่ประเทศไทย 409,000 บาท