WATCHES & WONDERS Geneva 2025, Part IV

สำหรับสื่อมวลชนแล้ว แค่การเข้าร่วมเซสชั่นที่สำคัญอย่าง Touch & Try ที่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์และนาฬิการุ่นใหม่แล้ว ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการตกแต่งพาวิลเลี่ยน และบูธต่างๆ ของทุกแบรนด์ ที่ต่างก็ประดับและตกแต่ง ให้เป็นไปตามสไตล์ของแบรนด์ในปีนี้ รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่ทำให้ทุกนาทีมีค่ามากที่สุด ณ ที่งานจัดแสดงนี้

 

Watches and Wonders 2024 b roll 2

 

ในปีนี้ยังคงมีคนไทยเข้าร่วมงานมากขึ้นจากเดิม ทั้งในส่วนของตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าต่างๆ สื่อมวลชน และส่วนที่สำคัญที่สุดอีกส่วนหนึ่งคือลูกค้าคนสำคัญ ที่ถูกเชื้อเชิญให้เข้าร่วมงานเป็นพิเศษ โดยต้องเป็นการเชิญเป็นพิเศษเฉพาะบุคคลเท่านั้น โดยผู้เข้าร่วมงานจะสามารถทานอาหารแบบคอร์ส ดื่มเครื่องดื่มทุกชนิดรวมทั้งแอลกอฮอลล์แบบหลากหลาย ได้อย่างเต็มที่ตลอดเวลาทั้งในและนอกบูธของแบรนด์ต่างๆ

 

01

 

02

 

03

 

04

 

กับ ANGELUS ที่นำเสนอนาฬิการุ่น Flying Tourbillon Titanium Blue ใหม่ที่มาพร้อมหน้าปัดโทนสีน้ำเงิน กับสไตล์ของหน้าปัดสเกเลตันตูร์บิยอง พร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจากไทเทเนี่ยม นอกจากนี้ก็ยังมีนาฬิการุ่น Chronographe Télémètre Steel Rose แบบตัวเรือนสตีลกับหน้าปัดสีแซลมอน และแบบตัวเรือนเยลโลว์โกลด์กับหน้าปัดสีเงิน โดยทั้งสองรุ่นเป็นการนำเสนอสีสันหน้าปัดเพิ่มเติมจากเดิม

 

05

 

06

 

และ GRAND SEIKO กับการนำเสนอนาฬิการุ่นที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ Spring Drive U.F.A. จากคอลเลคชั่น Evolution 9 ที่มาพร้อมหน้าปัดสีฟ้าอ่อน ในขนาดตัวเรือนที่ 37 มิลลิเมตร และทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 9RB2 ที่โดดเด่นที่สุดด้วยอัตราความแม่นยำ ในการแสดงค่าเวลาที่ +/- 20 วินาทีต่อปี โดยนำเสนอพร้อมนาฬิการุ่นที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่ผลิตตัวเรือนจากวัสดุล้ำค่าอย่างแพลทตินั่ม

 

08

 

09

 

10

 

11

 

ส่วน PIAGET นำเสนอนาฬิกาในคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด Sixtie ในแบบเจเวลรี่ว็อช พร้อมกันกับนาฬิการุ่น Polo 79 ใหม่ในวัสดุไวท์โกลด์อันโดดเด่น จากความสำเร็จของนาฬิการุ่น Polo 79 ในวัสดุเยลโลว์โกลด์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วก่อนหน้า รวมทั้ง Polo Perpetual Calendar Obsidian ในโทนสีน้ำเงิน และโทนสีเขียวพร้อมการประดับด้วย เอเมอรัลทรงบาเก็ตต์รอบขอบหน้าปัด ที่ผลิตในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น

 

12

 

13

 

15

 

นอกจากนี้ยังมี BVLGARI ที่นำเสนอ New Serpenti ที่พัฒนาจากรุ่นเดิมสู่รูปแบบ ที่ทันสมัยขึ้นสำหรับยุคปัจจุบัน ในขณะที่ Serpenti เดิมก็มีการปรับปรุงโดยใช้กลไกอัตโนมัติ รวมทั้ง Octo Finissimo ใหม่แบบโรสโกลด์ที่เป็นการต่อยอด จากแบบไทเทเนี่ยมยอดนิยมรุ่นเดิม และ Octo Finissimo Marble Tourbillon ที่เพิ่มความหรูหราด้วยหน้าปัด ที่ผลิตจากหินอ่อนผนวกเข้ากับชุดกลไกแบบตูร์บิยอง

 

16

 

17

 

18

 

กับ CHOPARD นำเสนอ L.U.C Quattro – Mark IV ที่โดดเด่นด้วยสปริงบาเรลที่มีความยาวถึง 1.8 เมตรเพื่อมอบพลังสำรองลานที่ยาวนานและมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น ต่อมาคือ Alpine Eagle 41XS CS Platinum อันโดดเด่นและหรูหราที่มาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงิน ในเท็กซ์เจอร์โทนสีน้ำเงิน “เชดออฟไอซ์” และ Happy Sport ใหม่ในแบบที่หรูหรายิ่งขึ้นจากการประดับเพชรรอบขอบหน้าปัด และหน้าปัดที่มีสีสันที่แตกต่างยิ่งขึ้น

 

19

 

30

 

31

 

และ IWC พร้อมการนำเสนอนาฬิการุ่น Inginieur Automatic 42 ที่มาพร้อมตัวเรือนและสาย แบบเซรามิคสีดำในขนาด 42 มิลลิเมตร พร้อมกันกับแบบตัวเรือนที่ผลิตจากวัสดุล้ำค่า อย่างทองคำในขนาดตัวเรือนที่ 40 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอนาฬิกา กลไกคอมพลิเคทเป็นครั้งแรกของ Ingenieur กับ Perpetual Calendar ในตัวเรือนสตีลขนาด 41 มิลลิเมตรกับหน้าปัดโทนสีฟ้าอันสวยงาม

 

33

 

34

 

ส่วน MONTBLAC มากับนาฬิการุ่นใหม่สองรุ่นทั้ง 1858 Geosphere Carbo 0 Oxygen ใหม่ในตัวเรือนคาร์บอนที่ยังคงสไตล์ ของนาฬิการุ่นดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน พร้อมจำนวนการผลิตในแบบจำนวนจำกัดที่ 1,969 เรือน และ 1858 Annual Calendar Limited Edition นาฬิกาแนวกึ่งเดรสที่นำเสนอในกลไกแบบคอมพลิเคท พร้อมตัวเรือนล้ำค่าวัสดุไลม์โกลด์ และผลิตในแบบจำนวนจำกัดที่ 30 เรือนทั่วโลก

 

35

 

36

 

37

 

38

 

39

 

นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาที่โดดเด่นจาก JAEGER-LeCOULTRE ที่นำเสนอนาฬิการุ่น Reverso Tribute Minute Repeater ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีด้านเสียง ที่ต้องพัฒนาชุดกลไกที่ก้าวหน้าด้วยตัวเองทั้งหมด นอกจากนี้ยังมี Reverso Tribute Geographic ที่เด่นด้วยความงดงามของหน้าปัดด้านหลัง ที่แสดงแผนที่โลกพร้อมชื่อเมือง เพื่อการใช้งานฟังก์ชั่นเทรเวลไทม์และเวริล์ดไทม ได้อย่างครบถ้วนในสไตล์ของแบรนด์