GIRARD-PERREGAUX Laureato Green Ceramic ASTON MARTIN Edition
GIRARD-PERREGAUX นำเสนอเรือนเวลารุ่นใหม่Laureato Green Ceramic Aston Martin Edition ที่นับเป็นครั้งแรกสำหรับ Laureato ในตัวเรือนและสายเซรามิคสีเขียว โดยนับเป็นความร่วมมือครั้งล่าสุดระหว่างเมซงแห่งสวิส และแบรนด์สัญชาติอังกฤษ กับสองบริษัทที่ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นดั่งตัวแทนถึงการทดสอบแห่งเวลา ขณะที่บางวัสดุซึ่งนำมาใช้ในนาฬิการ่วมระหว่างสองแบรนด์รุ่นใหม่เหล่านี้ยังมีความทันสมัยพิเศษ เพื่อแสดงความเคารพแด่หัวใจอันเป็นแก่นแท้นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกของ Laureato เรื่อยมา โดยนำเสนอผ่านตัวเรือนสองขนาดทั้ง 42 มิลลิเมตรและ 38 มิลลิเมตรโดยแต่ละเวอร์ชั่นจะผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด และรังสรรค์ขึ้นโดยคงไว้ซึ่งความพิเศษที่หาชมได้ยาก
โดย ASTON MARTIN และ GIRARD-PERREGAUX เข้าสู่ข้อตกลงในการทำงานร่วมกันตั้งแต่ปี 2021 เพื่อพัฒนางานหลายด้าน พร้อมทั้งนาฬิการุ่นพิเศษที่นำเสนอมาตลอดจนถึงปีนี้อีกด้วย โดยเรื่องราวของนาฬิการุ่นพิเศษสำหรับปี 2023 นี้มีที่มาจากปี 1900 ที่การแข่งขันความเร็วรายการ Gordon Bennett Cup ที่จัดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส และมีรถยนต์ที่เข้าร่วมการแข่งขัน บนถนนสาธารณะระหว่างปารีสและลียง ซึ่งสีสันต่างๆ ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ให้กับรถแข่งโดยอ้างอิงจากสัญชาติของนักขับ จึงทำให้รถแข่งจากฝรั่งเศสมักปรากฏโฉมภายใต้สีน้ำเงิน ขณะที่รถแข่งอิตาลีมาพร้อมสีแดง ส่วนรถแข่งเบลเยียมปรากฏตัวในเฉดสีเหลือง ต่างจากรถแข่งเยอรมันที่เป็นสีขาว/สีเงิน และรถแข่งจากอังกฤษจะตกแต่งด้วยเฉดสีเขียว
และนับจากนั้นเอง ที่สีเขียวได้กลายเป็นความสง่างามของรถแข่งสัญชาติอังกฤษเรื่อยมา เช่นเดียวกับในวันนี้ ที่ยังคงนำมาใช้ในรถแข่งของ ASTON MARTIN รุ่นปัจจุบันและเป็นเหตุผลที่นาฬิการ่วมระหว่างสองแบรนด์ในรุ่นใหม่นี้จะเผยโฉมภายใต้เฉดสีเขียว ที่ชวนให้หวนนึกถึงแนวคิดแห่งสมรรถนะ และความสำเร็จที่นำมาผนวกรูปโฉมเข้ากับนาฬิกาจากปี 1975 ที่ Laureato เรือนแรกมาพร้อมความโดดเด่น ของขอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยม ผสานเข้ากับฐานทรงกลมซึ่งจัดวางอยู่เหนือตัวเรือนจนกลายมาเป็น GIRARD-PERREGAUX Laureato Green Ceramic ASTON MARTIN Edition กับนวัตกรรมวัสดุเซรามิคอันทันสมัยที่มีน้ำหนักเบาจากส่วนประกอบของเซอร์โคเนียมออกไซด์และเมทัลลิกออกไซด์
ซึ่งชิ้นส่วนเซรามิคนั้นจะมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ หรือแข็งกว่าสตีลสูงสุดถึงเจ็ดเท่า และยังมอบซึ่งความทนทานต่อการขีดข่วนได้อย่างน่าทึ่ง อันเป็นคุณภาพที่ทำให้มั่นใจว่า นาฬิกาจะยังคงรักษาภาพลักษณ์ความใหม่เสมือนเพิ่งออกจากร้านนาฬิกาไว้ได้เสมอ แม้ว่าจะผ่านระยะเวลาไปแล้วหลายปี กับอีกหนึ่งคุณลักษณะอันโดดเด่นของชิ้นส่วนเซรามิกสีเขียวนั้นคือ การที่ชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่เคยเก่าหรือซีดจางแม้กาลเวลาล่วงเลยไป นอกเหนือจากนี้ เซรามิคยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโดยรอบ ทั้งยังมีน้ำหนักเบา ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิว และพิสูจน์ได้ถึงความเรียบเนียนอันน่าทึ่ง ซึ่งทุกองค์ประกอบเหล่านี้ได้มอบความสะดวกสบายพิเศษให้กับผู้สวมใส่
พร้อมเข็มแสดงเวลาชั่วโมงและนาทีทรง ‘บาตอง’ (baton) แบบสเกเลตัน ซึ่งทั้งเบาและเปี่ยมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานขณะที่หน้าปัดนาฬิกานำเสนองานออกแบบการแรเส้นเงาขวาง (cross-hatch) ด้วยลวดลายรูปทรงดั่งเพชรที่พบได้เช่นกันในโลโก้ ‘AM’(1921-1926) เช่นเดียวกับบนที่นั่งแบบควิลท์ (quilted) ที่พบได้ในรถยนต์สมรรถนะสูงบางรุ่นของ ASTON MARTIN ไม่ว่าจะเป็นรุ่น DB4 จากต้นยุค 60s หรือ DBS V8 ในยุค 70s หรือรุ่น Vantage ในยุคใหม่ ที่ทุกรุ่นทั้งหมดได้แลกเปลี่ยนซึ่งคุณลักษณะเดียวกันของความสง่างาม คุณภาพ และสมรรถนะตามแบบฉบับของ ASTON MARTIN ที่มีแนวคิดและปรัชญาในการทำงานเช่นเดียวกันกับ GIRARD-PERREGAUX
ในตัวเรือนเพรียวบาง ที่ในรุ่นขนาด 42 มิลลิเมตรจะทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์01800 ขณะที่รุ่นขนาด 38 มิลลิเมตรจะทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ GP03300 ที่สามารถชื่นชมการทำงานของกลไกทั้งสองคาลิเบอร์ได้ผ่านฝาหลังแบบโปร่งใส ที่โดดเด่นทั้งลวดลายเกรนที่ปรากฏบนแท่นกลไกขณะที่ชิ้นส่วนอื่นๆ ก็ยังคงความงดงามประณีตด้วยงานการขัดขอบลบมุม,ขัดเงาแบบกระจก, ขัดด้านแบบซาติน, ขัดลายขดก้นหอย,ตกแต่งแบบซันเรย์ และงานแกะสลักอีกหลากหลาย โดยบริจด์จะตกแต่งด้วยลายแถบตรงโคตส์เดอเฌแนฟ ส่วนโรเตอร์จะตกแต่งด้วยลวดลายโคตส์เดอเฌแนฟแบบวงกลมพร้อมการสำรองพลังงานได้นานอย่างน้อยที่สุดถึง 46 ชั่วโมง