VAN CLEEF & ARPELS Alhambra เครื่องประดับนำโชคตั้งแต่ปี 1968 เป็นต้นมา

VAN CLEEF & ARPELS เจิดจรัสกับประกายสุกสว่างสะกดสายตาอีกครั้ง ด้วยห้าผลงานรังสรรค์ใหม่โดยอาศัยวัสดุไวท์โกลด์สลักลายรัศมีตะวันแบบกิโยเช่เป็นจุดเด่น นอกจากนั้นยังมีนาฬิกาข้อมือตัวเรือนโรสโกลด์พร้อมสายคาดร้อยลูกปัด สำหรับเป็นบทเติมเต็มให้แก่บรรดางานออกแบบสไตล์ “เครื่องประดับนำโชค” อันอยู่เหนือกระแสความนิยมเป็นเวลามาหลายปีแล้ว ที่โมทิฟแผ่นลาย Alhambra ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นนวัตกรรมรังสรรค์ความสดใหม่ ร่วมกับการใช้วัสดุเลอค่านานาชนิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

 

Screenshot 2565 12 25 at 10.50.04

 

อย่างเช่นในปีนี้ ที่คอลเลคชัjนผลงานอันทรงแบบฉบับดั้งเดิม ได้ทำการต้อนรับสมาชิกใหม่อันประกอบไปด้วยหนึ่งสร้อยคอยาว, หนึ่งสร้อยข้อมือ, หนึ่งแหวน กับต่างหูอีกหนึ่งคู่ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนโดดเด่นสะดุดตาด้วยงานฝีมือตัวเรือนไวท์โกลด์สลักลายเส้นรัศมีตะวันกิโยเช่ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ให้ความสำคัญกับเวลา และความพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเมซงได้เริ่มนำหัตถศิลป์สุดวิจิตรบรรจงนี้ มาใช้เป็นครั้งแรกกับหน้าปัดนาฬิกาข้อมือในระหว่างทศวรรษ 1910 ก่อนขยายผลไปสู่รายละเอียดการตกแต่งบนพื้นผิวโลหะเลอค่า

2

เพื่อรองรับงานเครื่องประดับนานาชนิดในช่วงทศวรรษที่ 1930 อาทิเช่น กล่องเครื่องประดับ หรือกล่องเก็บของใช้จุกจิก ตลับแป้ง และกระเป๋าถือทรงกล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า “มิโนดิเอร” (Minaudière) โดยเป็นงานสลักลายเส้นจำลองแบบลำแสงสาดส่องของวงรัศมีดวงอาทิตย์ ที่เรียงริ้วเป็นร่องลึกลดหลั่นบนพื้นผิวเนื้อทองรอง รับแถวไข่มุกลูกปัดทองเดินขอบล้อมกรอบ รอบรูปทรงใบโคลเวอร์สี่แฉกของแผ่นโมทิฟ Albambra พร้อมทวีความสมบูรณ์ด้านการออกแบบ ด้วยงานฝังลูกปัดไวท์โกลด์เม็ดเดี่ยวตรงกึ่งกลาง

1 VCARP3JK00 Vintage Alhambra WG Guilloche Van Cleef Arpels

VAN CLEEF & ARPELS ทวีความโดดเด่นเป็นหนึ่งของ Alhambra ในฐานะเครื่องประดับนำโชคผ่านผลงานใหม่ ซึ่งสรรค์สร้างขึ้นจากการหลอมรวมไหวพริบพลิกแพลง และทักษะความชำนาญด้านงานผลิตนาฬิกา เข้ากับแรงบันดาลใจอันได้จากเครื่องประดับอัญมณี รวมกันทำให้นาฬิกาข้อมือ Sweet Alhambra รุ่นใหม่ จรัสประกายอบอุ่นละมุนละไมของโรสโกลด์ จากงานออกแบบซึ่งถือกำเนิดขึ้นบนจุดบรรจบ ระหว่างเทคนิคงานฝีมือลูกปัดทองอันทรงเอกลักษณ์ กับทักษะความชำนาญด้านการผลิตนาฬิกาข้อมือ

3

พร้อมความเป็นผู้หญิงที่ถูกถ่ายทอด ผ่านงานออกแบบเครื่องประดับอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นขอบตัวเรือนที่เดินขอบด้วยลูกปัดทองสองแถว ล้อมรอบผืนหน้าปัดที่ผลิตจากแผ่นมุกสีขาวกระจ่าง หรือความอ่อนช้อยของสายคาดข้อมือ ประกอบลูกปัดทองสุดประณีตตามโค้งสรีระของข้อมือ เพื่อมอบความสบายยามสวมใส่ในทุกอากัปการเคลื่อนไหว นอกจากนี้สายคาดสร้อยข้อมือยังง่ายต่อการปลด ออกจากตัวเรือนนาฬิกาเพื่ออำนวยความสะดวกในการสลับสับเปลี่ยน กับสายคาดที่ผลิตจากผ้าเนื้อริบบินลายเกล็ด “กรอส-เกรน”

4

หรือจะเป็นทางเลือกสายหนังจระเข้ก็ตาม ด้วยเหตุนี้นาฬิการุ่นนี้จึงเหมาะอย่างยิ่ง ในฐานะเครื่องประดับบอกเวลา ในการเติมความงามสง่าให้แก่ทุกลุคการแต่งกายประจำวัน พร้อมกับเป็นสื่อสะท้อนถึงความรู้สึก และอารมณ์ของผู้สวมใส่ในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี ตามสไตล์ของคอลเลคชั่น Alhambra ที่ครองตำแหน่งหนึ่งในงานออกแบบเครื่องประดับอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ กับงานสร้างสรรค์ที่เปรียบเสมือนบทสะท้อนถึงทักษะหลากแขนงแห่งเมซง จากงานเจียระไนไปจนถึงงานขึ้นโครงสร้างเครื่องประดับ

 

6

และจากงานฝังรัตนชาติขึ้นตัวเรือน ไปจนถึงขั้นตอนของการขัดผิว ที่แต่ละชิ้นล้วนต้องอาศัยความชำนาญด้านต่างๆ มากมาย ดังจะเห็นได้จากโมทิฟไวท์โกลด์สลักลายกิโยเช่ ท่ามกลางแถวลูกปัดทองล้อมกรอบอย่างงามสง่า ซึ่งถือเป็นสไตล์เฉพาะตัวของเครื่องประดับกลุ่ม Vintage Alhambra โดยกรอบตัวเรือนอันเลอค่านี้จะได้รับการตรวจตรา และปรับแต่งโดยช่างหัตถศิลป์ชั้นสูงด้านงานโครงสร้างตัวเรือน ก่อนดำเนินการดัดโค้งก้านหนามเตย เพื่อให้ลูกปัดส่วนปลายลงมาทำหน้าที่ยึดแผ่นโมทิฟ

7

ซึ่งถูกฝังลงบนหน้าตัวเรือนให้ลงตำแหน่งเข้าที่อย่างแน่นหนา จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนของการขัดผิวชิ้นงานเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อขับประกายสุกสว่างเป็นเงางาม ดังนั้นตั้งแต่การเริ่มต้นเลือกสรรวัสดุ ไปจนถึงการหล่อแบบตัวเรือนมาสู่งานตกแต่งรายละเอียดทางรูปทรง จนจบลงที่งานตรวจสอบควบคุมคุณภาพ โดยมีความใส่ใจในรายละเอียดของทั้งกระบวนการผลิต ไม่น้อยกว่าสิบห้าขั้นตอนนี้ ล้วนจำเป็นอย่างยิ่งในการผลิตผลงานอันทรงแบบฉบับดั้งเดิมไว้ ที่คงทนและครองความงามอยู่เหนือกระแสความนิยมของยุคสมัยได้ตลอดกาล