GRAND SEIKO Elegance Collection, Ref.SBGW285 กับแสงและเงาแห่งสีเขียวอันล้ำลึก

เมื่อเรือนเวลากลไกไขลาน คือต้นกำเนิดของนาฬิกา GRAND SEIKO ตั้งแต่ปี 1960 จึงไม่น่าแปลกใจที่ทางแบรนด์ยังคงสืบสานตำนานแห่งจุดเริ่มต้น ด้วยการนำเสนอทายาทของเรือนเวลานี้ให้คงอยู่ในคอลเลคชั่นปัจจุบัน โดยหลังจากที่เคยสร้างนาฬิการุ่นรี-ครีเอชั่น ที่นำรูปแบบดีไซน์ของรุ่นต้นฉบับมาสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี 2020 ในวาระฉลองครบรอบปีที่ 60 แห่งการถือกำเนิด โดยขยายสัดส่วนของตัวเรือนจาก 35 มิลลิเมตรขึ้นมาเป็น 38 มิลลิเมตรเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในยุคปัจจุบันยิ่งขึ้น แต่ยังคงความบางของตัวเรือนโดยมีความหนาเพียง 10.9 มิลลิเมตรเท่านั้น

 

Screen Shot 2565 05 23 at 21.01.12

 

มาถึงปีนี้ทาง GRAND SEIKO จึงมีการนำเสนอเรือนเวลากลไกไขลานรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดซึ่งนาฬิกาใน Ref. SBGW285 ก็คือหนึ่งในนาฬิกาเหล่านั้นนั้นโดยถูกจัดอยู่ใน Elegance Collection เช่นเดียวกับรุ่นรี-ครีเอชั่นฉลอครบรอบปีที่ 60 แต่มากับตัวเรือนดีไซน์คลาสสิคที่ดูร่วมสมัยยิ่งขึ้น หากมีขนาดย่อมลงไปกว่าอีกนิดนั่นก็คือ 37.3 มิลลิเมตรและหนา 11.7 มิลลิเมตร ที่แม้ว่าจะมีขนาดที่วัดได้ค่อนข้างเล็กกับความหนาที่มากขึ้น แต่เมื่อพินิจด้านความยาวจากปลายขาตัวเรือนด้านบนจรดปลายขาตัวเรือนฝั่งด้านล่าง จะได้จำนวนความกว้างทั้งหมดเป็น 44.3 มิลลิเมตร

 

Screen Shot 2565 05 23 at 20.35.32

 

ทำให้สามารถวางแนบข้อมือได้อย่างสมดุล พร้อมเสริมความโดดเด่นด้วยเม็ดมะยมขนาดค่อนข้างใหญ่และหนาเมื่อเทียบกับขนาดของตัวเรือน ร่วมกับการมอบอารมณ์วินเทจพอดีๆ แบบไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ทั้งยังมอบความวาววับดุจกระจกเงาด้วยผิวตัวเรือน จากการขัดเทคนิคซารัทซึตามแบบฉบับของนาฬิกา GRAND SEIKO ผนวกกับผิวเงาของสายจระเข้สีเขียวเข้ม โทนเดียวกันกับสีของหน้าปัด ที่สอดคล้องกับผิวเงาวาววับของหลักชั่วโมงและเข็มแสดงเวลาทั้งหมด ที่ผ่านการขัดเงาในลักษณะเดียวกันทั้งเรือน

 

Screen Shot 2565 05 23 at 20.35.25

  

โดยหน้าปัดซึ่งมาในโทนสีเขียวเข้มเช่นเดียวกับสีของสายหนังจระเข้นี้ มีแรงบันดาลใจแห่งสีสันมาจากบรรยากาศของการเปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนสู่ฤดูใบไม้ร่วง ของป่าอันเงียบสงบในแถบชิสุกุอิชิทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น อันเป็นสถานที่ตั้งแหล่งผลิตเรือนเวลาของ GRAND SEIKO โดยเป็นสีเขียวของใบไม้ที่ทวีความเข้มขึ้นเรื่อยๆ บนพื้นผิวที่ตกแต่งด้วยลายคล้ายเส้นใยธรรมชาติ ที่ร่วมกันถ่ายทอดแสงและเงาอันน่าประทับใจยิ่งเมื่อต้องแสง โดยความเข้มข้นของสีจะแปรเปลี่ยนไปตามปริมาณแสงและมุมที่แสงตกกระทบ ผ่านกระจแซพไฟร์ทรงกล่องที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน

 

 

 

Screen Shot 2565 05 23 at 20.43.57

 

 

 

ทั้งยังทำให้เห็นการเคลื่อนที่ของเข็มวินาทีเล่มเรียว ที่ดัดปลายโค้งตามแนวกระจกได้อย่างชัดเจน ซึ่งการเล่นกับแสงและเงานี้ คือหนึ่งในลักษณะเฉพาะตัวแห่งความงดงามของเรือนเวลาจาก GRAND SEIKO ที่ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์ไขลานคาลิเบอร์ 9S64 แสดงเวลาแบบ 3 เข็ม พร้อมขนาดของชุดกลไกที่บางเฉียบ ที่ได้รับการตกแต่งมาอย่างเรียบง่ายแต่พิถีพิถันในทุกอณู ตั้งแต่ขั้นตอนการตกแต่ง การประกอบ และการปรับตั้งชุดแสดงเวลาด้วยมือ ซึ่งเปิดโอกาสให้ชื่นชมได้อย่างเต็มตาผ่านฝาหลังที่กรุกระจกแซพไฟร์

 

Screen Shot 2565 05 23 at 20.35.39

  

ซึ่งจุดเด่นของกลไกคาลิเบอร์นี้ก็คือ การใช้สายใยลานที่มีขนาดยาวเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถมีพลังสำรองลานได้อย่างยาวนานถึง 72 ชั่วโมง และให้อัตราความแม่นยำโดยเฉลี่ยที่ระดับ -3 ถึง +5 วินาทีต่อวัน ทั้งยังมากับฟังก์ชั่นที่สามารถหยุดเข็มวินาทีขณะตั้งเวลาได้ เพื่อให้สามารถตั้งค่าเวลาได้จนถึงระดับวินาที ซึ่งคาลิเบอร์ชุดนี้จะเป็นคาลิเบอร์ชุดเดียวกันกับที่ใช้อยู่ในนาฬิการุ่นรี-ครีเอชั่นฉลองครบรอบปีที่ 60 ของเรือนเวลารุ่นบุกเบิกแห่ง GRAND SEIKO ที่ยังคงเป็นที่สนใจของบรรดานักสะสมนาฬิกาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

 

Screen Shot 2565 05 23 at 20.34.52

 

ดังนั้นมิติความลึกของแสงและเงา บวกกับสีเขียวเข้มและลายผิวบนหน้าปัด ผนวกเข้ากับลายผิวของหนังจระเข้ที่เข้ากันได้ดี ก็คือความเรียบง่ายที่ถ่ายทอดความงามได้อย่างไม่เหมือนใคร ซึ่งยังไม่มีนาฬิกาแบรนด์ใดสามารถมอบความละเอียดอ่อน และถ่ายทอดอารมณ์ดุจธรรมชาติได้เหมือนกับ GRAND SEIKO ซึ่งก็คือเสน่ห์เฉพาะตัวของแบรนด์นาฬิการะดับสูงจากญี่ปุ่น โดยนาฬิกา GRAND SEIKO, Elegance Collection ใน Ref. SBGW285 นี้จะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 185,800 บาท

 654 copy