The Return of Casquette 2.0 by GIRARD-PERREGAUX

Casquette นาฬิการุ่นดั้งเดิมที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 1976 ถึง 1978 โดย GIRARD-PERREGAUX ซึ่งมีนาฬิกาจำนวนเพียง 8200 เรือนที่ผลิตขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ นาฬิการุ่นนี้ได้กลายเป็นที่ตามหาอย่างมากของบรรดาผู้ซึ่งหลงใหลในนาฬิกา รวมทั้งผู้ที่ชื่นชอบในสไตล์และลุคอันโดดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งในวันนี้ Casquette ได้หวนคืนสู่ตลาดอีกครั้งพร้อมชื่อ Casquette 2.0 ที่ไม่เพียงแค่โดดเด่นจากงานออกแบบในสไตล์รุ่นดั้งเดิม แต่ทว่ายังพิเศษด้วยวัสดุเซรามิคและไทเทเนียมเกรด 5 พร้อมกลไกควอท์ซชุดใหม่ที่เปี่ยมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานเพิ่มเติม และท้ายสุดกับตัวเรือนที่ออกแบบให้รับกับสรีระข้อมือ เพื่อความเหมาะสมและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน

 

Screen Shot 2565 02 28 at 23.08.48

 

โดยในปี 1976 GIRARD-PERREGAUX ได้เผยโฉม Casquette ในฐานะเรือนเวลาอันล้ำสมัยด้วยการแสดงค่าเวลา ด้วยหลอดแอลอีดีพร้อมกลไกควอท์ซ ภายใต้จิตวิญญาณของเครื่องบอกเวลาแห่งยุค 70s ที่แตกต่างไปจากนาฬิกาสองเข็มชี้แสดงเวลาตามแบบประเพณีทั่วไป ซึ่งทำให้แบรนด์ GIRARD-PERREGAUX ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1791 กลายเป็นที่สนใจในฐานะผู้นำแถวหน้า ของการแสดงเวลาด้วยกลไกควอท์ซ ด้วยระดับความถี่ในการทำงานที่32,768 เฮริท์ซ ที่ในเวลาต่อมานั้นได้ถูกนำไปใช้เป็นมาตรฐานสากลของบรรดานาฬิกาควอท์ซของแบรนด์ต่างๆ ในยุคนั้น ในตัวเรือนทั้งหมดสามแบบทั้งมาโครลอน (Makrolon® หรือโพลีคาร์บอเนต), แผ่นเยลโลโกลด์ และสตีล

 

Screen Shot 2565 02 28 at 23.03.17

 

อันที่จริงแล้วชื่อ Casquette นี้ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการเปิดตัวสู่ตลาดโดยใช้เพียง Ref. ตามปกติสำหรับแบรนด์นาฬิกา อย่างไรตาม บรรดานักสะสมนาฬิกาก็เริ่มที่จะตั้งชื่อเล่นนี้ขึ้น จากความชื่นชอบและหลงใหลให้กับนาฬิการุ่นนี้ว่า Casquette ซึ่งกลายเป็นฉายาที่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในคำเรียกขานสำหรับผู้คนในแวดวงของผู้ที่รู้จักเครื่องบอกเวลาเสมอมา เพราะ Casquette ไม่เพียงแค่ใช้กลไกควอท์ซที่มีความเที่ยงตรงสูงเท่านั้น แต่ยังมีภาพลักษณ์ที่ฉีกออกจากกฎเกณฑ์ประเพณีดั้งเดิม ในสไตล์ของตัวเรือนอันล้ำสมัยที่เชื่อมโยง ถึงงานออกแบบอันทรงพลังของรถมัสเซิลคาร์ในยุค 70s พร้อมแสงจากแอลอีดีซึ่งดูคล้ายกับไฟท้ายของรถเหล่านี้นั่นเอง

 

Screen Shot 2565 02 28 at 23.03.42

 

ในปีนี้ Casquette กลับมาอีกครั้งพร้อมรหัสพ่วงท้ายว่า 2.0 ในตัวเรือนเซรามิคที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี พร้อมฝาหลังไทเทเนียมเกรด 5 ซึ่งทั้งไทเทเนียมและเซรามิคนั้นต่างมีคุณสมบัติ ของการไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวพร้อมน้ำหนักที่เบา พร้อมปุ่มกดที่ผลิตจากไทเทเนียมเช่นกัน ที่รวมกันทำให้นาฬิการุ่นนี้มีน้ำหนักเบาเพียง 107 กรัม พร้อมกับการประดับด้วยโลโก้ GP สไตล์ย้อนยุค จากความร่วมมือของ Bamford Watch Department ที่ได้สร้างนาฬิกาแบบยูนีคพีซขึ้น เพื่อสนับสนุนงานประมูลการกุศล Only Watch โดยมีตัวเรือนที่ผลิตจากฟอร์จคาร์บอนและไทเทเนียม พร้อมปุ่มกดไทเทเนียม โดยสามารถจำหน่ายด้วยมูลค่าการประมูลที่สูงถึง 100,000 สวิสฟรังก์

Screen Shot 2565 02 28 at 22.51.19

ทำงานด้วยกลไควอท์ซคาลิเบอร์ GP03980 แสดงเวลาชั่วโมง นาที วินาที วัน และวันที่ พร้อมการแสดงเดือน ปี โครโนกราฟ เวลาไทม์โซนที่สอง และการแสดงวันที่ลับตามต้องการ (เช่นวันครบรอบวันแต่งงาน) ในตัวเรือนขนาด 42.40 x 33.60 มิลลิเมตร หนา 14.64 มิลลิเมตร กรุกระจกแซฟไฟร์ และใช้งานคู่กับสายแบบเซรามิคพร้อมการผนึกด้วยยางด้านใน ซึ่งมอบทั้งความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายในการสวมใส่ กับชุดล็อคแบบบานพับที่ผลิตจากไทเทเนียม โดยจะผลิตขึ้นเพียง 820 เรือนทั่วโลก และจะเป็นส่วนหนึ่งในนาฬิกากลุ่มเซ็คเม้นท์ใหม่ของ GIRARD-PERREGAUX พร้อมราคาจำหน่ายที่ 4,500 สวิสฟรังก์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยจะเริ่มจำหน่ายในร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2022 เป็นต้นไป
Screen Shot 2565 02 28 at 23.03.30