CARTIER กับ 7 คอลเลคชั่นที่มีเอกลักษณ์ดีไซน์เฉพาะตัว
ความชาญฉลาดของการออกแบบเครื่องประดับและเรือนเวลา ให้ดูกลมกลืนได้ในทุกยุคสมัยรวมถึงในอนาคต ซึ่งความร่วมสมัยนี้ ถึงแม้จะให้ความรู้สึกเก่าแก่ในความคิดของบางคน แต่ดีไซน์เหล่านี้ก็ได้แสดงค่ากับกาลเวลาที่ผ่านมา ให้ได้ประจักษ์แล้วว่าความคลาสสิคเหนือกาลเวลานั้นมีความสำคัญเพียงใด รวมทั้งเป็นแหล่งพลังงานทางความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขต ซึ่ง CARTIER หาญกล้าที่จะนำมาพัฒนาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
Aldo Cipullo
เพราะเนื่องจากทุกผลงานคือมรดก ทั้งในเชิงวัฒนธรรมและเชิงอารมณ์ความรู้สึก รวมถึงความความสัมพันธ์ทางจิตใจอย่างแรงกล้าที่ CARTIER มีกับผลงานระดับประวัติศาสตร์ ที่เหนือกาลเวลาและเติบโตผันแปรตลอดมา เช่นเดียวกับความหมายที่แต่ละชิ้นงานที่ต้องการสื่อออกมา โดยคอลเลคชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลาล้ำค่าต่างๆ ถือเป็นความงดงามแห่งประวัติศาสตร์วงการจิวเวลรี่และวงการนาฬิกาชั้นสูง
นาฬิกาคอลเลคชั่น Ballon Bleu de CARTIER ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในปี 2007 โดยดีไซเนอร์ของ CARTIER นำความกลมมนมาตีความใหม่ด้วยการเพิ่มมิติ และผลลัพธ์คือความซับซ้อนของวงกลมที่มีมิติ บนตัวเรือนที่สร้างสมดุลระหว่างเส้นสายได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยการซ่อนเม็ดมะยมประดับแซฟไฟร์สีน้ำเงิน อันเป็นเอกลักษณ์ในวงแหวนกลมเล็ก ไว้กับตัวเรือนอย่างแนบเนียนไม่มีสะดุด ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
สำหรับคอลเลคชั่นเครื่องประดับ Juste un Clou ถูกสร้างสรรค์ขึ้นที่นิวยอร์กในช่วงปี 70s โดย Aldo Cipullo ดีไซเนอร์ของ CARTIER ผู้ที่นำรูปทรงของตะปูที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปมาตีความใหม่ จนกลายเป็นเครื่องประดับอันทรงคุณค่า กับเส้นสายโค้งมน ทว่ามีดีไซน์เฉียบคม พร้อมสัดส่วนที่ถูกต้องรับกับข้อมือได้อย่างลงตัว
ในปี 1917 Louis Cartier นำแรงบันดาลใจจากความคมชัดของเส้นสายต่างๆ และภาพจากด้านบนของรถถัง มาสร้างสรรค์เป็นรูปทรงใหม่ให้กับนาฬิการุ่น Tank ซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นคานสองชิ้นประกบตัวเรือนทรงเหลี่ยม ด้วยหลักการออกแบบเชิงกราฟฟิค ให้คานทรงเหลี่ยมสองชิ้นที่ประกบตัวเรือนเป็นดั่งล้อรถ และตัวเรือนเป็นดุจหอบังคับการ โดยให้ตัวเรือนกับสายนาฬิกามีความกลมกลืน จนเกือบจะเป็นเส้นเดียวกันตามแรงบันดาลใจที่มี
Trinity เป็นผลงานการออกแบบของ Louis Cartier ในปี 1924 ด้วยการเผยความงดงามของวงแหวนที่ผลิตจากไวท์โกลด์ เยลโลว์โกลด์ และพิงค์โกลด์ 3 วง ที่มีเส้นสายเรียบง่ายพร้อมขนาดสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งกระหวัดพันเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเป็นหนึ่งเดียว
นาฬิการุ่น Panthère de CARTIER ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี 1983 ให้เป็นมากกว่างานศิลปะ ด้วยตัวเรือนทรงเหลี่ยมมุมมน กับเส้นสายที่กลมกลืนอย่างไร้รอยต่อของตัวเรือนและสาย รวมถึงหมุดตอกที่เห็นบนกรอบตัวเรือน เนื่องจาก CARTIER ต้องรักษาความความโดดเด่นของเส้นสายแต่ยังคงความอ่อนช้อย ซึ่งทำให้เรือนเวลารุ่นนี้เป็นเสมือนเครื่องประดับในเวลาเดียวกัน
โดยนาฬิกาเรือนนี้มีชื่อเดียวกับกำไลข้อมือ ที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของเสือแพนเทอร์ สัตว์ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ CARTIER โดยนาฬิกาเรือนนี้ได้ถูกนำมาตีความใหม่อีกครั้งในปี 2017 ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสตรีที่เปี่ยมสุข เด็ดเดี่ยว และเป็นอิสระเหนือชายชาตรี
Love คือเครื่องประดับที่สะท้อนวิสัยทัศน์ด้านการดีไซน์ของ CARTIER และเส้นสายที่คมชัดก็คือความสมบูรณ์แบบ โดยกำไลข้อมือทรงรีนี้ถูกสร้างสรรค์โดย Aldo Cipullo ที่นิวยอร์กในปี 1969 ด้วยการนำแผ่นโลหะหรูหราทรงโค้งสองชิ้น มาประกอบเข้ากันด้วยสกรูว์และไขควงที่มีให้มาโดยเฉพาะ
นาฬิการุ่น Santos ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี 1904 บนแนวคิดของรูปทรง รสนิยมแบบเรียบง่าย ความถูกต้องของสัดส่วน และรายละเอียดที่ประณีต ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ CARTIER ออกแบบนาฬิกาข้อมือที่มีหน้าปัดสี่เหลี่ยม ขณะที่ในยุคนั้นนาฬิกาพกมักมีทรงกลม ส่วนสกรูว์ที่มักถูกซ่อนไว้อยู่เสมอในเทคนิคการประกอบเรือนเวลาชั้นสูง ก็กลับปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด และกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงามของคอลเลคชั่นในที่สุด
ความหลากหลายของดีไซน์ร่วมสมัย ไปจนถึงรูปทรงที่ผ่านการออกแบบอย่างประณีตและบริสุทธิ์ จนกลายเป็นผลงานระดับไอคอนที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ โดยในปัจจุบัน CARTIER ก็ยังคงมุ่งมั่นรักษาแนวทางดั้งเดิมให้ดำรงอยู่สืบไป รวมไปจนถึงแนวคิดด้านการออกแบบที่เรียบหรู แต่เป็นตำนานอันเป็นเอกลักษณ์ตลอดไป