PIAGET from a Micro-Engineering Experiment to Reality
PIAGET Altiplano Ultimate Concept ยังคำนึงถึงในแง่ของความแม่นยำ เที่ยงตรง และทนทาน ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย โดยเฉพาะชื่อเสียงของแบรนด์ในด้านการผลิตกลไก ที่แต่ละชิ้นจะได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญที่ PIAGET มีมาโดยตลอด ซึ่งแน่นอนว่าชิ้นส่วนเล็กๆ เหล่านี้ จะเป็นความท้าทายที่แบรนด์ตั้งใจนำเสนอ รวมไปถึงสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นก็คือการตัดสินใจในการทำงานแต่ละขั้น
เพราะหากผิดพลาดเพียงน้อยนิด ก็อาจนำมาซึ่งความเสียหายอันใหญ่หลวง ได้ในขั้นตอนการทำงานต่อไปได้โดยง่าย อย่างเช่นขั้นตอนการขัดแต่งแท่นกลไกด้วยลายซันเรย์ ซึ่งจะเป็นการขัดเงาแบบซาตินเท่านั้น หรือแม้แต่บริดจ์ก็ยังต้องผ่านขั้นตอนการลบมุม และขัดแต่งอย่างงดงามเช่นกัน ปิดท้ายด้วยการเคลือบพีวีดีลงบนแท่นกลไก ที่จะช่วยเพิ่มความสะดุดตาให้เข้ากันได้ดีกับตัวเรือนอีกด้วย
ดังนั้นเพื่อสร้างความสมดุลย์กับความบางอันเหลือเชื่อนี้ PIAGET จึงเลือกใช้สายชนิดบางพิเศษที่สร้างจาก 2 วัสดุได้แก่ หนังจระเข้ และผ้าถักสีน้ำเงิน ซึ่งด้านในบุด้วยหนังลูกวัว และเคฟล่าร์เส้นใยไฟเบอร์ ที่สังเคราะห์ขึ้นและทำให้มีโครงสร้างที่แข็งแรงเป็นพิเศษ เข้าคู่กันกับบัคเคิลที่ผลิตจากโคบอลต์ ที่ประกอบเข้าด้วยกันกับตัวเรือนนาฬิกาขนาด 41 มิลลิเมตรได้อย่างสวยงามลงตัว และช่วยทำให้นาฬิกาเรือนบางเฉียบนี้เด่นขึ้นอีกระดับ
นอกจากนี้ PIAGET ยังพร้อมนำเสนอรูปแบบการปรับแต่งเรือนเวลา ที่ถือเป็นหนึ่งคีย์หลักของ PIAGET ที่เรียกว่า Style Selector ที่เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 50 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกที่ PIAGET บูติคในนิวยอร์ค เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งเรือนเวลาได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรูปแบบของตัวเรือน วัสดุที่นำมาผลิตเป็นหน้าปัดและสาย ไปจนถึงขนาดของอัญมณีที่จะนำมาประดับบนตัวเรือน
จากจุดเริ่มต้นในอดีต ส่งผลให้ PIAGET บูติคทั่วโลกนำรูปแบบดังกล่าวไปใช้ เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากที่สุด ดังผลลัพธ์ที่ปรากฏบนเรือนเวลา Altiplano Ultimate Concept ที่ลูกค้าสามารถเลือกปรับแต่งสีสันของบริดจ์และหน้าปัด รูปแบบของเข็มนาทีและเมนเพลท รวมถึงสายนาฬิกาที่เข้ากันกับสไตล์ของตนเอง จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นการปรับเปลี่ยนได้มากกว่าถึง 10,000 สไตล์
PIAGET ถือเป็นราชานาฬิกาแห่งความบาง ในขณะที่ในช่วงเวลาไม่นานมานี้ สุนทรียศาสตร์อันเย้ายวนใจของเรือนเวลา ทั้งในเรื่องความบางและโค้งเว้า ต่างถูกหลายแบรนด์นำมาปัดฝุ่นใหม่ จนเป็นที่ถูกใจของเหล่านักสะสมอย่างมาก ซึ่งสำหรับ PIAGET การรังสรรค์เรือนเวลาที่มีความเพรียวบางเป็นพิเศษ เรื่อยมานับตั้งแต่เปิดตัวกลไกคาลิเบอร์ 9P ในปี 1957 กลับเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์มาโดยตลอด อย่างที่ไม่ต้องพยายามกระทำขึ้น
โดยย้อนกลับไปยุคบุกเบิกราวปี 1874 แม้ PIAGET จะเป็นเพียงโรงงานผลิตชิ้นส่วนกลไก แต่แบรนด์ก็แทบจะไร้คู่ต่อสู้ ในด้านการสร้างสรรค์และพัฒนากลไกชั้นสูง ทั้งยังสามารถสร้างชื่อให้ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักนาฬิการุ่น Altiplano ในฐานะเรือนเวลาที่บางอย่างสุดขั้วได้อีกด้วย โดยไม่ว่าจะในฐานะที่กลไกคาลิเบอร์ 9P นี้จะมีความหนาที่เพียง 2 มิลลิเมตร จนกลายเป็นนาฬิการะบบกลไกที่บางที่สุดในโลกในขณะนั้น
หรือกลไกคาลิเบอร์ 12P ในปี 1960 ที่นับเป็นนาฬิกากลไกอัตโนมัติที่บางที่สุดในโลก ที่เปิดตัวด้วยความหนาเพียง 2.3 มิลลิเมตร ไปจนถึงการใส่ฟังก์ชั่นต่างๆ กลไกสเกเลตันแบบประดับเพชร และกลไกคาลิเบอร์ 670P ในปี 2017 ที่มาพร้อมชุดฟลายอิ้งตูร์บิยองแบบบางพิเศษ ที่ล้วนแล้วแต่สร้างชื่อเสียง และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่น รวมถึงความสามารถของแบรนด์ ในการสร้างสรรค์กลไกที่มีความบาง ได้อย่างมีเอกลักษณ์มากที่สุด
ต่อไปจากนี้นอกจาก PIAGET Altiplano Ultimate Concept เรือนนี้จะทำหน้าที่สืบสานประเพณีอันเก่าแก่ ของเมซงได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว นาฬิการุ่นพิเศษเรือนนี้ ยังจะเป็นที่จับตามองของเหล่านักสะสมและผู้ที่สนใจในเรื่องของนาฬิกาทั่วโลกด้วยว่า ทิศทางของเรือนเวลาที่แบรนด์จะรังสรรค์รุ่นต่อไปจะเป็นเช่นไร ที่แม้จะยังไม่รู้คำตอบ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ นี่จะเป็นคำถามแห่งอนาคต ที่จะรอให้ทุกคนมาพิสูจน์พร้อมๆ กัน