The milestone more than 70 years of ORIENT and ORIENT STAR, Part II
กับนาฬิกาที่นำเสนอในปี 1965 Weekly Auto ORIENT King Diver ที่ถือเป็นนาฬิกาสำหรับการทดลอง เพื่อใช้งานจริงรวมทั้งในด้านงานออกแบบ กับการออกแบบที่มีสไตล์ที่ทำให้นึกถึง นาฬิกาสำหรับดำน้ำจากสวิส ในขณะที่นาฬิกานักดำน้ำจากผู้ผลิตรายอื่นในญี่ปุ่น ในช่วงเวลานั้นจะมีความแตกต่างออกไป และต่อมากับการนำเสนอนาฬิการุ่น Fineness ในปี 1967 ที่เน้นในความซับซ้อนทั้งในด้านการออกแบบ และฟังก์ชันการทำงาน รวมทั้งในฐานะผู้สืบทอดความสำเร็จของนาฬิการุ่น Grand Prix
จากการทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 3900 ซึ่งถือว่ามีความบางที่สุดในโลก ในช่วงเวลานั้นสำหรับนาฬิกาที่สามารถแสดงค่าได้ทั้งวันและวันที่ โดยจากนั้นตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ORIENT ก็ได้พัฒนาแนวทางไปสู่ ความมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นอีกกับ Racer F3 พร้อมตัวเรือนรูปทรงไข่ที่เปิดตัวขึ้นในปี 1968 ต่อด้วยการเพิ่มความหลากหลายให้กับโลกแห่งการดำน้ำ ด้วยนาฬิกาแบบดำน้ำในหลากสีสันในปี 1969 จากนั้นจึงมีการนำเสนอนาฬิการุ่น Jaguar Focus ที่มาพร้อมหน้าปัดเสริมการไล่ระดับสี
ซึ่งถือได้ว่าเป็นนาฬิกา ORIENT ที่โดดเด่นที่สุดที่นำเสนอใน 1970 จากการใช้กระจกแซฟไฟร์แบบเจียระไนอันโดดเด่น เพื่อตอกย้ำความรู้สึกของ ORIENT ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโทนสีเสมอ หลังจากนั้นจึงเป็นช่วงเวลาในการเปลี่ยนแปลง ด้านการออกแบบชุดกลไกอินเฮ้ส์อัตโนมัติแบบ L ที่มีอยู่ จากความใหญ่และหนามากจนเกินไปทำให้ ORIENT เคยตัดสินใจใช้ชุดกลไกจาก SEIKO ในบางช่วงเช่นกัน และยุติลงเมื่อมีการเปิดตัวชุดกลไกอินเอ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ซีรี่ส์ 46 ในปี 1971
โดยยังคงเป็นกลไกหลักที่ ORIENT ยังคงใช้อยู่จนมาถึงในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ORIENT เองก็ยังต้องเปลี่ยนแนวทาง ด้านการผลิตหลักมาสู่กลไกแบบควอท์ซตามยุคสมัย แต่ก็ยังคงเปิดตัวนาฬิกาแบบกลไกรุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการแสดงฟังก์ชั่นปฏิทินต่างๆ รวมไปถึงนาฬิกาที่แสดงชุดกลไกในแบบสเกเลตันรุ่น Mon Bijou ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดสุดยอดของการแสวงหา ความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นาฬิกา ORIENT ทั้งในด้านการออกแบบและฟังก์ชันการทำงานอย่างต่อเนื่อง
และทิศทางนี้ก็ยังคงมีมาตลอดในนาฬิกาของ ORIENT รุ่นต่างๆ อย่างเช่นรุ่น M-Force ที่เปิดตัวในปี 1997 ที่ถือเป็นนาฬิกาสปอร์ตสีสันสดใสของ ORIENT พร้อมการทำงานด้วยชุดกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ซีรี่ส์ 46 และ ROYAL ORIENT ที่เปิดตัวในปีเดียวกันพร้อมการขัดแต่งอย่างงดงาม และชวนให้นึกถึงรุ่นดั้งเดิมในปี 1958 และรุ่น Fineness ในปี 1967 จากความเป็นผลงานชิ้นเอก ที่แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบ ของงานด้านการออกแบบของ ORIENT ที่ยังคงรักษาจุดยืนนี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
หลังจากการควบรวมกิจการกันกับ SEIKO EPSON Corporation อย่างสมบูรณ์แบบในปี 2014 นาฬิการุ่นต่างๆ หลายรุ่นที่น่าสนใจก็ยังคงนำเสนอสู่ตลาดเรื่อยมา พร้อมการเน้นย้ำถึงความน่าดึงดูดใจ ของนาฬิกาแบบกลไกที่เผยให้เห็นถึงการทำงานภายใน และน่าดึงดูดยิ่งขึ้นจากการปรับปรุงคุณภาพ ทั้งภายในและภายนอก แทนที่การปรับลดราคาซึ่งทำให้ ORIENT ยังคงสเน่ห์ในโลกแห่งเวลา ด้วยฟังก์ชั่นและการออกแบบ ที่แม้ว่านาฬิการุ่นต่างๆ จะเปลี่ยนไป แต่เอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ยังคงสืบทอดต่อมาถึงในรุ่นปัจจุบัน