The milestone more than 70 years of ORIENT and ORIENT STAR, Part I
Tama Keiki Company ในปี 1901 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ ORIENT Watch Company ที่ก่อตั้งขึ้นภายหลังในปี 1950 จากงานด้านการซ่อมนาฬิกาในนามของ Shogoro Yoshida พร้อมเปิดร้าน YOSHIDA Watch ในอุเอโนะโตเกียว เพื่อนำเข้าและจำหน่ายนาฬิกา โดย YOSHIDAเริ่มผลิตงานการผลิตตัวเรือนนาฬิกาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1913 และก่อตั้ง Toyo Tokei Manufacturing เพื่อทำการผลิตนาฬิกาในปี 1920 และเริ่มต้นการผลิตนาฬิกาข้อมือในปี 1934 พร้อมการสร้างโรงงาน HINO ในปี 1936
ที่ซึ่ง Toyo Tokei Manufacturing ต้องมีส่วนร่วมในการผลิตอุปกรณ์จำนวนมาก สำหรับการใช้เป็นอาวุธทางอากาศในช่วงสงคราม ซึ่งหลังสงครามจบสิ้นก็มีการเปิดทำการอีกครั้ง แต่ก็ต้องประสบกับปัญหาทางการเงินและถูกยุบโรงงานไป ซึ่งต่อมาในปี 1950 พนักงานของโรงงาน HINO เดิมก็ได้รวมตัวกัน และเริ่มดำเนินงานด้านการผลิตอีกครั้งในชื่อ ORIENTWatch Company พร้อมเปิดตัวงานด้านการผลิตนาฬิกาข้อมือ นาฬิกาปลุก และตลับลูกปืนขนาดเล็กในปีต่อมา
สิ่งสำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนของ ORIENT Watch Company คือการเชิญ Mr. Tamotsu Aoki มาเป็นที่ปรึกษา โดยเขาเป็นศาสตราจารย์กิตติคุณของมหาวิทยาลัยโตเกียว และทำหน้าที่เป็นประธานคนแรกของ Horological Institute of Japan รวมทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาของญี่ปุ่น ในฐานะนักทฤษฎีซึ่งภายใต้คำแนะนำของเขา ความน่าเชื่อถือของนาฬิกาแบรนด์ ORIENT จึงพัฒนาขึ้นอย่างมากจน ORIENT Watch Company สามารถฟื้นตัวได้จากช่วงหลังสงครามโลก
พร้อมการเปิดตัวชุดกลไกตระกูล T-Type ในปี 1955 และกลไกตระกูล N ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ในปี 1958 รวมไปถึงนาฬิกา ROYAL ORIENT ที่เปิดตัวในปีเดียวกันซึ่งมีชุดกลไกอันทันสมัย และเป็นจุดเริ่มต้นการส่งออกนาฬิกาไปยังประเทศไต้หวัน สหรัฐอเมริกา แคนาดา อิหร่าน บราซิล และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จนกระทั่งในทุกวันนี้ ที่ธุรกิจในต่างประเทศของ ORIENT ถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าธุรกิจในญี่ปุ่น และทำให้ ORIENTต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น
จนในปี 1961 ที่ ORIENT มีการเปิดตัวกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติตระกูล N ที่คล้ายกับชุดเพราตอน (Peraton) ของผู้ผลิตชาวสวิส และเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดที่ทำให้เกิดความสามารถ ในการแข่งขันเพื่อท้าทายผู้ผลิตชาวสวิส โดย ORIENT เริ่มต้นให้ความสำคัญกับความเป็นเอกลักษณ์ แทนการกดราคาให้ต่ำลง ตามแนวคิดในการสร้างความแตกต่าง ด้วยการออกแบบและชุดกลไก เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการทางตลาด ให้กับแบรนด์อย่างเหมาะสม ในระดับราคาที่เข้าถึงได้แต่มีคุณภาพที่สูงล้ำยิ่งกว่า
ตัวอย่างเช่นนาฬิการุ่น Grand Prix 100 และรุ่น Flash ที่เปิดตัวในปี 1964 โดยรุ่น Grand Prix 100 มีสเปคที่หรูหราพร้อมชุดกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติตระกูล L ซึ่งมาแทนที่กลไกตระกูลN โดยเพิ่มจำนวนจิวเวลรี่เป็น 100 เม็ดเพื่อเพิ่มความคล่องตัวของชุดเฟืองทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น Flash ที่สามารถส่องสว่างหน้าปัดได้โดยการใช้แบตเตอรี่ แม้ว่าแนวคิดนี้จะเหมือนกับรุ่น Luminous ปี 1958 แต่ตัวเรือนก็มีการตกแต่งในสไตล์การเจียระไนเพชร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในงานการออกแบบของ ORIENT
โปรดติดตามตอนต่อไปในบทความครั้งหน้า