ERHARD JUNGHANS นาฬิกาสุดประณีตจากผู้ผลิตนาฬิกาเก่าแก่แห่งเยอรมนี
ในโลกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกานั้น มีบุคคลในประวัติศาสตร์มากมายที่มีส่วนผลักดันให้สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้บอกเวลาไม่ว่าจะเป็นประเภทใดกลายเป็นไอเทมสำคัญของโลกใบนี้ โดยมีดีไซน์และวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลายออกมาตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆ อย่างครบถ้วนตั้งแต่นาฬิกาตั้งปลุกยามเช้าไปจนถึงเป็นเครื่องประดับระดับสูงหรืองานฝีมือมากคุณค่า ชายชาวเยอรมันนาม Erhard Junghans ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ก่อตั้งบริษัทผลิตนาฬิกาในนาม Junghans ขึ้นใน ค.ศ. 1861 หรือ 151 ปีก่อน ซึ่งต่อมาบริษัทแห่งนี้ก็ได้เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับต้นๆ ของยุโรปมาแล้วและยังได้คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ มากมายให้กับโลกของนาฬิกาด้วย และเพื่อเป็นการระลึกถึงบุคคลสำคัญท่านนี้ ผู้ผลิตนาฬิกา Junghans แห่งเยอรมนีจึงได้สร้างแบรนด์ใหม่ในนาม ERHARD JUNGHANS ขึ้นมาในปี 2007 ด้วยเจตนารมย์และความมุ่งมั่นในการสร้างนาฬิกาจักรกลระดับสูงเพื่อเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีแก่ชายผู้นี้และชนชาติเยอรมัน สะท้อนคุณค่าแห่งข้อความ Made in Germany ที่อยู่บนหน้าปัด
Mr. Erhard Junghans ผู้ก่อตั้ง Junghans ขึ้น เมื่อ ค.ศ. 1861
แต่ละคอลเลคชั่นของนาฬิกา ERHARD JUNGHANS ล้วนมีบุคลิกเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน โดยมีจุดร่วมกันตรงที่ทุกแบบนั้นถูกพิถีพิถันออกแบบ ขัดแต่ง และผลิตขึ้นด้วยความประณีตในทุกรายละเอียด และจะเป็นนาฬิกาจักรกลทั้งหมด ปัจจุบันนี้มีอยู่ 3 คอลเลคชั่นหลักด้วยกัน ได้แก่ Creator, Tempus และ Aerious ทุกแบบจะใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ถูกขัดแต่งด้วยลายโค้ตเดอเชอแนฟบนบริดจ์กับโรเตอร์อย่างประณีตและยึดด้วยสกรูว์สีน้ำเงิน โดยสามารถชมความงามของงานขัดแต่งได้ผ่านทางกระจกแซฟไฟร์ที่กรุอยู่บนฝาหลังของทุกรุ่นทุกแบบ และในแต่ละรุ่นย่อยของแต่ละคอลเลคชั่นก็จะมีคอมพลิเคชั่นที่แตกต่างกันให้เลือก คือ บอกเวลาแบบ 3 เข็มพร้อมแสดงวันที่ ใช้เครื่อง Calibre J830, บอกเวลาแบบ 2 เข็มครึ่งพร้อมแสดงวันที่และกำลังสำรอง ใช้เครื่อง Calibre J830.5 และนาฬิกากลไกคอลัมน์วีลโครโนกราฟ 3 เคาน์เตอร์ย่อย จับเวลาได้ 12 ชั่วโมง พร้อมแสดงวันที่และกำลังสำรอง ใช้เครื่อง Calibre J890 (ยกเว้นรุ่น Aerious ที่มีแต่นาฬิกากลไกโครโนกราฟเพียงอย่างเดียว จึงใช้เครื่อง Calibre J890 เท่านั้น)
(ซ้าย) เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟกลไกแบบคอลัมน์วีล Calibre J890 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 41 จิวเวล กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง จับเวลาได้ 12 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองและวันที่
(ขวา) เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติบอกเวลาแบบสองเข็มครึ่งพร้อมฟังก์ชั่นแสดงกำลังสำรองและวันที่ Calibre J830.5 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 34 จิวเวล กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง
เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติบอกเวลาแบบสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันที่ Calibre J830 ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง 28 จิวเวล กำลังสำรอง 48 ชั่วโมง
CREATOR COLLECTION
คอลเลคชั่นแรกซึ่งก็เป็นคอลเลคชั่นที่เปิดตัวมาพร้อมกับแบรนด์ได้แก่ Creator นาฬิกาตัวเรือนกลมสไตล์คลาสสิกขนาด 42 มม. ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่งานดีไซน์ของหน้าปัดโดยมีการยกแถบกลางขึ้นมาในลักษณะของสะพานทอดขวางพาดผ่านบนพื้นหน้าปัดพร้อมเจาะช่องหน้าต่างเหลี่ยมมีมิติเพื่อแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา จึงทำให้คอลเลคชั่นนี้กลายเป็นงานโมเดิร์นคลาสสิกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีแบบฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เลือกเป็นเจ้าของหลายชนิดด้วยกัน ได้แก่ ฟังก์ชั่นเรโทรเกรดในรุ่น Creator 1861 Retrograd ที่มากับเข็มวินาทีกลาง 3 แฉกต่างขนาดความยาวเพื่อชี้บอกบนสเกลวินาทีแบบ 3 บรรทัดบนพื้นมาตรสีเงินทรงพัดที่ส่วนบนของพื้นหน้าปัด ตามมาด้วยฟังก์ชั่นโครโนกราฟในรุ่น Creator Chronoscope ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การวางเคาน์เตอร์ชั่วโมงจับเวลากับนาทีจับเวลาพื้นสีเงินไว้ใต้แถบสะพานกลางและใช้เข็มปลายต่างขนาดเพื่อหมุนบอกชั่วโมงกับนาทีจับเวลาซึ่งระบุตัวเลขแบบ 2 บรรทัดอยู่บนเคาน์เตอร์ทั้งสอง ส่วนเข็มวินาทีและมาตรกำลังสำรองกับช่องหน้าต่างแสดงวันที่นั้นถูกจัดวางอยู่บนหน้าปัดสีเงินของตนอย่างสมดุลย์ ณ ตำแหน่งซ้าย-ขวาของสะพาน
Creator Chronoscope ใช้เครื่องอัตโนมัติโครโนกราฟกลไกคอลัมน์วีล Calibre J890 ในภาพเป็นเวอร์ชั่นตัวเรือนสตีล หน้าปัดสีเงิน
Creator Power Reserve ในแบบตัวเรือนสตีลหน้าปัดสีดำ กับตัวเรือนโรสโกลด์ 18k หน้าปัดสีเงิน เดินด้วยเครื่องอัตโนมัติ Calibre J830.5
ต่อด้วยรุ่น Creator Power Reserve ที่วางเข็มวินาทีและมาตรกำลังสำรองกับช่องหน้าต่างแสดงวันที่อยู่บนหน้าปัดสีเงิน ณ ตำแหน่งซ้าย-ขวาของสะพานเช่นกันแต่เพิ่มความแปลกตาด้วยการวางวงวินาทีเป็นทรงพัดโดยใช้เข็มปลายต่างขนาดหมุนบอกสเกลกับตัวเลขวินาทีแบบ 2 บรรทัดแทนวงวินาทีทรงกลม ทุกแบบสามารถเลือกเป็นเจ้าของได้ทั้งในตัวเรือนวัสดุสเตนเลสสตีลหรือโรสโกลด์ 18k โดยในตัวเรือนโรสโกลด์จะใช้เข็มกับหลักชั่วโมงสีโรสโกลด์ด้วย ส่วนหน้าปัดก็จะมีทั้งสีเงินหรือสีดำ สวมคู่กับสายหนังจระเข้
Creator Retrograd ในแบบตัวเรือนสตีล หน้าปัดสีเงิน และตัวเรือนโรสโกลด์ 18k หน้าปัดสีดำ เดินด้วยเครื่องอัตโนมัติ Calibre J830
TEMPUS COLLECTION
คอลเลคชั่นต่อมามีชื่อว่า Tempus ซึ่งจะใช้ตัวเรือนร่วมกับ Creator แต่จะมากับหน้าปัดแบบร่วมสมัยลงอีนาเมลเคลือบเงาอย่างประณีตพร้อมหลักชั่วโมงพิมพ์เลขโรมันในลักษณะเดียวกับนาฬิกาพกในอดีต ซึ่งให้บุคลิกที่ดูเนี้ยบเรียบหรูตามแบบฉบับประเพณีการประดิษฐ์นาฬิกาแบบดั้งเดิม มีฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เลือกเช่นกัน เริ่มจากฟังก์ชั่นเพาเวอร์รีเสิร์ฟในรุ่น Tempus Power Reserve ที่บอกเวลาแบบสองเข็มครึ่งโดยมีมาตรแสดงกำลังสำรองอยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ตามมาด้วยฟังก์ชั่นโครโนกราฟในรุ่น Tempus Chronoscope ที่มากับเคาน์เตอร์ไร้ขอบ 3 วงสะอาดตา พร้อมเข็มแสดงกำลังสำรองและหน้าต่างแสดงวันที่ซึ่งเลื่อนช่องมาอยู่ที่เกือบ 4 นาฬิกาเพื่อเปิดทางให้โลโก้ของแบรนด์
Tempus Power Reserve แบบหน้าปัดอีนาเมลสีขาวในตัวเรือนสตีล กับในตัวเรือนโรสโกลด์ 18k เดินด้วยเครื่องอัตโนมัติ Calibre J830.5
Tempus Chronoscope แบบหน้าปัดอีนาเมลสีดำในตัวเรือนสตีล และแบบหน้าปัดอีนาเมลสีขาวในตัวเรือนโรสโกลด์ 18k เดินด้วยเครื่องอัตโนมัติโครโนกราฟกลไกคอลัมน์วีล Calibre J890
สุดท้ายจะเป็นรุ่นสามเข็ม Tempus Automatic ที่ดูเรียบง่ายหมดจด ทั้ง 3 แบบจะมีทั้งตัวเรือนสเตนเลสสตีลซึ่งสามารถเลือกสีของหน้าปัดอีนาเมลได้ว่าจะเป็นขาวที่มากับเข็มสีดำหรือดำที่มากับเข็มสีเงิน กับตัวเรือนโรสโกลด์ 18k ที่จะมากับหน้าปัดอีนาเมลสีขาวเท่านั้น โดยมีเข็มเป็นสีโรสโกลด์เข้ากัน
Tempus Automatic แบบหน้าปัดอีนาเมลสีดำในตัวเรือนสตีล และแบบหน้าปัดอีนาเมลสีขาวในตัวเรือนโรสโกลด์ 18k เดินด้วยเครื่องอัตโนมัติ Calibre J830
AERIOUS COLLECTION
ในปี 2009 ERHARD JUNGHANS ได้เปิดตัวนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ขึ้นมาอีกคอลเลคชั่นหนึ่งในชื่อ Aerious ด้วยรุ่น Aerious Chronoscope โดยเป็นนาฬิกาโครโนกราฟสไตล์นักบินที่มีลักษณะเด่นแตกต่างจากนาฬิกาอื่นใดด้วยการออกแบบตัวเรือนให้มีรูปแบบเฉพาะตัวโดยมี ปุ่มกดจับเวลาทรงปีกเหลี่ยมอันโตที่เว้าโค้งรับกับนิ้วมือวางตัวอยู่ 2 ฝั่งของเม็ดมะยมขนาดใหญ่ ทั้งหมดถูกออกแบบให้เชื่อมต่อเป็นชุดเดียวกันดูแข็งแรงสวยงามโดยวางให้จุดกึ่งกลางของเม็ดมะยมนั้นอยู่ที่ตำแหน่ง 4.30 นาฬิกาซึ่งก็ทำให้ตำแหน่งการกดของปุ่มกดนั้นอยู่ที่ตำแหน่ง 3.30 นาฬิกา และ 5.30 นาฬิกา อันเป็นตำแหน่งที่เหมาะมือมากๆ ในการใช้งาน
Aerious Chronoscope ในแบบตัวเรือนสตีล ขอบตัวเรือนและขอบฝาหลังเคลือบพีวีดีดำ เครื่องอัตโนมัติโครโนกราฟกลไกคอลัมน์วีล Calibre J890
ตัวเรือนของนาฬิกา Aerious มีขนาดใหญ่ถึง 46.6 มม. ยึดด้วยสกรูว์หกเหลี่ยม 5 ตัว ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่ชอบนาฬิกาใหญ่ๆ บึกบึน องค์ประกอบต่างๆ ดูแน่นหนาดุจดั่งรถเยอรมัน บนหน้าปัดสีดำใช้หลักชั่วโมงและตัวเลขขนาดใหญ่มองเห็นชัด หลักชั่วโมงกับเข็มต่างๆ แต้มด้วยสารเรืองแสง แบ่งหน้าปัดย่อยออกเป็น 4 วงจัดวางเป็นคู่บน-ล่าง โดยคู่บนจะบอกวินาทีและนาทีจับเวลา ส่วนคู่ล่างจะบอกชั่วโมงจับเวลาและกำลังสำรองกับหน้าต่างแสดงวันที่ ทำให้การอ่านค่าต่างๆ เป็นไปอย่างแม่นยำชัดเจน องค์ประกอบโดยรวมให้อารมณ์ดุจดั่งมาตรอุปกรณ์บนแผงควบคุมของเครื่องบิน เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟกลไกคอลัมน์วีล Calibre J890
Aerious Chronoscope ในแบบตัวเรือนสตีลขัดด้านคู่กับสายหนังวัว
Aerious Chronoscope ในแบบตัวเรือนสตีลขัดเงาคู่กับสายหนังจระเข้
ปัจจุบัน Aerious Chronoscope จะมีให้เลือกทั้งในแบบตัวเรือนขัดด้านพร้อมสายหนังวัวหรือสายสตีลขัดด้าน แบบตัวเรือนขัดเงาพร้อมสายสตีลขัดเงาหรือสายหนังจระเข้ และแบบตัวเรือนสตีลขัดด้านที่มากับขอบตัวเรือนและขอบฝาหลังเคลือบพีวีดีดำซึ่งจะมาพร้อมกับรายละเอียดบนหน้าปัดที่เปลี่ยนไปคือมีมิติยิ่งขึ้นโดยใช้พื้นหน้าปัดสีดำที่มีวงขอบหน้าปัดกับหลักชั่วโมงเรืองแสงซ้อนทับอยู่ และมีแถบสีเทาขนาดใหญ่วางขวางครอบเป็นขอบหน้าปัดย่อยทั้งสี่ แถมด้วยการฉลุตัวเลข 3 กับ 9 ขนาดใหญ่ ส่วนสเกลกับตัวเลขที่ใช้ในหน้าปัดย่อยก็มีลักษณะที่ต่างจากแบบตัวเรือนสตีลปกติ สวมคู่กับสายหนังวัว
Aerious Chronoscope ในแบบตัวเรือนสตีลขัดด้านคู่กับสายสตีลขัดด้าน และแบบตัวเรือนสตีลขัดเงาคู่กับสายสตีลขัดเงา
เป็นอย่างไรบ้างครับกับคอลเลคชั่นต่างๆ ที่ถูกนำเสนอสู่ชาวโลกภายใต้แบรนด์ ERHARD JUNGHANS ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวนะครับสำหรับนาฬิกาเยอรมันที่มีจุดยืนอย่างชัดเจนเช่นนี้ และด้วยความมุ่งมั่นและรากฐานธุรกิจระดับโลกอันแข็งแกร่งของครอบครัว Steim เจ้าของแบรนด์ Junghans ในปัจจุบัน ก็น่าเชื่อได้ว่าจะนำพาแบรนด์ ERHARD JUNGHANS ที่นำเอาชื่อบุคคลสำคัญท่านหนึ่งแห่งวงการนาฬิกาในเยอรมนีซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Junghans มาเป็นชื่อแบรนด์ ก้าวสู่อนาคตข้างหน้าในฐานะหนึ่งในนาฬิการะดับสูงจากเยอรมนีได้อย่างยั่งยืนสืบไป
สำหรับในประเทศไทยนั้น สามารถพบกับนาฬิกา ERHARD JUNGHANS ได้ที่เคาน์เตอร์นาฬิกา Junghans ในห้างสรรพสินค้าดิเอ็มโพเรียม และห้างสรรพสินค้าพารากอน ในสยามพารากอนครับ
By: Viracharn T.