WATCHES AND WONDERS GENEVA 2024, Part III
โดยมีโรงงานนาฬิกาซึ่งตั้งอยู่ในเจนีวา ที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ผ่านทางการนำเสนอกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการศึกษา โดยเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับทัวร์แบบไกด์ ที่จะสร้างความตระหนักรู้ถึงมรดก ทางการผลิตนาฬิกาอันยาวนานของเจนีวา เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการผลิตนาฬิกา และยังมีโอกาสได้พูดคุยกับเด็กฝึกงานและผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีเวิร์คช็อปและกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในบูติกใจกลางเมือง โดยแบรนด์นาฬิกาต่างๆ ยังนำเสนอภาพเคลื่อนไหว ที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับทุกคนที่เดินผ่านอีกด้วย โดยมีไฮไลท์ของประสบการณ์นี้ นั่นคือการฉลองยามเย็นในวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน โดยจะมีความบันเทิงริมถนนพร้อมศิลปิน และการแสดงคอนเสิร์ตโดย DJ Lost Frequencies อันโด่งดัง บนเวทีกลางเวลา 20.30 น.
ด้วยเหตุนี้ทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่งาน WATCHES AND WONDERS GENEVA ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาในปัจจุบัน และเป็นงานที่จะยืนยันได้ว่า เจนีวาเป็นจุดหมายปลายทางด้านการผลิตนาฬิการะดับเฟิร์สคลาส สำหรับวันนี้และอนาคต พร้อมทั้งการเป็นต้นแบบให้กับการจัดแสดงงานนาฬิกาอื่นๆ ทั่วโลกต่อไป
ส่วนนาฬิการุ่นใหม่ๆ ในงานยังมีตั้งแต่ RAYMOND WEIL แบรนด์นาฬิกาที่ห่างหายไปจากประเทศไทยพอสมควร โดยหลังจากการรีแบรนดิ้งใหม่พร้อมลุควินเทจ ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากตลาดในหลายประเทศ และล่าสุดกับสายสตีลในแบบที่อินทิเกรดเข้ากับตัวเรือน เพื่อทำให้มีคอลเลคชั่นในไลน์สปอร์ตอย่างครบถ้วน รวมทั้งการเพิ่มแบบประดับเพชร และฟังก์ชั่นมูนเฟสเพิ่มเติมอีกด้วย
LAURENT FERRIER กับนาฬิกาฟังก์ชั่นแอนนวลคาเลนดาร์ ที่นำเสนอใหม่ในปีนี้ทั้งในแบบตัวเรือนสตีลและตัวเรือนพิ๊งค์โกลด์ ส่วน GRAND SEIKO เพิ่มความหลากหลายให้กับคอลเลคชั่น E9 ด้วยกลไกแบบไขลานที่ห่างหายไปนาน พร้อมกับ Kodo นาฬิการุ่นสุดพิเศษของแบรนด์ในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น 20 เรือนทั่วโลก และสุดท้ายกับนาฬิกาโครโนกราฟสปริงไดร์ฟ ที่มาพร้อมหน้าปัดสีแดงอันโดดเด่นและแปลกตา
ต่อมากับ HUBLOT ในหลากหลายคอลเลคชั่นไม่ว่าจะเป็น Big Bang ในตัวเรือนแซฟไฟร์สีชมพูใหม่ล่าสุด หรือจะในแบบเซรามิคสีส้มที่ให้ลุคสดใสแปลกตา นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอ Classic Fusion ในขนาดใหม่ล่าสุด 29 มิลลิเมตร พร้อมทางเลือกของวัสดุตัวเรือนและการประดับเพชร โดยยังคงนำเสนอรุ่น Classic Fusion Original ควบคู่กันไปพร้อมกันอีกด้วย
ถัดมากับ CHARRIOL นาฬิกาที่คนไทยรู้จักกันดี ที่ปีนี้พร้อมเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ โดยยังคงสไตล์เดิมของแบรนด์ไว้อย่างครบถ้วน ส่วน ULYSSE NARDIN นำเสนอนาฬิการุ่น Freak อย่างต่อเนื่องกับ Freak [S Nomad] และกับ CARTIER ที่ยกทัพนาฬิการุ่นต่างๆ มานำเสนออย่างมากมายเช่นเคย ทั้งการปรับปรุงสีสันใหม่ในนาฬิการุ่นต่างๆ รวมทั้งฟังก์ชั่นใหม่ๆ รวมไปถึง Tortue Chronograph กลไกอินเฮ้าส์ที่น่าสนใจ
ปิดท้ายด้วย GERALD CHARLES ตำนานช่างนาฬิกาผู้คิดค้นและนำพาเรื่องราวต่างๆ มากมายสู่วงการ พร้อมการนำเสนอ Maestro แบบสายสตีลเป็นครั้งแรก กับสีสันหน้าปัดในสไตล์ของ Genta ที่ผู้คนรู้จักกันดี ทั้งในสไตล์สีเงินล้วน และในสไตล์สีน้ำเงิน โดยทั้งสองสีเป็นสีในแบบที่ Gerald Genta ชื่นชอบและมักนำเสนอ จากเอกสารดั้งเดิมและรายละเอียดที่ทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต