WATCHES AND WONDERS GENEVA 2024, Part II

งานในปีนี้จะเน้นไปที่นวัตกรรมการผลิต และไปที่คนรุ่นใหม่เป็นพิเศษ โดยนำเสนอแพลตฟอร์มทางการศึกษา และวัฒนธรรมด้านการผลิตนาฬิกาอย่างลึกซึ้ง “เราสังเกตเห็นความสนใจที่เพิ่มมากขึ้น ในอุตสาหกรรมของเราจากคนรุ่นใหม่ โดยมีอายุเฉลี่ย 35 ปีในวันที่เปิดพับลิค ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง” Mr. Matthieu Humair ซีอีโอของงาน WATCHES AND WONDERS GENEVA กล่าว

 

Matthieu Portrait

 

อย่างเช่นในส่วนของ LAB ใหม่ที่มุ่งนำเสนอทั้งเรื่องของการเรียน งานสตาร์ทอัพ และการจัดแสดงแบรนด์ในรูปแบบต่างๆ ที่จะเป็นการนำเสนอวิสัยทัศน์ เกี่ยวกับการผลิตนาฬิกาแห่งอนาคต รวมไปถึงการจัดประชุมหลายเรื่องในหัวข้อต่างๆ โดยผู้เข้าเยี่ยมชมจะได้เห็นถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จากนิทรรศการภาพถ่าย Timekeepers ของ Luc Debraine ซึ่งแสดงภาพด้วยบทกวีราวๆ สามสิบช็อต

1711621243192

นอกจากนี้ยังมีการรายงานจาก The Time Show นิตยสารโซเชียลมีเดียเล่มใหม่ของเราและ ที่จะนำเสนอสรุปงานรายวัน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ติดตามงาน ได้สนุกและตื่นเต้นไปกับงานในตลอดทุกวัน และยังนับเป็นครั้งแรกที่คนทั่วไป จะสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าชมนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดได้อย่างใกล้ชิด และค้นพบความลับของกลไกระดับสูง พร้อมบริการทัวร์พร้อมไกด์ ซึ่งนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาอีกด้วย

 

S 35078146

 

ส่วนนาฬิการุ่นใหม่ๆ ในปีนี้ยังมีเพิ่มเติมอีกมายมายไม่ว่าจะเป็น ARNOLD&SONS Longtitude Titanium นาฬิกาสปอร์ตรุ่นแรกของแบรนด์พร้อมสายแบบอินทิเกรด ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองกับสายยาง กับเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเดินทางทางน้ำในอดีตของแบรนด์ ในขณะที่ ANGELUS แบรนด์นาฬิกาในค่ายเดียวกันนำเสนอ Instrument de Vitesse นาฬิกาของแพทย์จากในอดีตที่มีการปรับเปลี่ยนให้งดงามยิ่งขึ้น

 

S 35078148

 

ต่อมากับ CHOPARD กับ Alpine Eagle ที่ปีนี้นำเสนอในแบบฟูลพาเว่ที่ประดับเพชร อย่างอลังการเต็มทั้งตัวเรือนและสาย พร้อมกับ L.U.C Full Strike ที่โดดเด่นด้วยกลไกมินิทรีพีทเตอร์ พร้อมเสียงที่กังวานยิ่งขึ้น จากก็องที่ถูกหล่อเป็นชิ้นเดียวกันกับกระจกแซฟไฟร์ด้านหน้า ซึ่งถือเป็นเทคนิคใหม่ของกลไกมินิทรีพีทเตอร์ ที่ไม่เคยมีมาก่อน มากับหน้าปัดโทนสีเขียวอ่อนให้ความรู้สึกผ่อนคลายและนุ่มนวล

 

S 35078149

 

S 35078150

 

ส่วนนาฬิการุ่นที่น่าสนใจมากหนึ่งรุ่นในงานก็คือ PIAGET Altiplano Ultimate Concept Tourbillon ที่เป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของนาฬิการุ่นนี้ กับความบางของตัวเรือนในขนาด 2มิลลิเมตรพร้อมชุดกลไกตูร์บิยอง ส่วน A. LANGE & SöHNE ปีนี้นำเสนอ Datograph กับหนึ่งในตำนานนาฬิกาโครโนกราฟที่ดีที่สุดของโลก พร้อมการพัฒนาไปอีกขั้นในปีนี้ ที่ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำได้อย่างชัดเจน

 

S 35078151

 

S 35078152

 

S 35078153

 

S 35078154

 

ในขณะที่ IWC ปีนี้กับการนำเสนอนาฬิกาในกลไกเพอเพทชวลคาเลนดาร์ ที่พัฒนาไปจนถึงขั้นระดับสูงสุดในชื่อ Eternal Calendar ที่สามารถแสดงค่าเวลาได้อย่างยาวนานมากกว่าที่เคยมี พร้อมกันนี้ก็นำเสนอ Portugieser Hand-Wound Tourbillon Day&Night ที่มีการนำเสนอชุดแสดงค่ามูนเฟสแบบสามมิติบนหน้าปัด ณ บริเวณ 9 นาฬิกาเป็นครั้งแรกของแบรนด์

 

S 35078157

 

S 35078159

 

ถัดมาเป็น PANERAI ที่นำเสนองานที่ร่วมมือกันกับ LUNA ROSSA ทีมแข่งเรือชื่อดังที่ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง กับนาฬิการุ่น Submersible ที่ยังคงความแกร่งในสไตล์ PANERAI ได้อย่างครบถ้วน ส่วน TAG Heuer มีการนำเสนอนาฬิการุ่น Carrera ในแบบต่างๆ ทั้งสตีลที่มีลุคที่ใช้งานง่าย พร้อมระดับราคาที่เข้าถึงได้ หรือจะเป็นในแบบเรือนทองที่ ให้ลุคแบบวินเทจลักซ์ชัวรี่ได้อย่างชัดเจน

 

S 35078160

 

S 35078161

 

S 35078162

 

S 35078163

 

S 35078164

 

S 35078165

 

ปิดท้ายกันกับ LOUIS MOINET ที่ดำเนินเรื่องราวต่อเนื่องของวรรณกรรมชุด 80 วันรอบโลก กับนาฬิกาเซ็ต 8 เรือนที่นำเสนอภาพลักษณ์ต่างๆ ของแต่ละเมืองเด่นในโลก พร้อมงานศิลปะแขนงต่างๆ บนหน้าปัดได้อย่างโดดเด่น ในขณะเดียวกันก็มีการตีความในการนำเสนอตามรูปแบบที่แตกต่างกันไป โดยหนึ่งในเรือนเด่นคือ Floating Market นาฬิกาที่มาจากการตีความหนึ่งในภาพลักษณ์สำคัญของประเทศไทย

 

S 35078166

 

S 35078167