The Masterpiece of MAURICE LACROIX, Part I

"Masterpiece" ถือเป็นหนึ่งคำที่มักถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการผลิตนาฬิกา และสำหรับ MAURICE LACROIX แล้ว คำนี้ไม่ใช่เป็นเพียงคำที่ถูกนำมาใช้ แต่หมายถึงความพิเศษที่แบรนด์ตั้งใจสร้างสรรขึ้นมาจริงๆจากในช่วงที่ประวัติศาสตร์ของวงการนาฬิกาสวิส อาจต้องยุติบทบาทลงในยุคควอท์ซไครซิส การสร้างนาฬิกาคอลเลคชั่น "Masterpiece" ขึ้นจึงถือเป็นอีกหนึ่งในความศรัทธาอันแรงกล้าของแบรนด์

 

Screen Shot 2566 12 01 at 20.36.58

 

ที่รวมถึงความมั่นใจในอนาคตของนาฬิกาแบบจักรกล ที่ต้องใช้เวลาต่อสู้มาอย่างยาวนาน จนมาถึงวันนี้ที่โลกยอมรับนาฬิกาแบบจักรกล และถือเป็นหนึ่งในศิลปะชั้นสูง รวมทั้งมูลค่าที่สูงลิบลิ่วตามมา ซึ่งสำหรับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Masterpiece แล้ว สิ่งนี้ถือเป็นหนึ่งในรากเหง้าสำคัญและเป็นที่มาของแบรนด์ในปัจจุบัน แม้ว่าในทุกวันนี้ความเป็น MAURICE LACROIX อาจมองเห็นได้จากคอลเลคชั่น AIKON เป็นหลัก

 

Screen Shot 2566 12 01 at 20.02.55

 

โดย MAURICE LACROIX ยังคงปักหลัก ณ แหล่งการผลิตในเมืองเซนจ์เนอเลอจีเอร์เดิม อันเป็นโรงงานที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1975 โดย DESCO VON SCHULTHESSAG เพื่อสร้างชุดกลไกแบบพิเศษในราคาที่เหมาะสม สำหรับส่งป้อนตลาดนาฬิกาในยุคนั้น จนกลายเป็นแนวคิดในการเริ่มต้นสร้างแบรนด์ในชื่อตัวเอง พร้อมทั้งนำแนวคิดของการผลิตนาฬิกาแบบจักรกล ในราคาที่เหมาะสมออกสู่ตลาดในหลายคอลเลคชั่น

 

Screen Shot 2566 12 01 at 20.20.19

 

ซึ่งสำหรับคนนาฬิกามือใหม่ที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์มากนัก นาฬิกาที่มีองค์ประกอบอันครบถ้วน ตามแบบนาฬิกาสวิสชั้นสูง ที่มีทั้งกลไกที่แสดงฟังก์ชั่นต่างๆ มากมาย รวมไปถึงมีภาพลักษณ์ของนาฬิกาแบบจักรกลอย่างชัดเจน ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว โดยเฉพาะนาฬิกาในรูปแบบสเกเลตันที่ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของแบรนด์ ที่ให้ได้ทั้งความพึงพอใจ ความหรูหรา และความน่าหลงใหลด้วย

 

isochrono maurice lacroix aikon master grand date 04

 

นาฬิกา MAURICE LACROIX ในคอลเลคชั่น Les Mécaniques เดิมหรือคอลเลคชั่น Masterpiece ในปัจจุบัน ถือเป็นคอลเลคชั่นเดียวของแบรนด์ ที่จะประกอบไปด้วยนาฬิกาแบบจักรกลเท่านั้น ซึ่งอาจมีนาฬิกาบางรุ่นจากคอลเลคชั่นอื่นมารวมเอาไว้ด้วย อย่างเช่นนาฬิการุ่น AIKON Grand Date ที่ใช้กลไกระดับสูงของแบรนด์ มานำเสนอในภาพลักษณ์ของนาฬิกาแบบคนเมืองรุ่น AIKON ที่ถือเป็นกลุ่มนาฬิกาแบบสูงสุด

 

Screen Shot 2566 12 01 at 20.14.39

 

จากเดิมที่แบรนด์จะเลือกใช้กลไกจากผู้ผลิตชั้นนำต่างๆ ทั้ง PERSEUX, VENUS, ETA, UNITAS (ETA) หรือในยุคหลังๆ อย่าง SELITA มาเลือกใช้โดยในหลายครั้งจะเลือกใช้วิธีการ ผสมผสานชุดกลไกเข้ากับโมดูลพิเศษที่แบรนด์พัฒนาขึ้น เพื่อให้เกิดเป็นฟังก์ชั่นการทำงานที่ซับซ้อน เช่น การแสดงค่าแบบเรโทรเกรด, การแสดงค่าพลังสำรองลาน หรือแม้กระทั่งชุดแสดงค่าแบบเพอเพทชวลคาเลนดาร์

 

Screen Shot 2566 12 01 at 20.33.05

 

ที่ทำให้เห็นว่ายังคงมีผู้คนมากที่ยังชื่นชอบ กลไกที่สวยงามพร้อมคุณค่าในสนนราคาที่เหมาะสม จนทำให้ MAURICE LACROIX ตัดสินใจต่อยอดนาฬิกาในคอลเลคชั่น Masterpiece ไปอีกระดับโดยมีเงื่อนไขสำคัญทางด้านราคาเป็นหลัก เนื่องจากชุดกลไกแบบซับซ้อนเดิม ต่างยุติการผลิตไปแล้วและหายากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กลไกพื้นฐานก็อาจไม่เพียงพอต่อการโมดิฟายได้อีกต่อไป

 

03.1273 1

 

ฉะนั้นความเป็นไปได้ในแง่ของความสมดุล ระหว่างความเป็นกลไกแบบซับซ้อนและราคาที่เหมาะสม จึงถือเป็นเงื่อนไขสำคัญของแบรนด์ที่ต้องคำนึง เพราะหากพัฒนาชุดกลไกหนึ่งชุดไปแล้ว มูลค่าในการสร้างกลไกในแต่ละชุดอาจทำให้ระดับราคา ไม่ได้เป็นไปตามโครงสร้างแต่เดิมที่ตั้งใจเอาไว้ ดังเช่นในปี 2006 ที่แบรนด์ได้สร้างกลไกที่พัฒนาเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก นั่นคือกลไกอินเฮ้าส์โครโนกราฟคาลิเบอร์ ML106

 

Maurice Lacroix ML106 1 limited ed

 

รวมทั้งกลไกแบบซับซ้อนอีกมากมายตามมา โดยพยายามทำให้โครงสร้างราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้จะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่อย่างที่ตั้งใจ แต่ก็สามารถสร้างคอลเลคชั่นให้แข็งแกร่งได้ และยังคงความเป็น Masterpiece ไว้ตลอดมา ในขณะเดียวกันกับที่โลกแห่งนาฬิกา มีการพัฒนาไปในทิศทางมากมาย รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย ที่ทำให้การพัฒนาเพียงชุดกลไกไม่ได้เป็นโจทย์สำคัญโจทย์เดียวอีกต่อไป

 

 

 Screen Shot 2566 12 01 at 20.42.31