BLANCPAIN Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3
BLANCPAIN ก้าวสู่ไตรภาคแห่งการฉลองครบรอบ 70 ปีของ Fifty Fathoms สุดยอดนาฬิกาดำน้ำระดับไอคอนกับเรือนเวลาใหม่ล่าสุด “Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3” ที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจมาจากรุ่น MIL-SPEC ซึ่งรังสรรค์ขึ้นสำหรับเหล่าทัพต่างๆ ในอดีต พร้อมเผยในแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มีเพียง 555 เรือนทั่วโลกเท่านั้น กับนิยามบทใหม่ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นตามอัตลักษณ์ของ Fifty Fathoms นั่นคือฟังก์ชั่นแสดงความชื้นโดย Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3 ยังคงขนาดตัวเรือนไว้ที่ 41.30 มิลลิเมตรเฉกเช่นเดียวกับรุ่นต้นแบบและมาในวัสดุทองบรองซ์ 9K
Fifty Fathoms เป็นผลิตผลจากไอเดียซึ่งบรรเจิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด จากการดำน้ำครั้งหนึ่งที่หากเรื่องเกิดพลิกผันขึ้นมา ก็อาจจะเป็นอะไรที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง โดยในวันหนึ่งขณะที่ Jean-Jacques Fiechter อดีตซีอีโอของ BLANCPAIN ผู้หลงใหลในการดำน้ำเป็นอย่างยิ่ง กำลังดำน้ำอยู่ที่รีสอร์ทสุดโปรด ณ เมืองคานส์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ก็เกิดเหตุอากาศสำหรับหายใจหมดถัง ประสบการณ์ชี้เป็นชี้ตายครั้งสำคัญนี้ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความสำคัญยิ่ง ที่นักดำน้ำจะต้องมีอุปกรณ์บอกเวลาที่ออกแบบมาเพื่อการดำน้ำโดยเฉพาะ และนั่นทำให้เขาได้คิดค้น Fifty Fathoms ซึ่งถือได้ว่าเป็นนาฬิกาสำหรับดำน้ำอย่างแท้จริงเรือนแรกของโลก
โดยนาฬิการุ่นนี้ประกอบด้วยกลไกอัตโนมัติ เพื่อลดปริมาณการสึกหรอบริเวณยางปะเก็น ที่เม็ดมะยมเมื่อเทียบกับการใช้กลไกไขลาน และมีความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็ก ซึ่งจำเป็นต่อโลกแห่งการดำน้ำ พร้อมทนแรงดันน้ำลึกขั้นต่ำระดับ 10 บาร์ และหลักบอกชั่วโมงเรืองแสงขนาดใหญ่ ตัดกับหน้าปัดสีเข้มเพื่อให้อ่านค่าเวลาได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฟีจเจอร์เด่นของเรือนต้นแบบรุ่นปี 1953 โดยในส่วนของเม็ดมะยมจะมีการซีลสองชั้นป้องกันน้ำเข้า พร้อมระบบซีลฝาด้านหลังตัวเรือน เพื่อป้องกันโอริงที่อาจบิดงอตอนประกบกับตัวเรือน รวมไปถึงขอบเบเซลหมุนสำหรับจับเวลาที่สามารถล็อคได้
ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของทางแบรนด์ ด้วยฟังก์ชั่น ความสามารถ และประสิทธิภาพต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้บรรดากองทัพในยุคสมัยนั้น ทั้งฝรั่งเศส, เยอรมนี, สหรัฐอเมริกา นอร์เวย์และอีกมากมาย เลือกให้เหล่านาวิกโยธินสวมใส่เรือนเวลาดังกล่าว และไอเดียของ Jean-Jacques Fiechter ได้ทำให้ Fifty Fathoms กลายเป็นต้นแบบของนาฬิกาดำน้ำแห่งวงการนาฬิกาตั้งแต่วันนั้นจวบจนวันนี้ ซึ่งเรื่องราวก็ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะถึงนาฬิกาเรือนนี้จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน ความปลอดภัยในการดำน้ำในช่วงทศวรรษ 1950 Jean-Jacques Fiechter ก็ยังได้พัฒนาสิ่งใหม่ๆ ขึ้น
นั่นคือมาตรวัดความชื้น (Moisture Indicator) ซึ่งเป็นฟีจเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายเพื่อยืนยันให้นักดำน้ำมั่นใจว่า นาฬิกายังใช้การได้ดีและไม่เกิดความเสียหายใดๆ โดยฟีจเจอร์นี้พบได้บนหน้าปัดนาฬิกาแบบ MIL-SPEC ในปี 1957 ที่กลายเป็นรุ่นที่หายากที่สุดและเป็นรุ่นที่เหล่านักสะสม ต่างต้องการมีไว้ในครอบครองมากที่สุด โดยฟีจเจอร์นี้เป็นคุณสมบัติที่ราชนาวีสหรัฐฯเป็นผู้กำหนดขึ้น และทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นนาฬิกาเพียงรุ่นเดียว ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดสำหรับการปฏิบัติภารกิจใต้น้ำทุกประการ ดังนั้น Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3 จึงนับเป็นการสดุดีแด่นาฬิกาเรือนต้นแบบนั่นเอง
เป็นที่ชัดเจนว่าเรือนเวลารุ่นฉลองครบรอบเรือนที่สามนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาในประวัติศาสตร์ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันผลกระทบจากสนามแม่เหล็ก ของกองทัพเรือสหรัฐฯโดยมากับหน้าปัดสีดำด้าน พร้อมการเคลือบสารเรืองแสงซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® แบบวินเทจบริเวณหลักชั่วโมง พร้อมขอบเบเซิลที่หมุนได้ทิศทางเดียวที่ผลิตจากเซรามิคสีดำ ส่วนบริเวณสเกลจับเวลาจะเคลือบสารเรืองแสงซุปเปอร์-ลูมิโนว่า® แนววินเทจเช่นกัน เข้าคู่กับสายนาโต้แบบทูโทนในเฉดสีเดียวกับเรือนออริจินัล ผลิตจากซากอวนจับปลาที่กู้ขึ้นมาจากทะเล ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นฟีเจอร์ที่นาฬิกาทั้งสองรุ่นมีคล้ายคลึงกัน
ส่วนความแตกต่างจะอยู่ตรงวัสดุตัวเรือนโดยตัวเรือนรุ่น MIL-SPEC ต้นแบบของเรือนฉลองครบรอบจะผลิตจากแร่เงินของเยอรมัน ในขณะที่ตัวเรือน Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3 จะผลิตจากทองบรอนซ์ 9K ซึ่งเป็นอัลลอยด์ที่ถูกจดสิทธิบัตร ที่ผลิตจากทองคำจำนวน 37.5% (Hallmarked 9K) และทองแดงอีกจำนวน 50% ทำให้มีคุณสมบัติเป็น “บรองซ์” รวมถึงเงิน, แพลเลเดียม และแกลเลียม ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ได้โทนออกสีชมพูดูสวยงาม นอกจากนี้โลหะบรองซ์ชนิดนี้ยังโดดเด่น ตรงที่สามารถสวมใส่สัมผัสผิวหนังโดยตรงได้ ต่างจากบรอนซ์แบบดั้งเดิม
และยังทนทานกว่าเพราะมีส่วนผสมของทองคำ จึงป้องกันไม่ให้เกิดการออกซิเดชั่นที่จะทำให้เกิดสีสนิมเขียว จากแนวคิดที่จะสร้างให้นาฬิการุ่นฉลองครอบรอบนี้ เป็นการเชิดชูดีเอ็นเอของรุ่นออริจินัล โดยมีการปรับปรุงให้ทันสมัยและเหมาะกับการใช้งานในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น พร้อมการทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 1154.P2 กันน้ำได้ในระดับ 30 บาร์ พร้อมกระปุกลานคู่ที่ให้พลังสำรองลานได้นาน 100 ชั่วโมง และซิลิคอนบาลานซ์สปริง ที่ทำให้มั่นใจได้ว่ากลไกจะต้านทานต่อพลังสนามแม่เหล็ก และยังเป็นครั้งแรกที่นำเสนอกลไกนี้ในเวอร์ชั่น 1,000 เก๊าส์ ที่เกิดขึ้นได้จากวัสดุที่เลือกใช้
พร้อมอัลลอยด์เฉพาะสำหรับเอสเคปเมนท์ ซึ่งอีกหนึ่งข้อแตกต่างจากรุ่นต้นแบบ คือการเผยโฉมการทำงานของกลไก โดยรุ่นต้นแบบจะไม่สามารถมองเห็นการทำงานของกลไกได้ เพราะในยุคนั้นจะมีวิธีเดียวที่จะต้านทานอานุภาพสนามแม่เหล็กได้ คือการนำกลไกทั้งหมดใส่ไว้ในกรงโลหะเนื้ออ่อน ในขณะที่ Fifty Fathoms 70th Anniversary Act 3 เผยให้ยลโฉมหัวใจของกลไกผ่านกระจกแซฟไฟร์ใสที่กรุด้านหลัง เนื่องด้วยการใช้สปริงที่ไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็ก ทำให้สามารถมองเห็นการทำงานของกลไกได้อย่างชัดเจน โดยไม่สูญเสียคุณสมบัติการป้องกันผลกระทบ จากสนามแม่เหล็กแต่อย่างใด
เพื่อเผยให้เห็นบริดจ์ที่ขยายสัดส่วนขึ้นมาเทียบเคียงกับเมนเพลท ซึ่งตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากยุคก่อน พร้อมชุดโรเตอร์รูปทรงเรขาคณิตที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจ มาจากโรเตอร์รุ่นประวัติศาสตร์ที่มีการฉลุช่องเปิดเพื่อความละเมียดละไมยิ่งขึ้น และทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการขัดแต่งลายก้นหอยที่ชวนให้นึกถึงจังหวะการทำงานของกลไก สลักโลโก้แบบโบราณเงางามด้วยวัสดุทองคำให้อารมณ์วินเทจ มาพร้อมกล่องที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเคสของกล้องในสมัยก่อน สื่อถึงโครงการอนุรักษ์มหาสมุทรของ BLANCPAIN เพื่อสืบสานและสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้กับนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกที่แท้จริงของโลก