BOVET Manufacture Visit
BOVET เป็นแบรนด์นาฬิกาอีกแบรนด์ที่ iamwatch.net และคณะได้มีโอกาสไปเยือนในทริปนี้ ซึ่งทุกครั้งที่ไปก็จะสัมผัสได้ถึงความสวยงามของโรงงานแห่งนี้ พร้อมความสามารถด้านการผลิตในระดับสูง และทำงานการผลิตเกือบทั้งหมดเฉพาะสำหรับ BOVET เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนตั้งแต่การใช้เครื่องซีเอ็นซีเพื่อผลิตตัวเรือนและชิ้นส่วนต่างๆ ไปจนกระทั่งงานด้านการประกอบเป็นเรือนเรียบร้อย
โดยมีคุณปภัสรินทร์ ไชยฐิติมนตรี ตัวแทนจากทาง BOVET ประเทศไทย บินไปต้อนรับคณะถึงนูเชอเทล ณ โรงแรม Palafitte พร้อมดินเนอร์มื้อพิเศษและเป็นกันเอง โดยการเยี่ยมชมโรงงานเริ่มต้นในวันรุ่งขึ้นที่เฟลอริเยร์ โรงงาน DIMIER ดั้งเดิมซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นโรงงานของ BOVETจากการเข้ารวมกิจการกัน ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีศักยภาพด้านการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เป็นหลัก
ตั้งแต่การใช้เครื่องจักรหนักพร้อมวัตถุดิบที่เพียบพร้อม ในการผลิตตัวเรือนและชิ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนของชุดกลไกอย่างเช่นแท่นกลไก ที่โรงงานแห่งนี้มีความสามารถด้านการผลิตในระดับสูง จากระดับและความซับซ้อนของแท่นกลไก เพื่อนำมาใช้สร้างเป็นนาฬิกาในแบบสลับซับซ้อน ซึ่งเป็นภาพลักษณ์สำคัญของแบรนด์มาอย่างยาวนาน
ทั้งด้านความตื้นลึกของชิ้นงาน รูปทรงของทั้งการเซาะร่อง เจียรขอบเล่นระดับ เพื่อให้สามารถบรรจุฟันเฟืองต่างๆ มากมายและซับซ้อน ในพื้นที่อันจำกัดของตัวเรือนได้ ซึ่งถือเป็นความพิเศษสำหรับเรือนเวลาระดับสูง เนื่องจากชิ้นงานที่สลับซับซ้อนเช่นนี้ จะมีเพียงไม่กี่โรงงานเท่านั้นที่สามารถทำได้ รวมไปถึงชิ้นงานขนาดเล็กต่างๆ มากมาย จนกระทั่งถึงชิ้นสกรูว์ที่เล็กขนาดมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น
ซึ่งจะมีทีมออกแบบคอยกำกับและดูแลงานด้านการผลิตไปพร้อมกัน และจะทำให้ได้ชิ้นงานสำเร็จได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังต้องความสามารถของผู้ควบคุมเครื่องจักร ที่ต้องมีประสบการณ์และความสามารถทางด้านนี้เป็นพื้นฐานมาก่อน เนื่องจากความสลับซับซ้อนของชิ้นงานเหล่านี้ จะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงการทำงานของกลไกทั้งหมดในที่สุด
จากนั้นคณะจึงเดินทางไปที่เทรเมลาน สถานที่ตั้งของชาโตว์เดอโมติเยร์ ซึ่งเป็นบ้านและโรงงานผลิตนาฬิกา BOVET มาตั้งแต่ปี 1835 พร้อมถนนและพื้นที่ในเขตนั้นที่ถูกเรียกกันว่า BOVET โดยโรงงานแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 และ Henry-François Dubois-Bovet ได้เข้าเป็นเจ้าของในภายหลัง และยังคงรูปแบบดั้งเดิมไว้ตั้งแต่ทางเข้า ถนนทางเดิน ไปจนถึงคุกใต้ดินที่ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
โรงงานแห่งนี้เป็นแหล่งประกอบนาฬิกาของ BOVET ทั้งหมดโดยนำส่วนประกอบต่างๆ มาทำงาน ณ ชาโตว์แห่งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นโรงงานนาฬิกาที่มีทั้งความสวยงาม ความทันสมัย พร้อมวิวทิวทัศน์ที่ถือว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีความสามารถด้านการผลิตในระดับสูงเป็นที่ตั้ง ตั้งแต่ขั้นตอนการขัดแต่งชิ้นงานทั้งหมด อย่างประณีตและพิถีพิถันในระดับสูงสุด
งานการสร้างลวดลายบนแท่นเครื่องในแบบต่างๆ จากอุปกรณ์และเครื่องใช้ที่ยังคงทำงานด้วยมือเป็นหลัก ซึ่งในส่วนนี้ทาง BOVET เปิดโอกาสให้คณะได้ทดลองใช้งาน และทำงานกับเครื่องมือเหล่านี้ เพื่อให้เห็นถึงวิธีการอันซับซ้อน และมีขั้นตอนตามรูปแบบการผลิตนาฬิกา จากยุคดั้งเดิมที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน พร้อมการให้ทดลองใช้งานสกรูว์ขนาดเล็ก ตามแบบที่ช่างนาฬิกาต้องกระทำบนแท่นกลไกจริง
นอกจากนี้ยังมีงานการแกะสลักอันวิจิตร ในรูปแบบที่หาได้ยากจากนาฬิกาทั่วๆ ไปในระดับราคาเดียวกัน พร้อมกับงานด้านการวาดภาพบนหน้าปัดมุก (ไมโครเพนท์ติ้ง) ในแบบภาพเหมือนด้วยสีอีนาเมล ที่สามารถให้มิติและความสมจริงกับภาพได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมไปถึงงานด้านการเคลือบอีนาเมล บนพื้นผิวที่ผ่านการสลักลวดลายกิโยเช่ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นอีกหนึ่งภาพลักษณ์สำคัญของนาฬิกา BOVET
หลังจากนั้นจึงเป็นการทานอาหารกลางวัน ณ ชาโตว์แห่งนี้โดยมี Mr. Pascal Raffy เจ้าของแบรนด์นาฬิกา BOVET ให้เกียรติต้อนรับคณะอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง รวมทั้งยังได้มีโอกาสชมมิวเซียมเล็กๆ ในชาโตว์ซึ่งเพิ่งเปิดรับผู้มาเยือนอย่างเป็นทางการ โดยมี Mr. Raffy นำชมนาฬิกาเรือนพิเศษแต่ละเรือนอย่างละเอียดด้วยตัวเอง พร้อมการพูดคุยและแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านต่างๆ อย่างจุใจ
สุดท้ายคือการได้ชมคอลเลคชั่นนาฬิกาจำนวนมากของ BOVET ที่ทั้งอลังการและวิจิตร ที่ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็จะรู้สึกได้ถึงความพิเศษ และความเป็นเอกภาพของแบรนด์ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยความสวยงาม ความล้ำค่า จากศักยภาพทางด้านการผลิต และแนวคิดในการออกแบบพร้อมนำเสนอ ที่ล้วนแล้วมาจากตัว Mr. Pascal Raffy ผู้ชื่นชอบและเป็นนักสะสมนาฬิกาด้วยกันนั่นเอง
ขอขอบคุณภาพถ่ายจากคุณอรุณ ซุกลา, คุณชลิต สุนทรพลิน, คุณอารยา วทัญญุภาพ, คุณอรรจนรัชต์ สีพยา และคุณสุวัฒน์ สุขกาย พร้อมทั้งเพจ BOVET Club Thailand