GRAND SEIKO with 3 Birch Collection
ป่าต้นเบิร์ช ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ที่เป็นตัวแทนของธรรมชาติแห่งเวลาตามปรัชญา “Nature of Time” ที่ดีไซเนอร์ของ GRAND SEIKO เลือกมาถ่ายทอดสู่รูปแบบของหน้าปัดนาฬิกา และด้วยลักษณะที่สวยงามของริ้วลายดุจลำต้นของต้นเบิร์ชในป่า อันเป็นรูปแบบเฉพาะตัวก็ทำให้หน้าปัดลายเบิร์ชของ GRAND SEIKO สามารถครองใจคนรักนาฬิกาทั่วโลกได้ในทันทีที่ได้ยล และแพร่ขยายความนิยมสู่วงกว้างไปอย่างรวดเร็ว เพราะการจ้องมองหน้าปัดลายเบิร์ชอย่างใกล้ชิด จะก่อความรู้สึกราวกับได้สัมผัสความสวยงาม เช่นเดียวกับที่ผู้มาเยือนป่าเบิร์ชจะได้รับ และเป็นการนำพาให้สามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติอีกด้วย
GRAND SEIKO นำเสนอความงามแห่งหน้าปัดลวดลาย แบบป่าต้นเบิร์ชออกมาหลายรูปแบบด้วยกัน เริ่มจากไวท์เบิร์ช รูปแบบต้นเบิร์ชสีขาวที่เป็นต้นกำเนิดแห่งหน้าปัดลายเบิร์ช ที่นำฉากทัศน์แห่งป่าต้นเบิร์ชสีขาว ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณใกล้กับสตูดิโอชิสุกุอิชิ อันเป็นแหล่งผลิตเรือนเวลาจักรกลของ GRAND SEIKO ที่ใช้กลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติแบบไฮ-บีท (Hi-beat) ให้พลังสำรองลานนาน 80 ชั่วโมง ในนาฬิกาคอลเลกชั่น Evolution 9 ใน Ref. SLGH005 โดยริ้วลายจำแลงแห่งป่าต้นเบิร์ชสีขาวนี้ ได้รับการถ่ายทอดร่วมกับผิวทรายหยาบบนหน้าปัด เพื่อร่วมกันมอบความมีชีวิตชีวาแห่งผืนป่าในทุกครั้งที่ได้สัมผัสถึง
ส่วนนาฬิกาในคอลเลคชั่น Evolution 9 ใน Ref. SLGH011 กรีนเบิร์ชคือนาฬิกาในอีกหนึ่งเวอร์ชั่นของหน้าปัดลายเบิร์ช ที่ตีความจากความชอุ่มของใบไม้สีเขียวแห่งป่าเบิร์ชใกล้สตูดิโอชิสุกุอิชิ เพื่อมอบความงามจากสีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ ของใบไม้ที่นำมาซึ่งความสดชื่นในทุกครั้งที่ได้มอง พร้อมขับเน้นชิ้นงานมาร์กเกอร์แสดงเวลาชั่วโมง และเข็มสีเงินกระจ่างให้อ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งมาร์กเกอร์ทุกชิ้นจะได้รับการตัดและเจียรให้มีหลายเหลี่ยมมุม อย่างคมชัดพร้อมเซาะร่องไว้ที่แนวกลางเพื่อการสะท้อนประกายแสง และเงาอันซับซ้อนสู่สายตาร่วมกับประกายแสงที่สะท้อนจากเหลี่ยมมุมของเข็ม
ประกายสีเงินของเรือนสตีลตั้งแต่จากตัวเรือน จรดสู่สายที่ตัดกันได้ดีกับสีเขียวเข้มลายเบิร์ช เพื่อสร้างความเข้มขรึมสง่างาม แต่แฝงไว้ซึ่งความละเอียดอ่อนในทุกองค์ประกอบ พร้อมผิวที่ขัดเงาแบบซารัทสึที่มีเส้นขอบที่คมชัด สลับด้วยพื้นผิวแฮร์ไลน์เส้นบางและละเอียด ร่วมกันสร้างความโดดเด่นในสไตล์ของนาฬิกาจาก GRAND SEIKO ที่ไม่อาจพบได้จากนาฬิกาอื่นทั่วไป กับลายไม้เบิร์ช 3 มิติสีเขียวของหน้าปัดที่ถ่ายทอดความร่มรื่นของป่าต้นเบิร์ชได้อย่างน่าประทับใจ โดยความงามสง่าของหน้าปัดลายเบิร์ชนี้ จะถ่ายทอดเป็นความงามหรูอันโดดเด่น ร่วมกับประกายอันงดงามของตัวเรือน และสายสตีลสู่ข้อมือดุจเครื่องประดับชั้นเลิศ
และสำหรับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Evolution 9 ใน Ref. SLGH017 คือไนท์เบิร์ช หน้าปัดในรูปแบบล่าสุดแห่งซีรี่ส์หน้าปัดลายเบิร์ช ที่มากับความสุขุมมืดครึ้มแห่งความมืดมิด ในยามค่ำคืนของป่าเบิร์ชอันกว้างใหญ่ ซึ่งแทนด้วยสีดำที่มอบมิติอันล้ำลึกให้แก่ผิวลายต้นเบิร์ชอันงดงาม โดยมาพร้อมตัวเรือนที่ผลิตจากไทเทเนียมชนิดความหนาแน่นสูง มอบความสบายในทุกขณะที่สวมใส่ ด้วยน้ำหนักอันแสนเบาของตัวเรือนและสาย โดยผิววัสดุไทเทเนียมจะได้รับการตกแต่ง ด้วยเทคนิคขัดเงาแบบซารัทสึที่ไร้การบิดเบือนของภาพสะท้อน สลับกับผิวปัดลายละเอียดแบบแฮร์ไลน์เช่นเดียวกับวัสดุสตีล
ผิวลายหยาบเปี่ยมมิติของหน้าปัดสีดำ ตัดกับความสว่างของชิ้นมาร์กเกอร์แสดงเวลาชั่วโมงและเข็ม ที่ก่อให้เกิดประกายวิบวับยามต้องแสง และทำให้อ่านค่าเวลาบนหน้าปัดได้อย่างชัดเจนในทุกมุมมอง โดยมาร์กเกอร์แสดงเวลาชั่วโมงจะบรรจงตัด เจียร และเซาะร่องมาอย่างพิถีพิถัน ให้มีขนาดความกว้างที่เท่ากันพอดีกับปลายตัดของเข็มแสดงเวลาชั่วโมง ที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของการออกแบบในทุกรายละเอียด โดยความเข้มขรึมของหน้าปัดลายเบิร์ชสีดำ จะสามารถสัมผัสและครอบครองได้เฉพาะที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKO และ GRAND SEIKO Salon เท่านั้น
คอลเลกชั่นหน้าปัดลายเบิร์ช ทั้ง 3 รุ่นจะมาพร้อมฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ และโรเตอร์ฉลุโปร่งเพื่อแสดงให้เห็นความงดงาม ของดีไซน์ชิ้นบริจด์ในกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติแบบไฮ-บีทคาลิเบอร์ 9SA5 พร้อมให้พลังสำรองลานนานถึง 80 ชั่วโมง โดยชิ้นบริจด์นี้จะมีแนวที่โค้งละมุน จากแรงบันดาลใจในรูปทรงของภูเขาอิวาเตะที่โน้มเอนสู่แนวริมแม่น้ำชิซุกุอิชิ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านสตูดิโอชิซุกุอิชิของ GRAND SEIKO ดังนั้นหน้าปัดลายเบิร์ช จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญ แห่งการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ GRAND SEIKO ตามปรัชญา The Nature of Time ที่ดึงเอาธรรมชาติแห่งแหล่งกำเนิดมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ
สำหรับการสร้างสรรค์งานอันล้ำค่าอย่างเรือนเวลาทั้ง 3 ได้อย่างน่าทึ่ง และเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในดีไซน์หน้าปัดที่จะตราตรึง อยู่ในหัวใจของคนรักนาฬิกาไปอีกตราบนานเท่านาน โดยนาฬิกาใน Ref. SLGH005 จะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 353,100 บาท และใน Ref. SLGH011 ที่ 353,100 บาท ส่วนใน Ref. SLGH017 ที่มีตัวเรือนและสายผลิตจากไทเทเนียมจะอยู่ที่ 408,900 บาท